WHO เรียกร้องยุโรปมีฉลากเตือนสุขภาพบน 'ขวดเหล้า' หลังตาย 8 แสนรายต่อปี
ครั้งแรกที่ 'องค์การอนามัยโลก' เรียกร้องให้รัฐบาลยุโรปติดฉลากเตือนเรื่องสุขภาพบน 'ขวดเหล้า' เช่นเดียวกับบุหรี่ หลังพบมีจำนวนผู้เสียชีวิตพุ่งกว่า 8 แสนรายต่อปี แต่กลับมีผู้ตระหนักถึงภัยอันตรายน้อยกว่าที่คิด
องค์การอนามัยโลก ได้เรียกร้องให้รัฐบาลในยุโรปติดฉลากเตือนเรื่องสุขภาพจากการดื่มแอลกอฮอล์บนขวดที่สามารถก่อให้เกิดมะเร็งได้ เช่นเดียวกับผลิตภัณฑ์ประเภทบุหรี่ หลังจากที่ผลวิจัยพบว่ามีผู้เสียชีวิตจากการดื่มแอลกอฮอล์กว่า 8 แสนรายต่อปีในยุโรป แต่คนส่วนน้อยกลับไม่ตระหนักถึงความเสี่ยงดังกล่าว
ผลการศึกษาขององค์การอนามัยโลกพบว่า
- 15% ของผู้ตอบแบบสอบถามที่รู้ว่าแอลกอฮอล์สามารถก่อให้เกิดมะเร็งเต้านมได้
- 39%ของผู้ตอบแบบสอบถามที่รู้ว่าแอลกอฮอล์สามารถก่อให้เกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่
ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยปัญหาสุรา ประเทศไทยได้ตีพิมพ์รายละเอียดของวิจัยนี้เช่นกัน พบว่า
มะเร็งที่พบบ่อยที่สุดจากการดื่มแอลกอฮอล์สำหรับผู้หญิง คือ มะเร็งเต้านม
โดยในปี 2561 ยุโรปมีผู้ป่วย 45,500 ราย และมีผู้เสียชีวิต 12,100 ราย
ในขณะที่ มะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก เป็นมะเร็งที่ผู้ชายจะเป็นบ่อยที่สุดจากการดื่มแอลกอฮอล์
โดยมีผู้ป่วย 59,200 ราย และมีผู้เสียชีวิต 28,200 ราย
"สอดคล้องกับสถิติมะเร็งที่พบบ่อยที่สุดในประเทศไทย
สำหรับผู้หญิงคือ มะเร็งเต้านม และผู้ชายคือ มะเร็งลำไส้
ซึ่งสัมพันธ์กับการดื่มแอลกอฮอล์"
ทั้งนี้ สำนักข่าวรอยเตอร์ เคยนำเสนอข่าวเมื่อวันที่ 3 มกราคม 2568 ที่ผ่านมาโดยระบุว่า ความเชื่อมโยงระหว่างการดื่มแอลกอฮอล์และโรคมะเร็งได้รับการยอมรับมาตั้งแต่ปี 1987 และทำให้สำนักงานวิจัยมะเร็งนานาชาติ (International Agency for Research on Cancer - IARC) ได้จัดประเภทแอลกอฮอล์ว่าเป็นสารก่อมะเร็งในมนุษย์ อีกทั้งยังมีหลักฐานจากการศึกษาในมนุษย์และสัตว์ว่าความเชื่อมโยงดังกล่าวมากขึ้นเรื่อยๆ และคนที่ดื่มแอลกอฮอล์แม้จะเป็นปริมาณที่ไม่มาก ก็มีความเสี่ยงของโรคมะเร็งได้! ทำให้เกิดการแนะนำการบริโภคในปัจจุบันว่า สำหรับผู้ชายดื่มไม่เกินสองแก้วต่อวัน และผู้หญิงไม่เกินหนึ่งแก้วต่อวัน ผลการศึกษาชี้ว่า
ความเสี่ยงที่จะเกิดโรคมะเร็งบางชนิด เช่น เต้านม ช่องปาก และลำคอ จะเพิ่มมากขึ้นหากดื่มเพียงหนึ่งแก้วหรือน้อยกว่าหนึ่งแก้วต่อวันด้วยซ้ำ
แอลกอฮอล์ยังสร้างความเสียหายถึงระดับ DNA โดยร่างกายจะเปลี่ยนแอลกอฮอล์เป็นอะซีตัลดีไฮด์ (Acetaldehyde) ซึ่งเป็นสารเคมีที่สามารถทำลาย DNA และขัดขวางกระบวนการซ่อมแซมเซลลืได้ ซึ่งความเสียหายดังกล่าวจะก่อให้เกิดการกลายพันธุ์และเติบโตของเซลล์ และนำไปสู่การเป็นเนื้องอกได้ในที่สุด
นอกจากนี้ ยังทำให้เกิดกระบวนการออกซิเดชันและการอักเสบ อะซีตัลดีไฮด์ที่เปลี่ยนจากแอลกอฮอล์จะถูกเปลี่ยนเป็นอะซีเตท (Acetate) ผ่านกระบวนการออกซิเดชัน ซึ่งก่อให้เกิดโมเลกุลออกซิเจนที่ไม่เสถียรและเป็นอันตรายต่อเซลล์ ทำให้เซลล์เสียหายและกระตุ้นให้เกิดการอักเสบ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ก่อให้เกิดมะเร็ง และหากมีการสูบบุหรี่ไปพร้อมๆ กัน อนุภาคในควันบุหรี่จะสามารถละลายในแอลกอฮอล์ได้ และทำให้ร่างการดูดซึมสารอันตรายได้ง่ายขึ้น อีกทั้งยังเป็นตัวการเพิ่มระดับฮอร์โมน เช่น เอสโตรเจน ให้สูงขึ้น ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเต้านมและมะเร็งรังไข่
ทั้งนี้ องค์การอนามัยโลกมองว่า การให้เอกชนกำกับตนเองในการให้ติดคำเตือนต่างๆ บนขวด มักจะถูกติดไว้ในพื้นที่ๆ ไม่ค่อยถูกมองเห็นและมีข้อความที่คลุมเคลือ หรือมีการใช้ QR Code ซึ่งทำให้ผู้บริโภคมองข้ามไป จึงควรที่จะมีการติดคำเตือนด้านสุขภาพให้ชัดเจนและเด่นมากขึ้น โดยอาจเป็นในรูปแบบของตัวอักษรและภาพประกอบ เพราะจากงานวิจัยชี้ว่า คำเตือนที่ระบุถึงมะเร็งโดยเฉพาะมีแนวโน้มที่จะกระตุ้นให้ผู้คนพูดถึงความเสี่ยงของการดื่มแอลกอฮอล์ และพิจารณาตนเองว่าดื่มมากน้อยเพียงใด


