posttoday

แพทยสภา ออกข้อบังคับใหม่ "การบริบาลสุขภาพเพื่อยืนยันเพศสภาพ"

15 กุมภาพันธ์ 2568

แพทยสภา ออกข้อบังคับใหม่ 'การบริบาลสุขภาพเพื่อยืนยันเพศสภาพ' มีผลบังคับใช้วันวาเลนไทน์ เปิดข้อกำหนด แพทย์-ผู้รับบริการ

ผศ.นพ.สมิทธิ์ ศรีสนธิ์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เปิดเผยกรณี แพทยสภาออกข้อบังคับใหม่ โดยระบุว่า วาเลนไทน์นี้ มีข้อบังคับแพทยสภาใหม่ออกมาบังคับใช้พอดีเลยครับ จริงๆ ประกาศนานแล้วตั้งแต่กันยายนปีก่อน แต่พึ่งได้ลงราชกิจจานุเบกษา ซึ่งวันที่มีผลบังคับใช้คือวันถัดจากวันที่ประกาศ ก็คือวันนี้พอดี โดยข้อบังคับแพทยสภานี้เน้นจริยธรรมในเรื่อง ”การบริบาลสุขภาพเพื่อการยืนยันเพศสภาพ“

 

สรุปประเด็นน่าสนใจตามนี้

1. นิยาม “การยืนยันเพศสภาพ” คือ กระบวนการในการช่วยให้บุคคลที่มีอัตลักษณ์ทางเพศสภาพต่างจากเพศกำเนิด มีร่างกายหรือสถานภาพทางสังคมที่สอดคล้องกับอัตลักษณ์ทางเพศสภาพ

 

2. ขอเน้นเรื่องนี้ก่อน ตามข้อบังคับนี้ แพทย์ทุกคนสามารถทำการบริบาลสุขภาพเพื่อการยืนยันเพศสภาพได้ และเน้นข้อ 6 ที่ หากแพทย์เห็นว่ามีความซับซ้อนเกินขีดความสามารถ ก็สามารถส่งตัวไปให้คนที่ชำนาญกว่าได้

3. เกณฑ์ของผู้รับบริบาลจะมีสองกรณี คือ

 

3.1. ผู้รับบริบาลที่จะขอรับการให้ยาเพื่อการยืนยันเพศสภาพ

- อายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป แสดงความยินยอมได้ด้วยตนเอง

- อายุต่ำกว่า 18 ปี ต้องได้รับความยินยอมจากผู้ใช้อำนาจปกครองตามกฎหมาย เว้นแต่แพทย์พิจารณาพร้อมเหตุผล โดยบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร แล้วเห็นว่า การขอความยินยอมจากผู้ใช้อำนาจปกครองตามกฏหมายอาจเป็นเหตุให้เกิดอันตรายร้ายแรงต่อสุขภาพและชีวิตของผู้รับบริบาล

 

3.2. ผู้รับบริบาลที่จะขอรับการผ่าตัดเพื่อการยืนยันเพศสภาพ

- อายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป แสดงความยินยอมได้ด้วยตนเอง

- อายุตั้งแต่ 18 ปี และต่ำกว่า 20 ปี ต้องได้รับความยินยอมจากผู้ใช้อำนาจปกครองตามกฎหมาย เว้นแต่แพทย์พิจารณาพร้อมเหตุผล โดยบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร แล้วเห็นว่า การขอความยินยอมจากผู้ใช้อำนาจปกครองตามกฏหมายอาจเป็นเหตุให้เกิดอันตรายร้ายแรงต่อสุขภาพและชีวิตของผู้รับบริบาล

 

4. เงื่อนไขการใช้ยาเพื่อการยืนยันและสภาพ

แพทย์ทุกคนสามารถทำได้ แต่ต้องประเมินสุขภาพองค์รวมของผู้รับบริบาลก่อนการใช้ยา ซึ่งการประเมินสุขภาพองค์รวมหมายถึง การประเมินภาวะอัตลักษณ์ทางเพศสภาพไม่สอดคล้องกับเพศกำเนิด การประเมินความสามารถในการรับรู้ข้อมูลและการตัดสินใจของผู้รับบริบาล และการประเมินภาวะทางสุขภาพกายและจิตใจที่พบร่วม โดยแพทย์ผู้ประเมินสุขภาพองค์รวมเป็นคนเดียวกับแพทย์ที่ให้ยาได้

 

5. ศัลยแพทย์ผ่าตัดเพื่อการยืนยันเพศสภาพ ต้องเป็น Plastic surgeon, Obstetrician-gynecologist, ENT, หรือ แพทย์ที่เกี่ยวข้องกับการผ่าตัดเพื่อการยืนยันเพศสภาพตามที่แพทยสภากำหนด รวมถึงพวก resident ด้วย โดยศัลยแพทย์ตามข้างต้นต้องได้รับการฝึกอบรมการผ่าตัดเรื่องนี้ในระหว่างหรือหลังการฝึกอบรมแพทย์เฉพาะทาง

6. การผ่าตัดเพื่อการยืนยันเพศสภาพ ก่อนผ่าตัด แพทย์ต้องทำดังนี้

- ประเมินสุขภาพองค์รวมในกรณีที่ไม่เคยได้รับการประเมินมาก่อน โดยแพทย์ผู้ประเมินสุขภาพองค์รวมต้องเป็นคนละคนกับแพทย์ที่ผ่าตัด

- ให้ผู้รับบริบาลพบจิตแพทย์เพื่อประเมินความสามารถในการรับรู้ข้อมูล และการตัดสินใจในการผ่าตัด

- การผ่าตัดสร้างช่องคลอดใหม่ สร้างองคชาตใหม่ ผ่าตัดอัณฑะ ผ่าตัดมดลูกและหรือรังไข่ ผู้รับบริบาล ต้องได้รับยามาก่อนผ่าตัดอย่างน้อยหกเดือน เว้นแต่แพทย์พบว่ามีข้อห้ามในการใช้ยา

 

7. กรณีแพทย์ที่เคยให้บริบาลเรื่องนี้ก่อนวันที่ 14 กพ 68 หากเป็นแพทย์ที่ไม่ตรง criteria ตามข้างต้น ก็ยังให้มีสิทธิ์ทำตามเดิม แต่ต้องมาจดแจ้งกับแพทยสภาภายใน 90 วัน

ข่าวล่าสุด

ผ่าต้นทุนยุทโธปกรณ์ งบกองทัพ ศึกไทย-กัมพูชา แตะวันละ 2 พันล้านบาท