ประเทศไทย แหล่งฉีด 'เซลล์เถื่อน'? พบคลินิกผิดกฎหมายหลายร้อยแห่งมากว่า 10 ปี
ย้อนไปในปี 2010 วารสารด้านวิทยาศาสตร์ชั้นนำระดับโลกอย่าง NATURE ระบุว่าไทยมีคลินิกฉีดสเต็มเซลล์ ซึ่งยังไม่ได้รับรองทางการแพทย์ถึงผลลัพธ์ และผิดกฎหมายกว่าหลายร้อยแห่ง ล่าสุดผู้ช่วยแพทยสภาเผยตัวเลขเคสความเสียหายจากคลินิกฉีดสเต็มเซลล์เถื่อนสูงถึง 400 เคสต่อปี
วารสารด้านวิทยาศาสตร์ชั้นนำที่มีชื่อเสียงและทรงอิทธิพลที่สุดฉบับหนึ่งของโลกอย่าง NATURE ซึ่งก่อตั้งยาวนานกว่า 150 ปี เคยลงบทความหนึ่งเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2010 ซึ่งเกี่ยวข้องกับกรณีผู้ป่วยซึ่งฉีดสเต็มเซลล์ในประเทศไทย โดยมีเนื้อหาสรุปใจความสำคัญว่า
มีรายงานว่า การปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิด (สเต็มเซลล์) ให้กับผู้ป่วยโรคไตในประเทศไทยส่งผลให้เกิดการเจริญเติบโตของกลุ่มเซลล์ที่ไม่เคยถูกบันทึกมาก่อน รอยโรคเหล่านี้ได้ถูกอธิบายในงานวิจัยที่ตีพิมพ์ออนไลน์เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน ในวารสารของสมาคมโรคไตแห่งสหรัฐอเมริกา (D. Thirabanjasak และคณะ J. Am. Soc. Nephrol. doi:10.1681/ASN.2009111156; 2010)
โดยปัจจุบันมีคลินิกจำนวนมากกว่าร้อยแห่ง ที่ให้บริการการบำบัดด้วยเซลล์ต้นกำเนิดที่ยังไม่ได้รับการยืนยันประสิทธิภาพและมีการควบคุมที่ไม่เข้มงวดนัก โดยเฉพาะในประเทศจีนและประเทศไทย กรณีนี้จึงเป็นคำเตือนแก่ผู้ป่วยที่อาจกำลังพิจารณารับการบำบัดลักษณะนี้
อาการของผู้ป่วยรายนี้มีอาการโรคไตอักเสบจากโรคแพ้ภูมิตนเอง (SLE) ซึ่งระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายเข้าโจมตีไตของตัวเอง ในปี 2006 เธอเข้ารับการรักษาที่คลินิกเอกชน ซึ่งได้ทำการฉีดเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือดของเธอเข้าสู่ไต เซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือดเป็นเซลล์ที่สามารถพัฒนาเป็นเซลล์เม็ดเลือดชนิดใดก็ได้ รายละเอียดของคลินิกและเหตุผลของการรักษาไม่ได้ถูกเปิดเผย
ผ่านไปหกเดือน เธอเริ่มมีอาการเจ็บและพบเลือดปนในปัสสาวะ การตรวจทางรังสีเผยให้เห็นกลุ่มก้อนขนาด 4 เซนติเมตรที่ไตข้างซ้ายและกลุ่มก้อนเล็กๆ ในไต ตับ และต่อมหมวกไต แพทย์ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ ได้ผ่าไตออก โดยคาดว่าเป็นเนื้องอกร้ายแรง แต่หลังจากตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่าเป็นลักษณะอื่น
"ผมไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนเลย" พอล ธอร์เนอร์ นักพยาธิวิทยาจากโรงพยาบาลเด็กที่โตรอนโต ประเทศแคนาดา ซึ่งทำงานร่วมกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและเป็นผู้ร่วมเขียนในงานวิจัยกล่าว ธอร์เนอร์ตั้งคำเรียกว่า "angiomyeloproliferative" เพื่ออธิบายการขยายตัวของเซลล์หลอดเลือดและเซลล์จากไขกระดูกดังกล่าว
จากบทความพบว่าผู้ป่วยคนดังกล่าวเสียชีวิต แม้ว่าทางทีมแพทย์นักพยาธิวิทยาในประเทศแคนาดา จะไม่ได้ทำการชันสูตรศพ ทีมของเขาจึงสามารถทำงานได้เพียงกับไตที่ถูกผ่าออกเท่านั้น อย่างไรก็ตามทาง พอล ธอร์เนอร์ ยืนยันว่า
"การรักษาด้วยสเต็มเซลล์ ไม่ได้ทำให้เธออาการดีขึ้นแต่อย่างใด"
โดยบทความของ NATURE ระบุว่าผู้ป่วยจำนวนมากกำลังรับการบำบัดด้วยเซลล์ต้นกำเนิดที่ยังอยู่ในขั้นทดลอง แต่การติดตามผลเพื่อพิสูจน์ถึงความปลอดภัยหรือประสิทธิภาพมักจะมีน้อยมาก และในอีกกรณีหนึ่งที่มีการรายงานคือ เด็กชายคนหนึ่งได้รับการบำบัดด้วยเซลล์ต้นกำเนิดจากรกในครรภ์ที่คลินิกในรัสเซียกลับเกิดเนื้องอกในสมองและไขสันหลังแทน
....
14 ปีผ่านไป ในวันที่ 24 ตุลาคม 2567 คมชัดลึก ได้ลงข่าว "แฉ ขบวนการค้าชิ้นส่วนมนุษย์ เตรียมผลิตสเต็มเซลล์ โดยเฉพาะรกเด็กกรุ๊ปโอ" โดยนายจิรายุกล่าวว่า ถึงเวลาที่สังคมไทยจะต้องรับทราบถึงขบวนการค้าชิ้นส่วนมนุษย์ จากที่ได้รับทราบข้อมูล เมื่อคุณแม่ไปคลอดลูก ส่วนมากจะไม่ได้ใส่ใจที่จะเก็บรกลูกไว้ เมื่อคุณหมออนุญาตให้กลับบ้านส่วนใหญ่ก็จะพาลูกกลับบ้าน จึงเป็นโอกาสให้บุคลากรทางการแพทย์นำรกเด็ก โดยเฉพาะรกที่มีเลือดกรุ๊ปโอไปขาย เพราะเลือดกรุ๊ปโอเป็นกลุ่มที่ทำสเต็มเซลล์ได้อย่างดี ซึ่งจะใช้บริการรถสาธารณะเรียกจากแอปพลิเคชันลักลอบนำส่งรกไปยังปลายทาง ถือเป็นเรื่องที่น่าตกใจที่เกิดขึ้นในประเทศไทย โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพมหานครมีการลักลอบขายรกเด็กเป็นจำนวนมาก
ด้านทนายความของผู้เสียหาย กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวถูกเปิดจากลูกความท่านหนึ่ง ซึ่งเข้าไปเป็นลูกจ้างบริษัทเอกชนเกี่ยวกับการสร้างสเต็มเซลล์ โดยไม่ทราบมาก่อนว่าการเอารกสายสะดือของแม่เด็กมาทำสเตมเซลล์ ต้องได้รับอนุญาตทางกฎหมายก่อน แต่ปรากฎว่าที่ผ่านมาได้ตรวจสอบพบ บริษัทแห่งนี้ไปเอารกและสายสะดือ ที่ไม่ได้รับความยินยอมมาทำสเต็มเซลล์ ตลอดระยะเวลา 7-8 ปี
ดังนั้น เมื่อทราบว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย จึงลาออกจากบริษัทและถูกนายจ้างแจ้งความดำเนินคดีทางอาญา จึงเป็นเหตุให้วันนี้ได้มายื่นหนังสือร้องเรียน เพราะต้องการหยุดยั้งกระบวนการที่ลักลอบเอารกและสายสะดือของแม่เด็กมาทำการค้า ซึ่งมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา และต้องการที่จะหยุดยั้งกระบวนการมิจฉาชีพ ซึ่งขณะนี้กำลังรวบรวมรายชื่อบริษัทเอกชนโรงพยาบาลต่าง ๆ คาดว่ามีไม่น้อยกว่า 100 ราย ที่ได้กระทำความผิดในลักษณะดังกล่าวมาแล้วกว่า 1,000 ครั้ง
...
ก่อนหน้านั้นเพียง 1 วัน ในวันที่ 23 ตุลาคม 2567 ไลฟ์สดของช่อง ประกิต สิริวัฒนเกตุ ได้มีการเชิญนายแพทย์ภาสกร วันชัยจิระบุญ ผู้ช่วยแพทยสภา เข้ามาพูดคุย โดยในช่วงหนึ่ง นายแพทย์ภาสกรระบุว่า มีการดำเนินคดีที่เกี่ยวข้องกับโฆษณาเกินจริงในเรื่องของสเต็มเซลล์กับคลินิกต่างๆ เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากในแต่ละปี ซึ่งปัจจุบันมีการดำเนินคดีกว่า 400 เคสต่อปี
อย่างไรก็ตาม โพสต์ทูเดย์สำรวจ การโฆษณาเรื่องของสเต็มเซลล์ของคลินิกต่างๆ ในทุกวันนี้ พบว่าแพร่หลายในสื่อออนไลน์อย่างไม่เกรงกลัวกฎหมายหรือข้อบังคับ รวมไปถึงการออกรายการในช่องทางของ Influencer ชื่อดังในเรื่องของการฉีดสเต็มเซลล์ เพื่อรักษาโรคต่างๆ รวมไปถึงการชะลอวัย ซึ่งผิดจากกฎของกระทรวงสาธารณสุข
จากประกาศของกระทรวงสาธารณสุข เรื่องมาตรฐานการให้บริการด้านเซลล์ทางการแพทย์ของสถานพยาบาล เฉพาะกรณีการใช้เซลล์เพื่อการบำบัดรักษา พบว่าการบริการด้านเซลล์ทางการแพทย์จะกระทำได้ ในกรณีดังต่อไปนี้
การปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิตในการรักษาโรคทางโลหิตวิทยาตามที่แพทยสภากำหนด ได้แก่ มะเร็งเม็ดเลือดขาว มะเร็งต่อมน้ำเหลือง โรคโลหิตจางชนิด Aplastic Anemia มะเร็งไขกระดูชนิด Multiple myeloma ธาลัสซีเมีย รวมถึงโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องแต่กำเนิด และมะเร็งเลือดชนิดต่างๆ
โดยการใช้เซลล์ต้นกำเนิดจะต้องเป็นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมตามกฎหมายจากสถาบันที่แพทยสภารับรอง
...
สรุปคือ การฉีดสเต็มเซลล์ ที่นอกเหนือไปจากการรักษาที่ทางแพทยสภากำหนด ซึ่งเห็นตามคลินิกที่โฆษณากันอย่างโจ่งแจ้ง ถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย และแม้จะมีเรื่องนี้เกิดขึ้นในสังคมมาเนิ่นนาน แต่การกระทำที่ผิดกฎหมายของแพทย์เหล่านี้ยังถูกปล่อยให้ลอยนวล และฮึกเหิมกว่าเดิมได้อย่างไร เป็นเรื่องที่ผู้เกี่ยวข้องต้องชี้แจง!