บริษัทยักษ์ใหญ่เครื่องสำอางเกาหลีใต้ ดึง AI ช่วยเลือกสีรองพื้นกว่า 200 เฉด
AmorePacific ยักษ์ใหญ่ในวงการเครื่องสำอางสัญชาติเกาหลีใต้ เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะเจ้าของแบรนด์ดังมากมาย เช่น Innisfree, Laneige, HERA และ Sulwhasoo เริ่มดึง AI ปฏิวัติวงการความงาม ผสมรองพื้น-ลิปสติกเฉพาะบุคคล ช่วยเลือกสีกว่า 200 เฉด
เมื่อเทคโนโลยี AI รุกคืบไปทุกอุตสาหกรรมไม่เว้นแม้กระทั่งอุตสาหกรรมความงาม บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเครื่องสำอางจากเกาหลีใต้อย่าง AmorePacific ที่มีแบรนด์อยู่ในเครือถึง 33 แบรนด์ จึงเริ่มปฏิวัติการสร้างผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง ด้วยการใช้หุ่นยนต์ปัญญาประดิษฐ์ให้ผสมผลิตภัณฑ์ดูแลผิวได้ตามสั่งให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล ตั้งแต่เฉดสีรองพื้น ไปจนถึงลิปสติก
AmorePacific เผยว่า บริษัทใช้ AI ในการแนะนำผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมที่สุดให้กับลูกค้า โดยปัจจุบันลูกค้าสามารถเลือกสีรองพื้นได้จากทั้งหมด 205 เฉดสี ขณะที่ลิปสติกลูกค้าสามารถเลือกได้จากทั้งหมด 366 เฉด
ระบบดังกล่าวใช้เทคนิค Deep Learning หรือวิธีการเรียนรู้แบบอัตโนมัติด้วยการเลียนแบบการทำงานจากโครงข่ายประสาทของมนุษย์ ที่ประสานเข้ากับระบบ Machine learning หรือการทำให้คอมพิวเตอร์เรียนรู้สิ่งต่างๆ และพัฒนาการทำงานให้ดียิ่งขึ้นด้วยตัวเองจากข้อมูลและสภาพแวดล้อมที่ได้รับ เพื่อจำลองกระบวนการที่ผู้เชี่ยวชาญใช้ในการประเมินข้อมูลสภาพผิวของแต่ละบุคคล และพัฒนาจนกลายเป็นบริการในรูปแบบหุ่นยนต์อัตโนมัติ
นักวิเคราะห์มองว่า การใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามาแทนที่ผู้เชี่ยวชาญด้านความงาม จะช่วยให้กระบวนการพัฒนาผลิตภัณฑ์มีความรวดเร็วยิ่งขึ้น ทั้งยังช่วยลดความคลาดเคลื่อนที่อาจเกิดขึ้นจากปัจจัยต่างๆ
ไม่เพียงแค่ AmorePacific เท่านั้น ที่นำเอาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้ในวงการความงาม แต่บริษัทเครื่องสำอางระดับโลกอย่าง L'Oréal และ Sephora ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ LVMH ต่างก็เริ่มนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์มาใช้ในธุรกิจเพื่อปรับแต่งผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับความต้องการของลูกค้ามากที่สุดเช่นกัน
ซึ่งตามข้อมูลจาก Statista Market Insights ยอดขายของอุตสาหกรรมความงามทั่วโลกนั้นมีมูลค่าสูงถึง 6.256 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2023 ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี นับตั้งแต่ยอดขายลดลงในช่วงโควิด-19 เมื่อปี 2020
ทั้งนี้ บริษัทวิเคราะห์ Business Research Company คาดการณ์ว่า ตลาดการใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในอุตสาหกรรมความงามและเครื่องสำอาง จะเติบโตมากกว่าสองเท่า จาก 3.27 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2023 เป็น 8.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2028 โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการขยายตัวของบริการต่างๆ เช่น การแนะนำผลิตภัณฑ์ความงามแบบเฉพาะบุคคล การวิเคราะห์และวินิจฉัยสภาพผิว รวมถึงช่างแต่งหน้าเสมือนจริง (virtual makeup artist) ซึ่งตลาดเหล่านี้กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว


