posttoday

สำรวจสิทธิที่ได้รับของเหล่า LGBTQIA+ หลัง 'กฎหมายสมรสเท่าเทียม' ผ่าน

19 มิถุนายน 2567

โพสต์ทูเดย์สำรวจสิทธิที่เหล่า LGBTQIA+ จะได้รับหลัง 'กฎหมายสมรสเท่าเทียม' ผ่านรัฐสภา ตั้งแต่การซื้อบ้าน มรดก ฟ้องชู้ ไปจนถึงการเซ็นต์ยินยอมด้านการเจ็บป่วย

1. สิทธิในการแต่งงานเป็นคู่หมั้นและคู่สมรส

โดยเหล่า LGBTQIA+ สามารถหมั้นและแต่งงานได้ โดยใช้คำว่า 'คู่สมรส' ได้ตามกฎหมาย เมื่อเป็นคู่สมรสถูกต้องตามกฎหมายแล้วก็จะได้รับสิทธิตามคู่แต่งงานชาย - หญิงทั่วไป โดยจะมีการปรับเกณฑ์อายุขั้นต่ำในการหมั้นและสมรส ควรกำหนดไว้อายุ 18 ปีบริบูรณ์แทน จากเดิมที่กำหนดไว้อายุ 17 ปี เพื่อให้ผู้ที่จะทำการหมั้นหรือสมรส มีอายุพ้นจากการเป็นเด็ก

รวมไปถึงสิทธิในการฟ้องหย่า และฟ้องร้องอื่น ๆ  เช่น สิทธิการเลี้ยงดูบุตร การเรียกค่าเลี้ยงชีพตามแต่กรณีการหย่าร้างที่เกิดขึ้น และสิทธิในสินสมรส

2. สิทธิในการฟ้องชู้!และฟ้องหย่า

เป็นที่ถกเถียงหลังมีการวินิจฉัยว่ากฎหมายฟ้องชู้ขัดต่อรัฐธรรมนูญ แต่แท้ที่จริงแล้วเป็นการขัดเมื่อกฎหมายสมรสเท่าเทียมผ่านรัฐสภา นั่นหมายความว่าจากเดิมที่หากหญิง-ชาย ที่เป็นคู่สมรสหรือคู่หมั้น 'นอกใจ' จะถูกฟ้องแต่ต้องเป็นในแบบเพศชาย-หญิง , หญิง-ชาย เท่านั้น หากฝั่งชายไปเป็นชู้กับฝั่งชายแต่เดิมฟ้องไม่ได้ แต่ในเมื่อกฎหมายสมรสเท่าเทียมผ่านแล้วจึงกระทำการฟ้องได้ทั้งหมดไม่เลือกเพศใด และฟ้องได้ทั้งชู้ รวมถึงการฟ้องหย่าด้วย ทั้งในกรณีที่เป็นคู่หมั้นและคู่สมรส

3.สิทธิในการจัดการเรื่องสุขภาพและดูแลคู่ของตน

สิ่งที่กัดกร่อนสิทธิของเหล่า LGBTQIA+ มาเนิ่นนานคือ เวลาที่เข้าไปยังโรงพยาบาลแล้วต้องมีบุคคลเซ็นต์ยินยอมให้กระทำการทางการแพทย์กับคู่ของตน แต่ไม่สามารถเซ็นต์ได้ แม้จะอยู่กินกันมานานแค่ไหนก็ตาม แต่ในเมื่อกฎหมายสมรสเท่าเทียมผ่าน จึงมีสิทธิทำได้อย่างสมบูรณ์ .. โดยเฉพาะในการเบิกค่ารักษาพยาบาลจากหน่วยงานที่ทำงานอยู่ แต่เดิมไม่สามารถทำได้ เพราะถือว่าไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกัน แต่เมื่อกฎหมายสมรสเท่าเทียมผ่านแล้วก็จะมีสิทธิทำได้ด้วย

4.สิทธิในการจัดการทรัพย์สิน

หากคู่ของเราเสียชีวิตโดยไม่ได้ทิ้งพินัยกรรมหรือมรดกใดๆ ไว้ แต่เดิมคู่รัก LGBTQIA+ แม้จะอยู่ร่วมกันมานานและหาเงินมาร่วมกันแต่ก็จะไม่มีสิทธิในทรัพย์สินดังกล่าว แต่เมื่อกฎหมายสมรสเท่าเทียมผ่านจะมีสิทธิรับมรดกในฐานะทายาทโดยธรรม และสิทธิได้รับประโยชน์จากสวัสดิการจากรัฐ รวมไปถึงสิทธิเป็นตัวแทนทางกฎหมาย

นอกจากนี้หลังจากแต่งงานกัน จะมีในเรื่องของสินสมรสต้องได้รับการยินยอมจากอีกฝ่ายหนึ่ง หรือถือเป็นสิ่งที่ทำร่วมกันหลังแต่งงาน เช่น การขาย แลกเปลี่ยน ขายฝาก ให้เช่าซื้อ จำนอง ปลดจำนอง หรือโอนสิทธิจำนอง ในเรื่องอสังหาริมทรัพย์ การกู้ยืมเงินต่างๆ หรือการกู้ซื้อบ้าน เป็นต้น

5.สิทธิในการเลี้ยงดูบุตรบุญธรรมร่วมกัน

คู่รัก LGBTQIA+ สามารถรับบุตรบุญธรรมมาเลี้ยงดูร่วมกันได้ และมีสิทธิทุกประการเสมอบุพการีผู้ให้กำเนิด โดยผู้ที่มีความประสงค์สามารถส่งเอกสารเพื่อขอความประสงค์รับเลี้ยงบุตรบุญธรรมและได้รับการประเมินโดยคณะกรรมการซึ่งเป็นนักสังคมสงเคราะห์ ก่อนจะรับเด็กไปอุปการะ ตามขั้นตอน

 

อย่างไรก็ดี  กฎหมายสมรสเท่าเทียมแม้จะผ่นแล้วแต่ก็ยังไม่มีผลบังคับใช้ในทันที โดยในมาตรา 2 ของร่างกฎหมาย ระบุว่า ให้กฎหมายใช้บังคับเมื่อพ้น 120 วันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา หมายความว่า หากคู่รัก LGBTQIA+ ประสงค์จะไปจดทะเบียนสมรส จะยังไม่สามารถทำได้ในทันที ต้องรอให้พ้นช่วง 120 วันไปก่อน ให้กฎหมายมีผลบังคับใช้ จึงจะไปจดทะเบียนสมรสได้

ข่าวล่าสุด

'SIRIN MUSEUM' พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาเทพรัตนราชสุดาฯ ณ ม.วลัยลักษณ์