posttoday

"EA" หวังเป็นตัวกลางนำทุกภาคส่วนสู่ Net Zero

25 เมษายน 2567

"วสุ กลมเกลี้ยง" ย้ำชัด "พลังงานบริสุทธิ์ (EA)" เดินหน้าขับเคลื่อนนโยบายรักษ์โลก หวังเป็นตัวกลางนำทุกภาคส่วนมุ่งสู่ Net Zero

     นายวสุ กลมเกลี้ยง รองประธานกรรมการบริหาร บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) บรรยายพิเศษในงานสัมมนากรุงเทพธุรกิจ A Call to Action Go Green 2024 : The Ambition of Thailand หัวข้อ Green Energy: The Secret Code of Success พลังงานสะอาด รหัสลับสู่ความสำเร็จ ว่า ปัจจุบันสภาพภูมิอากาศโลกตลอด 10 ปีมีการเปลี่ยนแปลงมากมาย ซึ่งประเทศไทยคาดว่าน่าจะสูงกว่า 45 องศา ด้วยปัญหาภัยแล้ง เพราะเราปล่อยคาร์บอนมากขึ้น 7 เท่า หรือราว 37,150 ล้านตัน ดังนั้นจึงไม่สามารถเลี่ยงความรับผิดชอบได้ เพราะเป็นเรื่องของทุกคน จากการปล่อยคาร์อบนมากขึ้น ทุกประเทศจะต้องช่วยกันโดยเริ่มจากประเทศที่พัฒนาแล้ว

     ส่วนการกำหนดมาตรฐาน CBAM หรือ การจัดตั้งคาร์บอนเครดิต เป็นต้น เพื่อให้ทั่วโลกตระหนักและลดคาร์บอนมากขึ้น โดยบริษัทที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯจะต้องให้ความสำคัญในเรื่องของการรีพอร์ตคาร์บอนฟุตพริ้นท์มากขึ้น จากการที่ประเทศไทยตั้งเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนปี 2050 และจะมุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero ปี 2065 จึงต้องพยายามลดอุหภูมิโลก โดยการเปลี่ยนเชื้อเพลิงฟอสซิลเป็นเชื้อเพลิงสะอาดมากขึ้น

     ทั้งนี้ ถึงเวลาแล้วที่จะต้องเปลี่ยน จากการรวบรวมข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของ สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ปริมาณการปล่อยคาร์บอนเริ่มลดลงเหลือ 243 ล้านตันในปีที่ผ่านมา โดยภาคพลังงานมีการปล่อยคาร์บอนมากสุดถึง 81.6 ล้านตัน เนื่องจากประเทศไทยมีพลังงานไฟฟ้ามากเกินไป โดยไทยเป็นศูนย์ประกอบรถยนต์มาหลายปี และเมื่อมีการสนับสนุนอีวี3.0 มาสู่ อีวี3.5 ส่งผลให้ยิ่งต้องใช้พลังงานมากยิ่งขึ้น

     "ภาคที่ต้องโฟกัส คือ การสนับสนุนยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ โดยเฉพาะภาคขนส่งที่มีขนาดใหญ่ที่ปัจจุบันมีราว 1.2 ล้านคัน หากเปลี่ยนทั้งหมดจะช่วยลดคาร์บอนได้มาก โดยรถอีวีทรัคจะลดคาร์บอนได้ถึง 37% ส่วนอีวีบัสจะลดได้ 34% หากนับจำนวนรถขนาดใหญ่เชิงพาณิชย์ทั้ง 1.2 ล้านคัน จะลดคาร์บอนได้ถึง 50 ล้านตัน"

     ปัจจุบัน EA มีอีวีบัสกว่า 2 พันคัน ซึ่งปีนี้จะมีอีวีทรัค และเรืออีวี ซึ่งจะนำมาบริการในท่าเรือแหลมฉบังมากขึ้น ดังนั้น หากภาครัฐสนับสนุนจะช่วยได้เยอะ อีกทั้ง ปัจจุบันวันนี้พูดถึง กรีนดีเซล ที่สามารถใช้ได้ทั่วไปทั่วโลกจึงเป็นโอกาสในไทย

     นอกจากนี้ EA ได้สนับสนุนสนามบินทั้ง 2 แห่งในไทย เพื่อช่วยภาคท่องเที่ยวกว่า 74 ล้านคน โดยการนำโซลาร์ไปติด แล้วสนับสนุนรถอีวีในสนามบิน ติดตั้งสถานีชาร์จให้ ส่วนเครื่องบินปัจจุบันยังใช้พลังงานจากน้ำมันกว่า 300 ล้านตันต่อปี ซึ่งตอนนี้เริ่มมีการใช้น้ำมันเพื่อการยั่งยืนเพิ่มขึ้น โดยปี ค.ศ. 2040 จะต้องถึง 40%

     กรีนออยด์ เป็นโอกาสของไทย เพราะเรามีน้ำมันปาล์มอันดับ 3 ของโลก สามารถนำไปผลิตเป็นกรีนดีเซลได้ แต่ก็เกิดยากเพราะบอกว่าเป็นน้ำมันทำลายป่า ดังนั้น การสนับสนุนการท่องเที่ยวสีเขียว จะช่วยขับเคลื่อนไทยแลนด์อีโคโนมีได้ ซึ่งปัจจุบัน EA ได้ร่วมมือกับสนามบินภูเก็ต ในการติดตั้งโซลาร์ที่สนามบิน พร้อมกับนำรถอีวีวิ่งรับส่งนักท่องเที่ยวด้วย สุดท้ายเราถือเป็นภาคเอกชนเล็กๆ ต้องได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐเพื่อจะพาประเทศไปสู่ กรีน โซไซตี้ ได้มากขึ้น

     "การเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสีเขียว เรื่องที่ยากคือ "อิโคโนมิก รีเทิร์น"ที่จะมองเพียงว่าจะได้กลับมาเท่าไหร่ โซลาร์ราคาตอนนี้ลดลงค่อนข้างเยอะ อีวีก็เช่นกัน วันนี้ถ้ารัฐให้การสนับสนุนและให้ประชาชนตระหนักถึงเรื่องนี้จะช่วยโลกได้ EA เราอยากจะเป็นผู้พาคนอื่นไปสู่อุตสาหกรรมกรีน วันนี้อยากจะพาภาครัฐเข้าสู่กรีนอินเวสต์เมเนจเม้นท์ ส่วนแผนหลักของ EA ปีนี้เน้นเรื่อง 1. EV และ 2. Sustainability ส่วนระยะกลางจะเข้าสู่พลังงานสะอาดเพิ่มขึ้น"