posttoday

‘ดุสิตโมเดล‘ ใช้เครื่องเอ็กซเรย์แบบพกพาผสานเทคโนโลยี AI ยุติวัณโรคในชุมชน

29 มีนาคม 2567

ดุสิตโมเดล ใช้เครื่องเอ็กซเรย์พกพาผสานเทคโนโลยี AI เสริมทัพยุติวัณโรคเชิงรุก เผยมีประสิทธิภาพแม่นยำ รวดเร็ว ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการวินิจฉัย และยังเหมาะกับการเข้าปฏิบัติงานในพื้นที่ชุมชนแออัด หลังผู้ป่วยวัณโรคไทยพุ่งสูงแตะเสียชีวิต 40 คนต่อวัน

กองวัณโรคกรมควบคุมโรค เร่งขับเคลื่อนแผนการยุติวัณโรค “YES! We Can End TB ยุติวัณโรค เราทำได้” ด้วยการผนึกกำลังกับคณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาลและกรุงเทพมหานคร นำนวัตกรรมล้ำสมัยอย่าง FDR Xair System เครื่องเอกซเรย์แบบพกพาที่มาพร้อม AI จากฟูจิฟิล์ม ซึ่งจัดซื้อผ่านกองทุนโลก ไปใช้ในภารกิจคัดกรองวัณโรคเชิงรุกในชุมชนดุสิตโมเดล เดินหน้าสร้างความตระหนักรู้ในสังคมไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ความรุนแรงของการติดเชื้อวัณโรคในไทย พร้อมเน้นย้ำการตรวจคัดกรองเชิงรุกเป็นหัวใจสำคัญสู่การบรรลุเป้าหมายการยุติวัณโรคของประเทศ

 

‘ดุสิตโมเดล‘ ใช้เครื่องเอ็กซเรย์แบบพกพาผสานเทคโนโลยี AI ยุติวัณโรคในชุมชน

  • วัณโรคในไทยยังพบผู้ป่วยทุกปี เฉลี่ยเสียชีวิต 40 คนต่อวัน

พญ.ผลิน กมลวัทน์ แพทย์ทรงคุณวุฒิกรมควบคุมโรค ที่ปรึกษาและอดีตผู้อำนวยการกองวัณโรค เล่าถึงสถานการณ์วัณโรคล่าสุดในไทยว่า “ไทยมีผู้ป่วยวัณโรค 155 คนต่อประชากรแสนคน และคาดว่ามีผู้ป่วยรายใหม่ในไทยปีละกว่า 111,000 คน ส่วนอัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ 12,000-14,000 คนต่อปี หรือคิดเป็นกว่า 40 คนต่อวัน ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงมาก

โดยประเทศไทยมีแผนการยุติวัณโรค ซึ่งเป้าหมายคือการควบคุมตัวเลขผู้ป่วยให้เหลือต่ำกว่า 10 คนต่อประชากรแสนคน ภายในปี 2578 แต่ปัจจุบันสถานการณ์ยังน่ากังวลอยู่มาก ความท้าทายหลักที่ต้องสร้างความตระหนักรู้คือ โรคนี้ใช้เวลาฟักตัวนานตั้งแต่ 2 สัปดาห์ขึ้นไปจนอาจนานถึง 5-10 ปี หลายคนไม่แสดงอาการ 

ดังนั้นการใช้เครื่องเอกซเรย์ปอดดูความผิดปกติเป็นสิ่งจำเป็นในการคัดกรองค้นหาผู้ป่วยให้เจอและรักษาให้หาย ถือเป็นหัวใจของการต่อสู้กับโรคนี้ หากมีการใช้เครื่องเอกซเรย์พกพาในพื้นที่เสี่ยง ก็จะเพิ่มประสิทธิภาพในการคัดกรองได้เป็นอย่างดี ซึ่งล่าสุดกองวัณโรคได้รับการสนับสนุนจากกองทุนโลก (Global Fund) ในการต่อสู้กับวัณโรค จึงได้จัดซื้อเครื่องเอกซ์เรย์แบบพกพาทั้งสิ้น 16 เครื่อง และได้ส่งมอบให้แก่หลายโรงพยาบาลเพื่อใช้การคัดกรองวัณโรคเรียบร้อยแล้ว ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ คณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล โดยระหว่างการออกตรวจในชุมชน เมื่อพบความผิดปกติที่ปอด จะส่งต่อไปตรวจเสมหะเพื่อยืนยันผลการติดเชื้อทันที จากนั้นก็เข้าสู่กระบวนการรักษาด้วยการรับประทานยาทุกวันจนครบ 6-8 เดือนก็สามารถหายจากโรคได้ ถ้าทำให้การออกตรวจคัดกรองเป็นวาระสำคัญแห่งชาติ เราจะเจอผู้ป่วยได้อีกมากและขยับใกล้เป้าหมายการยุติวัณโรคมากขึ้น”

‘ดุสิตโมเดล‘ ใช้เครื่องเอ็กซเรย์แบบพกพาผสานเทคโนโลยี AI ยุติวัณโรคในชุมชน

  • ดุสิตโมเดล ใช้ AI เสริมทัพสู้วัณโรค

นายแพทย์พิภู ถาวรชีวิน อาจารย์สาขาโรคระบบการหายใจและภาวะวิกฤตระบบการหายใจ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช กล่าวถึงที่มาของดุสิตโมเดลและการตรวจคัดกรองวัณโรคเชิงรุกในเขตกทม.ว่า “ดุสิตโมเดล เป็นโครงการชุมชนต้นแบบด้านบริการสุขภาพเขตเมืองในโรคต่างๆที่เชื่อมต่อการดูแลและส่งต่อผู้ป่วยระหว่างศูนย์บริการสาธารณสุขในชุมชนกับคณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาลโดยตรง ชุมชนดุสิตโมเดล ดูแลประชากรในพื้นที่ 4 เขต ได้แก่ เขตดุสิต เขตพระนคร เขตบางซื่อ และเขตบางพลัด โดยทำงานร่วมกับศูนย์บริการสาธารณสุข 7 แห่ง และคลินิกชุมชนอบอุ่น 4 แห่งในพื้นที่ซึ่งมีประชากรที่ดูแลอยู่ประมาณ 180,000 ราย 

หนึ่งในปัญหาสำคัญของประเทศ โดยเฉพาะชุมชนเขตเมืองที่มีความแออัดพบว่าวัณโรค เป็นภัยเงียบที่อยู่กับสังคมไทยมายาวนาน ผู้ป่วยจำนวนมากไม่แสดงอาการ แต่สามารถแพร่เชื้อสู่ผู้อื่นได้ การตั้งรับรอผู้ป่วยเข้ามาโรงพยาบาลอย่างเดียวนั้นไม่เพียงพอ เราจึงริเริ่มโครงการคัดกรองวัณโรคเชิงรุกในชุมชนดุสิตโมเดล (TB V Find) ภายใต้ความร่วมมือและการสนับสนุนจากกองวัณโรค และสำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร โดยอาศัยเครื่องเอกซเรย์แบบพกพาทำให้สามารถเข้าถึงพื้นที่แออัดที่เข้าถึงได้ยาก ประชาชนสามารถเข้ารับการคัดกรองเอกซเรย์โดยไม่จำเป็นต้องเดินทางไปโรงพยาบาล อีกทั้งยังผสานปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการวินิจฉัยโรค เมื่อพบความผิดปกติของปอด เราได้มีระบบส่งต่อผู้ป่วยเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ป่วยได้รับการรักษาที่รวดเร็ว เพื่อแนวทางการยุติวัณโรคในชุมชนเมืองอย่างยั่งยืน เราจะเร่งเดินหน้าโครงการตรวจคัดกรองวัณโรคเชิงรุกต่อไปให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ในดุสิตโมเดล ด้วยเป้าหมายในการยุติการระบาดของวัณโรคในประเทศไทยให้ได้เร็วที่สุด”

‘ดุสิตโมเดล‘ ใช้เครื่องเอ็กซเรย์แบบพกพาผสานเทคโนโลยี AI ยุติวัณโรคในชุมชน

  • เครื่องเอ็กซเรย์แบบพกพาช่วยกรณีเข้าในพื้นที่ชุมชนแออัดได้

พญ.ณัฐินี อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานโรคติดต่อทางสาธารณสุข สำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร กล่าวว่า “กรุงเทพมหานคร มีโครงการนำรถเอกซเรย์เคลื่อนที่เข้าค้นหาผู้ป่วยวัณโรคในพื้นที่เสี่ยง เช่น โรงงาน และชุมชนอยู่เป็นประจำ ซึ่งเมื่อตรวจพบผู้สงสัยว่าเป็นวัณโรค จะนัดมาตรวจเสมหะ  ซึ่งหากวินิจฉัยว่าเป็นวัณโรค ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและแรงงานข้ามชาติ สามารถเข้าสู่ระบบและรับการรักษาฟรีได้เลย ที่ศูนย์บริการสาธารณสุขทุกแห่ง โดยมีคลินิกแม่ข่ายวัณโรคอยู่ 19 แห่งในกทม.ซึ่งมีแพทย์และพยาบาลที่ได้รับการอบรมเพื่อรักษาวัณโรคโดยเฉพาะปัจจุบัน พบว่าระบบเอกซเรย์รุ่นใหม่มีขนาดเล็กลงมากและมีเทคโนโลยีล้ำสมัยมากขึ้น ช่วยให้ออกหน่วยตรวจในชุมชนได้แบบไม่ต้องใช้รถคันใหญ่ ๆ มีประโยชน์ในชุมชนแออัดที่รถใหญ่เข้ายาก ซึ่งหากเรานำเครื่องเอกซเรย์แบบพกพานี้มาใช้อย่างแพร่หลาย คาดว่าการตรวจคัดกรองเชิงรุกในชุมชนแออัดจะเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น”​​​​​​​

‘ดุสิตโมเดล‘ ใช้เครื่องเอ็กซเรย์แบบพกพาผสานเทคโนโลยี AI ยุติวัณโรคในชุมชน

  • ยันใช้งานได้แม่นยำ ตรวจได้ภายใน 1 นาที

​​​​​​​มร.โซ มารูโอะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟูจิฟิล์ม (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า "ฟูจิฟิล์ม ตระหนักถึงความเร่งด่วนในการยุติการแพร่ระบาดของวัณโรค และได้ร่วมทำงานใกล้ชิดกับหน่วยงานสาธารณสุขต่าง ๆ ในประเทศไทยและในอีกหลายประเทศทั่วโลกเพื่อนำเสนอ FDR Xair System นวัตกรรมเครื่องเอกซเรย์แบบพกพาขนาดเล็กพร้อมระบบประมวลผล AI เพื่อใช้ในการตรวจคัดกรองวัณโรคได้อย่างสะดวก แม่นยำ รวดเร็ว โดยทีมแพทย์สามารถพกไปออกตรวจในชุมชนได้ ใช้เวลาตรวจรวดเร็วเพียง 1 นาที ทั้งยังมีความแม่นยำเหมือนกับเครื่องเอกซเรย์ตัวใหญ่ในโรงพยาบาล นอกจากเครื่องเอกซเรย์ทรงพลังแล้ว เรายังมีทีมงานผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมดูแลช่วยเหลือด้านการใช้งานและติดตั้งอย่างต่อเนื่อง ภายใต้จุดมุ่งหมายใหม่ของฟูจิฟิล์มทั่วโลกในการ “แต่งแต้มรอยยิ้มให้โลกของเรา” เราจะยังคงเดินหน้าแก้ปัญหาทางสังคมและสุขภาพ เพื่อสร้างสุขภาวะที่ดีขึ้นให้แก่ผู้คนทั่วโลก พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนเป้าหมายในการยกระดับคุณภาพชีวิตและสร้างรอยยิ้มให้แก่คนอีกมากมายผ่านนวัตกรรมอันล้ำสมัยของเรา”

‘ดุสิตโมเดล‘ ใช้เครื่องเอ็กซเรย์แบบพกพาผสานเทคโนโลยี AI ยุติวัณโรคในชุมชน

  • สังเกตอาการผู้ป่วยวัณโรค

วัณโรคเป็นโรคที่สามารถรักษาให้หายได้ สามารถรักษาได้ฟรีทุกสิทธิ์การรักษาโดยการรับประทานยาเฉลี่ยนาน 6 เดือน และจริงๆแล้วหากผู้ป่วยเริ่มรักษาจนพ้นระยะ 2 สัปดาห์ก็จะเข้าสู่ระยะปลอดภัย ไม่เกิดการแพร่เชื้อให้ผู้อื่น สามารถใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่นได้อย่างปกติ และ อาการที่สงสัยวัณโรคและควรพบแพทย์เพื่อเข้ารับการเอกซเรย์ในทุกที่ ได้แก่ ไอเรื้อรังติดต่อกัน 2 สัปดาห์, น้ำหนักลดลงโดยไม่ทราบสาเหตุ และมีไข้ต่ำ ๆ ตอนกลางคืน โดยเฉพาะประชาชนที่มีประวัติสัมผัสผู้ป่วยวัณโรคในช่วง 3 เดือนควรเข้ารับการตรวจเอกซเรย์ทุก 6 เดือนจนครบ 2 ปี การป้องกันวัณโรคที่ดีที่สุด คือ การรักษาสุขภาพให้ร่างกายแข็งแรงจะช่วยลดโอกาสการเจ็บป่วยเป็นวัณโรคได้มาก​​​​​​​