posttoday

สรุปผลลัพธ์สำคัญ วาระปฏิบัติการภูมิอากาศโลก "COP30" คอปแห่งการลงมือทำ

07 ธันวาคม 2568

COP30 ครั้งนี้ชี้ว่าโลกก้าวสู่ “ทศวรรษแห่งการลงมือทำ” ผ่านกรอบ GCAA ที่วัดผลได้ ครอบคลุมการเงิน เทคโนโลยี เมือง โครงสร้างพื้นฐาน และมนุษย์ เพื่อเร่งสู่เป้าหมาย 2030–2050

KEY

POINTS

  • COP30 ถูกยกให้เป็น “คอปแห่งการลงมือทำ” ที่เปลี่ยนจากคำมั่นสัญญาไปสู่การปฏิบัติที่วัดผลได้ โดยมีวาระปฏิบัติการภูมิอากาศโลก (GCAA) เป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนความร่วมมือจากทุกภาคส่วน
  • มีการประกาศการลงทุนและระดมทุนขนาดใหญ่ที่เป็นรูปธรรมในภาคส่วนสำคัญ เช่น การลงทุนกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อโครงข่ายไฟฟ้าและพลังงานหมุนเวียน และการจัดตั้งกองทุนหลายพันล้านดอลลาร์เพื่อปกป้องป่าไม้และฟื้นฟูระบบนิเวศ
  • แม้จะมีกรอบการทำงานที่ชัดเจนผ่าน 6 แกนหลัก แต่ยังคงมีเสียงวิจารณ์ในประเด็นสำคัญ คือการขาดโรดแมปการลดใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลที่ชัดเจน และช่องว่างด้านเงินทุนเพื่อการปรับตัวต่อผลกระทบสภาพภูมิอากาศ

สู่ทศวรรษแห่งการลงมือทำจริง

 

วาระปฏิบัติการภูมิอากาศโลก (Global Climate Action Agenda - GCAA) ณ การประชุมสมัชชารัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 30 (COP 30) ถือเป็นจุดเปลี่ยนเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญยิ่ง

 

เพราะการประชุมครั้งนี้ได้รับการขนานนามว่าเป็น "COP แห่งการลงมือทำ" (COP of implementation) ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการเปลี่ยนผ่านจากคำมั่นสัญญาไปสู่การปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมและวัดผลได้ GCAA ได้แสดงให้เห็นถึงการเร่งรัดการดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศในทุกภาคส่วนสำคัญ โดยอาศัยพลังแห่งความร่วมมือจากทุกภาคส่วนของสังคม (a whole-of-society mutirão) ซึ่งเป็นหัวใจหลักที่เชื่อมโยงความสำเร็จทั้งหมดเข้าด้วยกัน ตั้งแต่ภาครัฐ ภาคธุรกิจ สถาบันการเงิน และภาคประชาสังคม เพื่อขับเคลื่อนวาระการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นระบบ

 

สรุปผลลัพธ์สำคัญ วาระปฏิบัติการภูมิอากาศโลก "COP30" คอปแห่งการลงมือทำ

 

โพสต์ทูเดย์ได้เรียบเรียงแก่นสำคัญของคอปครั้งที่ 30 มาดังนี้

 

1) COP แห่งการลงมือทำจริง จากคำมั่นสู่การปฏิบัติ

COP 30 ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ผลักดันให้การรับมือสภาพภูมิอากาศก้าวจาก “คำมั่น” ไปสู่ “การปฏิบัติที่วัดผลได้” ผ่านกลไก GCAA ที่เน้นความร่วมมือของทุกภาคส่วนในสังคม

 

ความก้าวหน้าระดับมหภาคที่ชัดเจน

• การลงทุนด้านพลังงานและโครงข่ายไฟฟ้า: มีการสร้างไปป์ไลน์การลงทุนมูลค่ากว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับการพัฒนาโครงข่ายไฟฟ้าและการกักเก็บพลังงาน เพื่อรองรับการเพิ่มกำลังการผลิตพลังงานหมุนเวียนให้ได้ 3 เท่าภายในปี 2030

• การปกป้องและฟื้นฟูระบบนิเวศ: มีการระดมทุนที่ให้คำมั่นไว้แล้วกว่า 9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อสนับสนุนการทำเกษตรกรรมฟื้นฟู ครอบคลุมพื้นที่กว่า 210 ล้านเฮกตาร์ และช่วยเหลือเกษตรกร 12 ล้านคนในกว่า 110 ประเทศ

• การสร้างความสามารถในการรับมือและปรับตัว: ประชากรกว่า 437.7 ล้านคน ได้รับประโยชน์จากการเพิ่มขีดความสามารถในการรับมือต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ผ่านโครงการ Race to Resilience

• การขับเคลื่อนทางการเงิน: เกิดการเปลี่ยนทิศทางการลงทุนมูลค่าหลายล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ไปสู่การเปลี่ยนผ่านที่เป็นมิตรต่อสภาพภูมิอากาศ ผ่านความร่วมมือและนวัตกรรมทางการเงินรูปแบบใหม่

 

 

กรอบการดำเนินงานใหม่ของ GCAA

เพื่อตอบสนองต่อผล Global Stocktake (GST) อย่างเป็นรูปธรรม GCAA จัดโครงสร้างการทำงานเป็น 6 แกนหลัก และนำ 4-step activation cycle มาใช้ ได้แก่
ประสานงาน → วัดผล → นำเสนอ → ขยายผล

 

เครื่องมือสำคัญ

  • 30 Activation Groups จากกว่า 4,825 โครงการ
  • การรายงานผลบน NAZCA เพิ่มขึ้น 6 เท่า
  • เปิดตัว Granary of Solutions รวมโซลูชันกว่า 1,200 ตัวอย่าง
  • ใช้ Plans to Accelerate Solutions (PAS) เร่งขยายผลโซลูชันสำคัญ

 

คานงัดระบบที่ใช้บ่อยที่สุด

  • การสร้างความรู้และศักยภาพ – 91%
  • หุ้นส่วนและความร่วมมือ – 87%
  • การเงินภาครัฐ–เอกชน – 79%
     

 

3) ผลลัพธ์สำคัญตามทั้ง 6 แกนการดำเนินงาน

3.1 แกนที่ 1: การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน อุตสาหกรรม และการขนส่ง

 

หัวใจคือการแก้คอขวดของโครงข่ายไฟฟ้า การลงทุนที่กระจุกตัว และความเฉื่อยของระบบอุตสาหกรรม

 

ไฮไลต์สำคัญ

  • UNEZA ลงทุน 1 ล้านล้านดอลลาร์ เพื่อโครงข่ายไฟฟ้าทันสมัย
  • ADB และธนาคารโลก ระดม 12.5 พันล้านดอลลาร์ พัฒนาโครงข่ายไฟฟ้าอาเซียน
  • Mission Efficiency เปิดแพลตฟอร์มลดความเสี่ยงสำหรับโครงการประสิทธิภาพพลังงาน
  • Belém 4x Pledge เพื่อเพิ่มเชื้อเพลิงยั่งยืน 4 เท่า ภายในปี 2035
  • โครงการลดคาร์บอนภาคอุตสาหกรรมมูลค่าใกล้ FID รวม 140 พันล้านดอลลาร์
  • ภาคขนส่งเร่งคาร์บอนต่ำ เช่น รถบรรทุกไฟฟ้า e-Dutra จำนวน 1,000 คันในบราซิล Maersk ใช้เรือเมทานอล 41 ลำภายในปี 2027

 

3.2 แกนที่ 2: ป่าไม้ มหาสมุทร และความหลากหลายทางชีวภาพ

มุ่งยกระดับคุณค่าของทุนทางธรรมชาติสู่ระบบการเงินโลก

ความก้าวหน้าสำคัญ

  • เปิดตัว Tropical Forest Forever Facility (TFFF) – เงินตั้งต้น 5.5 พันล้านดอลลาร์ เป้าหมายรวม 125 พันล้านดอลลาร์
  • ปกป้องที่ดินชนพื้นเมือง/ชุมชนกว่า 160 ล้านเฮกตาร์
  • ระดมทุนโซลูชันธรรมชาติได้ 10.4 พันล้านดอลลาร์
  • เปิดตัว Oceans Breakthroughs Dashboard ครั้งแรกของโลก
  • เงินทุน 4 พันล้านดอลลาร์ สำหรับป่าชายเลน ผ่าน Mangrove Breakthrough
  • เปิดตัวโครงการปกป้อง Saltmarsh และแนวปะการังบราซิล

 

3.3 แกนที่ 3: การปฏิรูประบบเกษตรและอาหาร

มุ่งลดความเสี่ยง, สาธิตความคุ้มค่า, และขยายแบบจำลองเกษตรกรรมฟื้นฟู

ผลลัพธ์เด่น

  • เปิดตัว RAIZ accelerator เพื่อฟื้นฟูที่ดินเสื่อมโทรม
  • แผนฟื้นฟูที่ดินมูลค่า 5 พันล้านดอลลาร์ ครอบคลุม 20 ล้านเฮกตาร์
  • AARL ระดมเงิน 9 พันล้านดอลลาร์ สำหรับเกษตรกรรมฟื้นฟู
  • ผลักดันความร่วมมือ South-South เพื่อลด มีเทน–ไนตรัสออกไซด์ ผ่านโครงการ FIRST
  • Global Methane Hub อัดเงิน 30 ล้านดอลลาร์ เพื่อลดมีเทนจากการปลูกข้าว
  • เปิดตัว AgriLLM (LLM ภาคเกษตรตัวแรกของโลก)

 

3.4 แกนที่ 4: เมือง โครงสร้างพื้นฐาน และน้ำ

เน้นการบูรณาการด้านความยืดหยุ่นเข้ากับการวางผังเมืองและการเงินท้องถิ่น

ความก้าวหน้าสำคัญ

  • บราซิลผลักดันระบบการบริหารจัดการหลายระดับ ตั้งเป้าให้ 100 ประเทศใส่ลงใน NDC ภายในปี 2028
  • WorldGBC ลด CO₂ ได้กว่า 850,000 ตัน ในปีเดียว
  • เปิดตัว Infrastructure Resilience Development Fund (IRDF) – ปิดรอบแรกที่ 340 ล้านดอลลาร์
  • กว่า 60% ของประเทศทั่วโลก มีระบบเตือนภัยล่วงหน้าแล้ว
  • แผน NOW ตั้งเป้าลดมีเทนจากขยะอินทรีย์ 30% ภายในปี 2030

 

3.5 แกนที่ 5: การส่งเสริมการพัฒนามนุษย์และสังคม

 

เน้น “คน” เป็นศูนย์กลางของการเปลี่ยนผ่านสภาพภูมิอากาศ

 

ผลลัพธ์สำคัญ

  • เปิดตัว Belém Health Action Plan – เงินเริ่มต้น 300 ล้านดอลลาร์
  • 43 ประเทศ + EU ลงนาม Belém Declaration มุ่งสู้ความยากจนและความหิวโหยแบบผสานประเด็นสภาพภูมิอากาศ
  • เปิดตัว Global Initiative for Jobs & Skills ตั้งเป้ารวม 20 ประเทศ + 40 สถาบันภายในปี 2028
  • Heritage Adapts Coalition วางเป้าปกป้องแหล่งมรดกโลก 3,000 แห่งภายในปี 2030

 

3.6 แกนที่ 6: กลไกสนับสนุนและตัวเร่ง (การเงิน เทคโนโลยี ขีดความสามารถ)

เป็น “สถาปัตยกรรมรองรับระบบ” ของทั้งหมด

หัวใจสำคัญ

  • สร้างความสอดคล้องของข้อมูล มาตรฐาน และการเงิน
  • เครื่องมือสำคัญ เช่น
  • Super-Taxonomy – สร้างภาษาการเงินด้านสภาพภูมิอากาศร่วมกัน
  • Open Coalition for Compliance Carbon Markets – ลดความเสี่ยงการซื้อขายคาร์บอน
  • กลไกกำกับดูแลเทคโนโลยีใหม่ เพื่อให้มั่นใจว่าเข้าถึงได้อย่างเป็นธรรม

 

บทสรุป

COP 30 แสดงให้เห็นว่าโลกกำลังก้าวสู่ “ทศวรรษแห่งการลงมือทำ” อย่างแท้จริง ผ่านกรอบ GCAA ที่เป็นระบบและวัดผลได้ โดยมีผลลัพธ์สำคัญทั้งในระดับการเงิน เทคโนโลยี ระบบนิเวศ เมือง โครงสร้างพื้นฐาน และมนุษย์ สะท้อนถึงการเปลี่ยนผ่านที่ครอบคลุมทุกมิติ ซึ่งจำเป็นต่อการบรรลุเป้าหมายสภาพภูมิอากาศในปี 2030 และ 2050

 

ภาพรวมทิศทางข่าวสาร (overall media tone)

สื่อหลักและองค์กรวิชาการรายงานการประชุม COP30 ในสองโทนที่เด่นชัด ฝ่ายหนึ่งชื่นชมผลลัพธ์เชิง “การลงมือทำ” เช่น การเปิดตัวกองทุนหรือกลไกการเงินขนาดใหญ่ (TFFF, TFFF seed funding, UNEZA pipeline เป็นต้น) ที่ดูเป็น “ผลลัพธ์เชิงนโยบาย/การเงิน” มากกว่าคำสัญญาเดิม ๆ

 

ขณะที่อีกฝ่ายวิจารณ์ว่า ข้อความสำคัญบางเรื่องยังอ่อน โดยเฉพาะ การไม่ยืนยันโรดแมปการลดฟอสซิล/การขาดความชัดเจนด้านเงินทุนเพื่อการปรับตัว ซึ่งทำให้หลายฝ่ายมองว่า COP30 “ก้าวหน้าแต่ยังไม่พอ” ทั้งนี้สื่อใหญ่และ think-tanks ต่างชี้ว่ามีความก้าวหน้าอย่างเป็นรูปธรรม แต่ช่องว่างเชิงนโยบายและการเงินยังใหญ่พอสมควร 

 

จุดที่สื่อชม (positive / praised)

กลไกการเงิน-ธรรมชาติและการระดมทุน การเปิดตัวหรือการให้คำมั่นของกองทุนป่าไม้ (TFFF) และการระดมทุนด้านโซลูชันฐานธรรมชาติได้พื้นที่ครองข่าวเชิงบวกว่าสามารถดึงเม็ดเงินและสนับสนุนโครงการในระดับภูมิภาคได้จริง

เครื่องมือปฏิบัติการ (GCAA, PAS, NAZCA scaling) สื่อและองค์กรวิชาการมองว่าโครงสร้างที่เน้นการวัดผลและขยายผล (NAZCA growth, Granary of Solutions, PAS) ช่วยเปลี่ยนคำมั่นสู่โครงการที่จับต้องได้มากขึ้น

ความคืบหน้าเรื่องการปรับตัว (adaptation) บทความวิเคราะห์ชี้ว่ามีการผลักดันประเด็น adaptation ให้ใหญ่ขึ้น (เช่น พัฒนากลไกเงินสำหรับการปรับตัวและการติดตามเป้าหมาย adaptation) ซึ่งเป็นสัญญาณสำคัญสำหรับประเทศเปราะบาง

 

คำวิจารณ์หลักจากสื่อ (criticisms)

ไม่มีโรดแมปการลดฟอสซิลที่ชัดเจน สื่อกระแสหลักและ NGOs วิจารณ์ว่า ฉบับสรุปขั้นสุดท้ายขาดการกล่าวถึงการลด/เลิกเชื้อเพลิงฟอสซิลอย่างชัดเจน ทำให้ขาด “แผนที่” สู่ 1.5°C. (The Guardian) และบทวิเคราะห์อื่น ๆ เน้นว่าร่างฯฉบับใหม่อ่อนลงจากข้อเสนอเริ่มต้น

ช่องว่างด้านการเงินเพื่อการปรับตัว (adaptation finance) สื่อหลายแห่งเตือนว่า แม้มีการระดมทุนใหม่ แต่ยังไม่เพียงพอและยังมีความไม่แน่นอนในเรื่องแหล่งที่มา (public vs private) และเงื่อนไขที่อาจกลายเป็นหนี้สำหรับประเทศยากจน

ความเสี่ยงของการ ‘greenwash’ / over-reliance on private finance บทความวิเคราะห์เตือนว่าการพึ่งพาการเงินภาคเอกชนและคำมั่นสัญญาทางการเงินขนาดใหญ่ อาจไม่แปลเป็นการดำเนินงานจริงในพื้นที่ หากไม่มีกรอบกำกับ โปร่งใส และเงื่อนไขผูกพัน 

ปัญหากระบวนการและการเมือง (geopolitics & presidency concerns) สื่อชี้ว่า บทบาทของประธาน COP (และแรงกดดันจากกลุ่มประเทศผู้มีผลประโยชน์ฟอสซิล) สร้างความตึงเครียดและทำให้ถ้อยแถลงบางอย่างอ่อนลง ส่งผลต่อความชอบธรรมของข้อตกลง

 

การตอบรับจากภาคประชาสังคมและนักวิชาการ (civil society / experts)

ระมัดระวังและเรียกร้องการปฏิบัติจริง เครือข่ายภาคประชาสังคม (Climate Action Network, Greenpeace ฯลฯ) ยกประเด็นว่าหลายคำมั่นยังเป็น “คำสัญญา” และเรียกร้องการแปลงเป็นเงินทุน/โครงการที่จับต้องได้ พร้อมย้ำความต้องการเพิ่ม adaptation finance และโรดแมปการลดฟอสซิล.

เสียงนักวิชาการ/think-tanks ให้มุมมองผสม ทั้งยอมรับความก้าวหน้าในกลไกการเงินและโซลูชัน แต่เตือนว่า ความสำเร็จอยู่ที่การติดตาม (tracking & verification) และการเชื่อมโยงคำมั่นกับการลงทุนจริงในระดับประเทศและท้องถิ่น

 

(อ่านรายงานฉบับเต็ม>> สรุปผลลัพธ์สำคัญของวาระปฏิบัติการภูมิอากาศโลก (Global Climate Action Agenda) ใน COP 30 ของ United Nations Framework Convention on Climate Change)

 

ที่มา: 

World Economic Forum

World Resources Institute

UNFCCC

The Guardian

Climate Action Network

Outcomes Report of the Global Climate Action Agenda at COP 30

ข่าวล่าสุด

ปภ.เผยน้ำท่วมใต้เหลือ 4 จังหวัด เร่งฟื้นฟู–เยียวยาต่อเนื่อง