posttoday

กทม. กางแผน 10 มาตรการรับมือฝุ่น PM2.5 ปี 69 เล็งยกระดับเขตคุมมลพิษ

26 พฤศจิกายน 2568

กทม. กางแผน 10 มาตรการเชิงรุก รับมือฝุ่น PM2.5 ปี 69 ทั้งคุมรถควันดำ ขยายผล WFH และเร่งสร้างห้องปลอดฝุ่นในโรงเรียนให้ครบ 100%

KEY

POINTS

  • กทม. ออก 10 มาตรการ รับมือฝุ่นปี 2569 ไฮไลท์สำคัญคือการปรับเกณฑ์รถควันดำห้ามเกิน 20% และขยายเขตมลพิษต่ำครอบคลุมทั้ง 50 เขต
  • ตั้งเป้าดึงรถยนต์เข้าสู่ระบบ Green List Plus 500,000 คัน, เพิ่มยอด WFH เป็น 300,000 คน, และทำห้องปลอดฝุ่นในโรงเรียนให้ครบ 100%
  • พัฒนาระบบพยากรณ์ฝุ่นให้ทราบล่วงหน้าได้นานขึ้นจาก 3 วัน เป็น 7 วัน พร้อมแจ้งเตือนผ่านช่องทางใหม่อย่าง Cell Broadcast และ Line Alert

 

กรุงเทพมหานคร เดินหน้าเชิงรุกรับมือวิกฤตฝุ่นเมือง ล่าสุดผนึกกำลังภาคีเครือข่าย กางแผน 10 มาตรการลดฝุ่น เตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ PM2.5 กทม. ในปี 2569

 

มุ่งเน้นแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ ทั้งการเผาในที่โล่งและไอเสียรถยนต์ พร้อมยกระดับการเตือนภัยล่วงหน้า 7 วัน

 

กทม. กางแผน 10 มาตรการรับมือฝุ่น PM2.5 ปี 69

 

กทม. กางแผน 10 มาตรการรับมือฝุ่น PM2.5 ปี 69

 

รศ.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร กทม. ได้เข้าร่วมประชุมกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) โดยมี นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธาน

 

เพื่อหารือถึงสาเหตุหลักของ สถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ในพื้นที่กรุงเทพฯ ซึ่งเกิดจาก 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่ การเผาชีวมวล สภาพอากาศปิด และการเผาไหม้ของเครื่องยนต์

 

รศ.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร

 

เปิดรายละเอียด "10 มาตรการลดฝุ่น  PM2.5 "

 

เพื่อให้การแก้ไขปัญหาเป็นไปอย่างยั่งยืน กทม. ได้ประกาศยกระดับสู่โครงการ "กรุงเทพฯ เขตควบคุมมลพิษ" ผ่าน 10 มาตรการสำคัญ ดังนี้

 

  1. ยกระดับเขตมลพิษต่ำ (Low Emission Zone: LEZ): ขยายพื้นที่ครอบคลุมทั่วกรุงเทพฯ ทั้ง 50 เขต ควบคู่ไปกับการลงทะเบียน Green List
  2. โครงการ Green List Plus: รณรงค์ให้ประชาชนเปลี่ยนน้ำมันเครื่องและไส้กรองอากาศเพื่อช่วย ลดฝุ่น โดยตั้งเป้าหมายรถยนต์เข้าร่วม 500,000 คัน พร้อมรับสิทธิประโยชน์ต่างๆ
  3. คุมเข้มรถควันดำ: ปรับเกณฑ์มาตรฐานการตรวจวัด รถยนต์ควันดำ ให้เข้มข้นขึ้น จากเดิมห้ามเกิน 30% เป็นห้ามเกิน 20% (เริ่มบังคับใช้ 1 พ.ย. 2568)
  4. ตรวจสอบไซต์ก่อสร้างและรถบรรทุก: สุ่มตรวจ ค่าควันดำ ในพื้นที่ก่อสร้างอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วงฤดูฝุ่น และบังคับให้รถ 6 ล้อขึ้นไปต้องลงทะเบียน Green List
  5. จัดการมลพิษโรงงาน: ควบคุมโรงงานที่มีหม้อไอน้ำทั้ง 256 แห่ง ให้ได้มาตรฐาน TSP
  6. ผนึกกำลังจังหวัดข้างเคียง: บูรณาการความร่วมมือเพื่อลดการเผาชีวมวลในพื้นที่รอยต่อ
  7. ห้องปลอดฝุ่นในโรงเรียน: เร่งจัดทำห้องปลอดฝุ่นให้ครอบคลุม 100% (โรงเรียน 1,966 ห้อง และศูนย์เด็กเล็ก 262 แห่ง) ภายในปี 2569 จากเดิมที่ทำเสร็จแล้วบางส่วนในปี 2568
  8. มาตรการ Work From Home (WFH): ตั้งเป้าหมายยอดผู้ลงทะเบียน Work From Home กทม. ให้ถึง 300,000 คน ในปี 2568 (ปัจจุบันทำได้กว่า 103,781 คน) เพื่อลดปริมาณรถบนท้องถนน
  9. ยกระดับการแจ้งเตือนฝุ่น: เพิ่มช่องทางแจ้งเตือนผ่าน Cell Broadcast, Social Media และ Line Alert พร้อมพัฒนาระบบพยากรณ์ ค่าฝุ่น ล่วงหน้าจาก 3 วัน เป็น 7 วัน
  10. เพิ่มพื้นที่สีเขียว: เดินหน้าปลูกต้นไม้ให้ครบ 3 ล้านต้น โดยเน้นโซนกรุงเทพฯ ตะวันออกเพื่อเป็นกำแพงกันฝุ่น และสร้างสวน 15 นาทีให้ครบ 500 แห่ง

 

นอกเหนือจากมาตรการในพื้นที่กรุงเทพฯ แล้ว การประชุมครั้งนี้ยังได้พิจารณามาตรการรับมือฝุ่นในพื้นที่ภาคกลางและจังหวัดนครนายก โดยเน้นการลดการเผาในพื้นที่เกษตรและพื้นที่ป่า รวมถึงการควบคุมมลพิษในเมือง

 

การดำเนินงานครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานระดับประเทศมากมาย อาทิ กระทรวงกลาโหม, กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, กรมควบคุมมลพิษ, กรมการขนส่งทางบก, สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ GISTDA เพื่อร่วมกันผลักดันให้ มาตรการลดฝุ่น PM2.5 สัมฤทธิ์ผลอย่างเป็นรูปธรรม

 

 

ข่าวล่าสุด

Alex Dilling at Lord Jim's เปิดตัวเมนูฤดูหนาวสุดหรู สัมผัสศิลปะครัวยุโรป