posttoday

ครม. เห็นชอบด่วน เชื่อมโยงไฟฟ้า 4 ชาติอาเซียน–หนุนพลังงานสะอาด

15 ตุลาคม 2568

ครม. เห็นชอบ 2 เรื่องเร่งด่วน ร่างถ้อยแถลงร่วมเชื่อมโยงไฟฟ้า สปป.ลาว ไทย มาเลเซีย สิงคโปร์ พร้อมร่วมประชุมเอเซค ครั้งที่ 3 ส่งเสริมพลังงานสะอาด

KEY

POINTS

  • คณะรัฐมนตรีเห็นชอบร่างถ้อยแถลงร่วมโครงการเชื่อมโยงไฟฟ้า 4 ประเทศ (ลาว-ไทย-มาเลเซีย-สิงคโปร์) เพื่อส่งเสริมการซื้อขายไฟฟ้าข้ามพรมแดน เพิ่มความมั่นคงทางพลังงาน และเร่งการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด
  • อนุมัติร่างแถลงการณ์ร่วมกลุ่มพันธมิตรเอเชียเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (AZEC) เพื่อยืนยันความมุ่งมั่นของไทยและอีก 10 ชาติในการบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนผ่านการพัฒนาเทคโนโลยีสะอาด
  • โครงการเหล่านี้จะสร้างประโยชน์ให้ไทยโดยตรง ทั้งในด้านรายได้จากค่าธรรมเนียมการส่งผ่านไฟฟ้า เสริมความมั่นคงทางพลังงาน และช่วยให้เข้าถึงนวัตกรรมและการเงินเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ

คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบสองเรื่องสำคัญที่เกี่ยวข้องกับความร่วมมือด้านพลังงานในภูมิภาคอาเซียน ได้แก่ ร่างถ้อยแถลงร่วมสำหรับโครงการบูรณาการด้านไฟฟ้าระหว่าง สปป.ลาว ไทย มาเลเซีย และสิงคโปร์ (LTMS-PIP) ฉบับที่ 6 และร่างแถลงการณ์ร่วมสำหรับการประชุมระดับรัฐมนตรีกลุ่มพันธมิตรเอเชียเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ หรือ “เอเซค” (Asia Zero Emission Community: AZEC) ครั้งที่ 3 ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ

 

นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ถ้อยแถลงร่วมของโครงการ LTMS-PIP ฉบับที่ 6 เป็นการตอกย้ำความร่วมมือของรัฐมนตรีพลังงานทั้ง 4 ประเทศ เพื่อสนับสนุนการพัฒนาการซื้อขายไฟฟ้าข้ามพรมแดนแบบพหุภาคีในภูมิภาค ถือเป็นก้าวสำคัญของการพัฒนาโครงข่ายสายส่งไฟฟ้าอาเซียน (ASEAN Power Grid: APG) ซึ่งจะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของระบบไฟฟ้า เสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน และเร่งให้เกิดการเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานสะอาดมากขึ้น


ในระยะเริ่มต้นของโครงการ สปป.ลาว ได้จำหน่ายไฟฟ้าไปยังสิงคโปร์ผ่านระบบสายส่งของไทยและมาเลเซีย ปริมาณสูงสุด 100 เมกะวัตต์ และในระยะที่ 2 มาเลเซียจะส่งไฟฟ้าเพิ่มเติมให้สิงคโปร์ ทำให้ปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นเป็น 200 เมกะวัตต์ โครงการนี้สร้างประโยชน์โดยตรงต่อประเทศไทย ทั้งในด้านรายได้จากค่าธรรมเนียมการส่งผ่านไฟฟ้า (Wheeling Charge) และการเสริมสร้างความมั่นคงทางพลังงานในระยะยาว ทั้งนี้ การรับรองร่างถ้อยแถลงร่วมจะจัดขึ้นในวันที่ 16 ตุลาคม 2568 ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ระหว่างการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านพลังงาน ครั้งที่ 43

 

ส่วนร่างแถลงการณ์ร่วมของการประชุมเอเซค ครั้งที่ 3 เป็นการยืนยันความมุ่งมั่นของ 11 ประเทศพันธมิตร ได้แก่ ออสเตรเลีย บรูไน กัมพูชา อินโดนีเซีย สปป.ลาว มาเลเซีย เมียนมา ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย และเวียดนาม ในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน ภายใต้แนวคิด “เป้าหมายเดียว หลากหลายแนวทาง” โดยเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานสะอาด การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในภาคส่วนที่ลดได้ยาก การพัฒนาตลาดคาร์บอน และระบบติดตามการปล่อยตลอดห่วงโซ่อุปทาน

 

ประเทศไทยจะได้รับประโยชน์จากความร่วมมือนี้ ทั้งในด้านการเข้าถึงนวัตกรรมทางการเงินสีเขียว กลไกช่วยเหลือทางการเงิน และความเชี่ยวชาญจากประเทศญี่ปุ่นและพันธมิตรเอเซค ซึ่งจะช่วยยกระดับศักยภาพของประเทศในการขับเคลื่อนสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำอย่างยั่งยืน

 

นายอรรถพล กล่าวเพิ่มเติมว่า ทั้งสองกิจกรรมดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจของประเทศไทยในการสร้างสมดุลระหว่าง “ความมั่นคงทางพลังงาน รายได้ของประเทศ และความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม” พร้อมเน้นว่าความร่วมมือระดับภูมิภาคนี้ไม่เพียงสร้างประโยชน์ทางเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ยังเป็นการเสริมสร้างมิตรภาพและพันธมิตรที่เข้มแข็งระหว่างประเทศในอาเซียนและภูมิภาคเอเชียอีกด้วย

ข่าวล่าสุด

MIXUE ไทยบริจาค 1 ล้านบาท เร่งช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วมภาคใต้