ไทยติดอันดับ 3 ในอาเซียน ผลิตขยะอิเล็กทรอนิกส์ 4.39 แสนตัน
เผยเอเชียผลิตขยะอิเล็กทรอนิกส์ มากที่สุด ถึง 25 ล้านตัน ส่วนภูมิภาคอาเซียนผลิต 12.3 ล้านตัน อินโดนีเซียมาเป็นอันดับ 1 ที่ 1.89 ล้านตัน รองลงมา ฟิลิปปินส์ 5.37 แสนตัน และ ไทย 4.39 แสนตัน
เมื่อพูดถึง Zero Waste การลดขยะให้เป็นศูนย์ หลายคนยังคงอดสงสัยไม่ได้ว่า แยกขยะไป แล้วสุดท้ายปลายทางนำไปรวมกันอยู่ดี หรือไม่ คำตอบ คือ ไม่จริง เพราะทุกวันนี้การแยกขยะนอกจากจะช่วยลดโลกร้อนแล้ว ขยะที่แยกยังมีค่า ซึ่งปลายทางที่เก็บขยะไปนำไปแยกทุกครั้ง นี่คือคำตอบจาก สายชล ทรัพย์มากอุดม หัวหน้าหน่วยธุรกิจสื่อสารองค์กรและรัฐกิจสัมพันธ์ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส
สิ่งที่น่ากลัวของการไม่แยกขยะ โดยเฉพาะขยะอิเล็กทรอนิกส์ (E- Waste) ที่ล้วนปนเปื้อนด้วยสารเคมี หากไม่มีการทิ้งและกำจัดอย่างถูกวิธี นั่นหมายความว่า สารพิษต่างๆ จะยังคงอยู่บนดิน น้ำ และ พืช บนโลกนี้ไปอีกนานแสนนาน
มีการคาดการณ์ว่า ขยะอิเล็กทรอนิกส์ทั่วโลกจะสูงถึง 72 ล้านตัน ในปี 2573 และ สูงถึง 110 ล้านตันในปี 2593 ขณะที่ตัวเลขในปี 2567 ขยะอิเล็กทรอนิกส์ทั่วโลก อยู่ที่ 62 ล้านตัน แต่มีการกำจัดแบบถูกวิธีเพียง 22% เท่านั้น
กลับมาดูที่ประเทศไทย พบว่า ไทยติดอันดับ 3 ในอาเซียน โดยผลิตขยะอิเล็กทรอนิกส์ 4.39 แสนตัน โดยอินโดนีเซียผลิตมากเป็นอันดับ 1 ที่ 1.89 ล้านตัน รองลงมา ฟิลิปปินส์ 5.37 แสนตัน ซึ่งภูมิภาคอาเซียนผลิต 12.3 ล้านตัน เมื่อรวมทั้งเอเชียพบข้อมูลว่า ผลิตขยะอิเล็กทรอนิกส์ มากถึง 25 ล้านตัน
การกำจัดที่ไม่ถูกต้อง การฝังกลบ หรือ เผา เป็นสาเหตุของสารพิษปนเปื้อนในน้ำและดินในระยะยาว ซึ่งจากสถิติพบว่าขยะในแต่ละปี มีการเก็บได้เพียง 10% ที่เหลืออีก 90% คือที่เก็บไม่ได้ อยู่ในน้ำ ในดิน ทำให้ปนเปื้อนอยู่ในธรรมชาติ
ด้วยเหตุนี้ทำให้ผู้ให้บริการค่ายมือถือ ทั้ง เอไอเอส และ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ต่างออกมาเดินหน้าแคมเปญรับกำจัดขยะอิเล็กทรอนิกส์อย่างต่อเนื่องโดยร่วมมือกับทั้งภาครัฐและเอกชนในการจัดหากล่องรับขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่ไม่ได้จำกัดแค่โทรศัพท์มือถือ แต่ยังรวมถึงอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็กเพื่อส่งต่อไปยังโรงงานกำจัดขยะให้เหลือขยะน้อยที่สุด หรือไม่เหลือเลย โดยในตอนหน้า โพสต์ทูเดย์ จะพาไปรู้จักกับโรงงานกำจัดขยะอิเล็กทรอนิกส์ของญี่ปุ่นที่กำจัดขยะได้หมดแบบ Zero Waste


