เมืองใยแมงมุม “ยะลา” นครที่สร้างจากผังเมือง นวัตกรรมที่มาก่อนกาล
ยะลาเป็นจังหวัดเดียวในภาคใต้ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นเมืองที่มีการวางผังเมืองที่สมบูรณ์และงดงามที่สุดในไทย และยังได้รับการจัดอันดับเป็นเมืองที่มีผังเมืองสวยงามติดอันดับที่ 23 ของโลก
KEY
POINTS
- ยะลามีผังเมืองโดดเด่นแบบ "ใยแมงมุม" ที่มีวงเวียน 3 ชั้นเป็นศูนย์กลาง ช่วยลดความแออัดและจัดระเบียบโซนเมืองอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่ศูนย์ราชการ ที่อยู่อาศัย จนถึงย่านการค้า
- ผังเมืองนี้ริเริ่มโดย พระรัฐกิจวิจารณ์ ในปี พ.ศ. 2485 เพื่อแก้ปัญหาจากการย้ายเมืองหลายครั้งในอดีต และสร้างเมืองใหม่ที่มีการวางแผนอย่างยั่งยืนบนทำเลที่เหมาะสม
- แนวคิดการออกแบบเมืองยะลาถือเป็นนวัตกรรมที่มาก่อนกาล ซึ่งสอดคล้องกับหลักการ "Smart City" สมัยใหม่ เช่น Smart Mobility และ Smart Governance และยังคงเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาเมืองจนถึงปัจจุบัน
ยะลา "นครใยแมงมุม" ที่ถือกำเนิดจากวิสัยทัศน์ผังเมือง
ถนนกว่า 400 สายในยะลาถูกออกแบบให้เชื่อมต่อกันคล้ายใยแมงมุม แผ่ขยายออกจากศูนย์กลางไปทุกทิศทาง ลดการแออัดและเพิ่มความคล่องตัวในการเดินทาง วงเวียนสามชั้นซ้อนกันไม่เพียงทำหน้าที่เชื่อมถนน แต่ยังแบ่งเขตการใช้งานของเมืองอย่างชาญฉลาด
วงเวียนซ้อนกัน 3 วงที่ว่านี้คล้ายกับของ "บ้านทัพไทย" จังหวัดสระแก้วที่โพสต์ทูเดย์เคยนำมาเล่าก่อนนี้ แต่ผังเมืองยะลาเกิดจากแนวคิดก้าวหน้าที่มาก่อนกาล เมื่อกว่า 80 ปีก่อนของบุคคลท่านหนึ่ง...
ศูนย์กลางราชการอยู่ในวงในสุด รายล้อมด้วยบ้านพักข้าราชการ สถานศึกษา และโรงพยาบาล ก่อนจะกระจายสู่ย่านการค้าและที่อยู่อาศัยรอบนอก นี่คือแนวคิดที่วันนี้เราเรียกว่า “Smart Mobility” และ “Smart Governance” ซึ่งเกิดขึ้นตั้งแต่ยุคที่คำว่าสมาร์ทซิตี้ หรือ "เมืองอัจฉริยะ" ยังไม่ถูกบัญญัติขึ้นมา
บุคคลสำคัญที่มีบทบาทหลักในการออกแบบเมืองยะลาคือ พระรัฐกิจวิจารณ์ (สวาสดิ์ ณ นคร) ซึ่งดำรงตำแหน่งข้าหลวงประจำจังหวัดยะลาในช่วง พ.ศ. 2456–2458 และต่อมาดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองยะลา ระหว่าง พ.ศ. 2480–2488 ท่านเป็นผู้ริเริ่มโครงการ “ผังเค้าโครงเมืองยะลา” ในปี พ.ศ. 2485 โดยได้รับความร่วมมือจากกรมโยธาเทศบาล เพื่อสร้างเมืองใหม่ที่สอดคล้องกับหลักการผังเมืองสมัยใหม่
ลักษณะผังเมือง
ผังเมืองยะลามีลักษณะเฉพาะที่โดดเด่น คือถนนสายหลักถูกจัดวางในลักษณะ “ใยแมงมุม” โดยมีวงเวียนซ้อนกันสามชั้นเป็นศูนย์กลาง
วงในสุด : ที่ตั้งศาลากลางจังหวัดและหน่วยงานราชการ
วงถัดไป : บ้านพักข้าราชการ โรงเรียน โรงพยาบาล
วงนอกสุด : เขตการค้าและที่อยู่อาศัยของประชาชนทั่วไป
ถนนสายหลัก เช่น ถนนพิพิธภักดี ถนนสุขยางค์ และถนนสิโรรส ทำหน้าที่เป็นโครงข่ายหลักเชื่อมโยงศูนย์กลางเมืองกับพื้นที่โดยรอบ การปลูกต้นประดู่ริมถนน การจัดเกาะกลาง และการสร้างทางเท้ากว้างขวาง ยังสะท้อนแนวคิดการวางผังเมืองที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตของประชาชน
ก่อนจะเกิดเป็นเมืองยะลาปัจจุบัน ที่นี่เคยย้ายที่ตั้งมาแล้วถึงสี่ครั้ง เริ่มจาก “บ้านยะลา” (ตำบลสะเตง ที่ราบต่ำ น้ำท่วมง่าย) “ท่าสาป” (ติดแม่น้ำปัตตานี น้ำท่วมใหญ่บ่อยครั้ง) “เมืองสะเตง” (พื้นที่กลับคับแคบ ไม่เอื้อต่อการวางผังเมืองและการขยายตัวของประชากรในอนาคต)
และสุดท้ายลงหลักที่ “บ้านนิบง” ซึ่งมีภูมิประเทศราบเรียบ เหมาะกับการวางผังเมืองใหม่ ไม่เสี่ยงน้ำท่วม และสามารถเชื่อมถนนออกไปได้ทุกทิศทาง กลายเป็นทำเลทองที่เหมาะสมที่สุด และจากการย้ายเมืองบ่อยครั้งทำให้ผู้นำยุคนั้นตระหนักว่า เมืองจะเติบโตได้จริงต้องมีการวางผังอย่างมีระบบ เพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วม การคมนาคม และการขยายตัวของชุมชน
แม้คำว่า Smart City จะยังไม่ถูกบัญญัติในช่วง พ.ศ. 2480–2490 แต่หากวิเคราะห์ในเชิงแนวคิด จะพบว่ายะลามีองค์ประกอบหลายด้านที่สอดคล้องกับ Smart City ได้แก่
Smart Mobility การจัดวางถนนแบบใยแมงมุม ลดความแออัด และเพิ่มการเข้าถึงทุกทิศทาง
Smart Governance การจัดพื้นที่ศูนย์กลางราชการอย่างมีระบบ ทำให้การบริหารจัดการเมืองมีประสิทธิภาพ
Smart Environment การปลูกต้นไม้ริมถนนและสร้างพื้นที่สีเขียวเพื่อคุณภาพชีวิต
Smart Living การกำหนดโซนนิ่งที่ชัดเจน เพื่อสร้างความสมดุลระหว่างที่อยู่อาศัย การศึกษา และเศรษฐกิจ
การปรับตัวสู่ปัจจุบัน
ปัจจุบัน ยะลาได้รับการยกระดับเป็นเทศบาลนคร (พ.ศ. 2538) และยังคงใช้โครงสร้างผังเมืองดั้งเดิมเป็นแกนกลาง แต่มีการปรับปรุงเพื่อรองรับการเติบโตด้านประชากรและเศรษฐกิจ เช่น
- การนำระบบดิจิทัลมาสนับสนุนการบริการเทศบาล (Smart Governance)
- การพัฒนาระบบจัดการขยะ น้ำ และสิ่งแวดล้อม (Smart Environment)
- การสร้างโครงข่ายถนนและคมนาคมใหม่เชื่อมกับโครงสร้างเก่า (Smart Mobility)
มากกว่านั้น ยะลายังได้รับตำแหน่งเมืองที่มีผังสวยที่สุดของประเทศไทย จากการที่เทศบาลนครยะลาได้รับการคัดเลือกให้เป็นตัวแทนประเทศไทย ได้รับการเสนอชื่อเพื่อเข้ารับการพิจารณาในส่วนของโซนเอเชียและแปซิฟิค เมื่อปี พ.ศ.2546 จนผ่านการตัดสินชนะเลิศจากกรรมการตัดสินชุดใหญ่ของ UNESCO ได้รับรางวัล UNESCO Cities
เมืองยะลาคือกรณีศึกษาสำคัญของการผังเมืองไทย ที่แสดงให้เห็นว่าการออกแบบที่ชาญฉลาดตั้งแต่ต้นสามารถกำหนดอนาคตเมืองได้จริง แม้กาลเวลาจะผ่านไปเกือบศตวรรษ โครงสร้างใยแมงมุมและวงเวียนสามชั้นยังคงเป็นหัวใจของเมือง และกลายเป็นต้นทุนสำคัญในการพัฒนาไปสู่ Smart City แห่งอนาคต


