posttoday

กพอ.ไฟเขียวเขตเศรษฐกิจพิเศษใหม่ 5 แห่ง ดันขยายพื้นที่ EEC รวมปราจีนบุรี

28 สิงหาคม 2568

ที่ประชุม กพอ.เห็นชอบตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษใหม่ 5 แห่ง และขยายพื้นที่เดิม พร้อมศึกษาขยาย EEC ครอบคลุมปราจีนบุรี

KEY

POINTS

  • คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) มีมติอนุมัติให้จัดตั้งเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษแห่งใหม่จำนวน 5 แห่ง เพื่อรองรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย เช่น การแปรรูปอาหาร ยานยนต์สมัยใหม่ การแพทย์ และพลังงาน คาดว่าจะสร้างมูลค่าการลงทุนรวมกว่า 2 แสนล้านบาท
  • กพอ. รับทราบข้อเสนอจากภาคเอกชนในการขยายพื้นที่ EEC ให้ครอบคลุมจังหวัดปราจีนบุรี โดยสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) กำลังศึกษาความเหมาะสมซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนกันยายน 2568
  • นอกจากการจัดตั้งเขตใหม่ ที่ประชุมยังเห็นชอบให้ขยายพื้นที่เขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษเดิม 2 แห่ง และปรับเปลี่ยนแนวทางการดำเนินโครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 เพื่อเพิ่มศักยภาพการลงทุน

ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) ครั้งที่ 4/2568 : ก้าวสำคัญสู่การยกระดับเศรษฐกิจไทย

 

เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2568 นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) ได้เป็นประธานการประชุมครั้งที่ 4/2568 ณ ห้องประชุมสำนักงานรัฐมนตรี อาคาร 150 ปี กระทรวงการคลัง โดยมีนายจุฬา สุขมานพ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) ทำหน้าที่เลขานุการการประชุม ซึ่งที่ประชุมได้พิจารณาและมีมติในประเด็นสำคัญหลายด้าน ครอบคลุมทั้งการจัดตั้งเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษแห่งใหม่ การปรับเปลี่ยนพื้นที่เดิม ตลอดจนแนวทางพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและการขยายพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC)

 

กพอ.ไฟเขียวเขตเศรษฐกิจพิเศษใหม่ 5 แห่ง ดันขยายพื้นที่ EEC รวมปราจีนบุรี

 

กพอ.ชอบให้กำหนดเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษเพิ่มเติมจำนวน 5 แห่ง

 

1. เขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ อุตสาหกรรมการแปรรูปอาหาร(บางปะกง) กลุ่มอุตสาหกรรมกาแฟไทยยั่งยืน โดย บริษัท เขาช่อง กรุ๊ป จำกัด เสนอคำขอจัดตั้งฯ เนื้อที่ประมาณ 215 ไร่ บริเวณตำบลท่าสะอ้าน อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อรองรับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวกลุ่มรายได้ดี และการท่องเที่ยวสุขภาพ การเกษตรและการแปรรูปอาหาร คาดว่าจะเกิดมูลค่าการลงทุนประมาณ 6,960 ล้านบาท ขับเคลื่อนการท่องเที่ยวในชุมชน เป็นศูนย์การเรียนรู้กาแฟไทย และการผลิตกาแฟส่งเสริมการประกอบอาชีพของชุมชน เกษตรกร ผลักดันให้เกิดการจ้างงานประมาณ 200 คน 

 

โดยคาดว่าเมื่อดำเนินโครงการฯ เต็มรูปแบบ จะมีความต้องการเมล็ดกาแฟสูงถึง8 ล้านกิโลกรัม
ต่อปี สามารถสร้างงานและรายได้ให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกกาแฟทั่วประเทศ และร่วมพัฒนาชุมชนในพื้นที่โดยรอบอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ ให้ สกพอ. กำหนดเงื่อนไขในหนังสือรับรองประกอบการเป็นเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ โดยให้เริ่มดำเนินการพัฒนาโครงการภายใน 1 ปี และสามารถใช้พื้นที่เพื่อรองรับอุตสาหกรรมเป้าหมายพิเศษข้างต้นเท่านั้น  

 

2. เขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด โดยการนิคมอุตสาหกรรมแห่ง
ประเทศไทย (กนอ.)
เนื้อที่รวมประมาณ 12,490 ไร่ บริเวณเทศบาลเมืองมาบตาพุด จังหวัดระยอง เพื่อรองรับอุตสาหกรรมเป้าหมายพิเศษ อาทิ ยานยนต์สมัยใหม่ อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ หุ่นยนต์ การเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ เป็นต้น คาดว่าจะเกิดการลงทุนประมาณ 77,480 ล้านบาท และกระตุ้นให้เกิดการลงทุนปรับปรุงประสิทธิภาพเครื่องจักรและการลงทุนอุตสาหกรรมเป้าหมายพิเศษ ที่เชื่อมโยงระหว่างอุตสาหกรรมในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด และนิคมอุตสาหกรรมใกล้เคียง สนับสนุนให้เกิดการลงทุนด้านการวิจัยพัฒนาทั้งจากภาครัฐและเอกชน  

 

กพอ.ไฟเขียวเขตเศรษฐกิจพิเศษใหม่ 5 แห่ง ดันขยายพื้นที่ EEC รวมปราจีนบุรี

 

3. เขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ นิคมอุตสาหกรรมหลักชัยเมืองยาง จังหวัดระยอง โดย บริษัท ไทรเบคก้า จำกัด เนื้อที่ประมาณ 4,318 ไร่ บริเวณตำบลสำนักทอง อำเภอเมือง จังหวัดระยอง เพื่อรองรับอุตสาหกรรมเป้าหมายอาทิ ยานยนต์สมัยใหม่ ดิจิทัล การแปรรูปอาหาร เชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ การแพทย์และสุขภาพ
ครบวงจร เป็นต้น คาดว่าจะเกิดมูลค่าการลงทุนประมาณ 100,000 ล้านบาทสามารถดึงดูดนักลงทุนจากทั้งในและต่างประเทศ เพิ่มความสามารถการแข่งขันทางเศรษฐกิจ และส่งเสริมการกระจายรายได้สู่พื้นที่โดยรอบ คาดว่าจะเกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้นถึง 16,000 คน

 

4. เขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ ศูนย์การแพทย์เฉพาะทางและสุขภาพครบวงจร ไลฟ์สเฟียร์ (พัทยา) โดย บริษัท วีซี ทรีต จำกัด เนื้อที่ประมาณ 17 ไร่ บริเวณตำบลหนองปรือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี เพื่อรองรับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวกลุ่มรายได้ดีและการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ การแพทย์และสุขภาพครบวงจร สถานบริการการแพทย์ที่ต้องใช้ความเชี่ยวชาญสูง เช่น การศัลยกรรมใบหน้าและโครงหน้า ทันตกรรมเชิงลึก ดูแลผู้สูงอายุระดับพรีเมี่ยม คาดว่าจะเกิดมูลค่าการลงทุนประมาณ 1,478 ล้านบาท ดึงดูดนักลงทุนและผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศเข้ามาพัฒนาความร่วมมือด้านการแพทย์ สร้างความมั่นคงด้านสาธารณสุขของประเทศ

 

ทั้งนี้ ให้ สกพอ. กำหนดเงื่อนไขในหนังสือรับรองประกอบการเป็นเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ โดยให้เริ่มดำเนินการพัฒนาโครงการภายใน 1 ปีและสามารถใช้พื้นที่เพื่อรองรับอุตสาหกรรมเป้าหมายพิเศษข้างต้นเท่านั้น

 

5. เขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ สถานีแอลเอ็นจีมาบตาพุด แห่งที่ 2 โดย บริษัท พีทีที แอลเอ็นจี จำกัด เนื้อที่ประมาณ 343 ไร่ บริเวณตำบลมาบตาพุด จังหวัดระยอง รองรับอุตสาหกรรมกลุ่มรายได้ดีและการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ การเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ คาดว่าจะเกิดมูลค่าการลงทุนประมาณ 21,012 ล้านบาท เสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ โดยแอลเอ็นจี ถือเป็นหนึ่งในเชื้อเพลิงหลักเพื่อผลิตไฟฟ้า และยังสามารถใช้ประโยชน์จากพลังงานความเย็นเหลือทิ้งจากการแปรสภาพแอลเอ็นจี จัดแสดงพืชเมืองหนาว เช่น ทิวลิป ลิลลี่ สตรอเบอรี่ เพื่อดึงดูดสร้างการท่องเที่ยวในพื้นที่ต่อไป 

 

เห็นชอบการเปลี่ยนแปลงเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ จำนวน 2 แห่ง ได้แก่ 

1.เขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษนิคมอุตสาหกรรมเหมราชอีสเทิร์นซีบอร์ดแห่งที่ 4 ตามที่ได้รับประกาศฯ เดิม ขอเปลี่ยนแปลงเป็น เขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด 4 และขอขยายเนื้อที่จากประมาณ 1,900 ไร่ เป็นประมาณ 2,782 ไร่ โดยจะสามารถรองรับการลงทุนอุตสาหกรรมเป้าหมายพิเศษเพิ่มขึ้น ได้แก่ อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ หุ่นยนต์ เชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ ดิจิทัล และการแพทย์และสุขภาพครบวงจร คาดว่าจะเกิดมูลค่าลงทุนเพิ่มขึ้นประมาณ 45,000 ล้านบาทส่งเสริมให้เกิดการจ้างแรงงานเพิ่มขึ้น 3,000 คน และขยายโอกาสทางธุรกิจต่อเนื่องไปถึงระดับชุมชน เช่น ร้านค้า โรงแรม หอพัก เป็นต้น  

 

2. เขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษนิคมอุตสาหกรรมเหมราชระยอง 36 จังหวัดระยอง ตามที่ได้รับประกาศฯ เดิม ขอเปลี่ยนแปลงเป็น เขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ระยอง 36 และขอขยายเนื้อที่จากประมาณ 1,281 ไร่ เป็นประมาณ 1,759 ไร่ โดยจะสามารถรองรับการลงทุนอุตสาหกรรมเป้าหมายพิเศษเพิ่มขึ้น ได้แก่ อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ การแปรรูปอาหาร พัฒนาบุคลากรและการศึกษาคาดว่าจะเกิดมูลค่าลงทุนเพิ่มขึ้นประมาณ 27,000 ล้านบาท เกิดการจ้างแรงงานเพิ่มขึ้น 4,500 คน ส่งเสริมอุตสาหกรรมเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ยกระดับความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตของชุมชนในพื้นที่

และสุดท้ายเห็นชอบ การปรับเปลี่ยนแนวทางการดำเนินโครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 
(ช่วงที่ 2) 
จากการดำเนินโครงการตามหลักการร่วมลงทุนตามประกาศคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และกระบวนการในการร่วมลงทุนกับเอกชนหรือให้เอกชนเป็นผู้ลงทุน พ.ศ.2560 (และที่แก้ไขเพิ่มเติม) เป็น การดำเนินการตามมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2522 (และที่แก้ไขเพิ่มเติม) และเพื่อให้ กนอ. ได้นำพื้นที่ขนาด 350 ไร่ไปดำเนินการหาผู้เช่าพื้นที่ประกอบธุรกิจท่าเรือเฉพาะกิจ อุตสาหกรรมพลังงานสะอาด หรือคลังน้ำมันสำรอง ต่อไป

 

นอกจากนั้น กพอ. ได้รับทราบเรื่องการศึกษาความเหมาะสมในการขยายพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก สืบเนื่องจาก คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประกอบด้วย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทยสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย ได้เข้าหารือข้อเสนอทางเศรษฐกิจต่อนายกรัฐมนตรี โดยมีข้อเสนอแนะเร่งด่วน คือ การเพิ่มจังหวัดปราจีนบุรีเป็นอีก 1 จังหวัด ที่จะรวมอยู่ในพื้นที่อีอีซี

 

ทั้งนี้ ปัจจุบัน สกพอ. ได้อยู่ระหว่างดำเนินการศึกษาถึงความเหมาะสม และศักยภาพของพื้นที่จังหวัดปราจีนบุรี ในการขยายเป็นพื้นที่อีอีซี ให้ครอบคลุมทุกมิติทั้งศักยภาพ โอกาส และแผนการใช้ประโยชน์ที่ดินรวมถึงศึกษาประมาณการความต้องการใช้ทรัพยากรในพื้นที่ และผลกระทบทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม เพื่อจัดทำข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในการกำหนดบทบาทของจังหวัดปราจีนบุรี ที่จะเชื่อมโยงกับพื้นที่อีอีซี และคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนกันยายน 2568 

 

โดยขั้นตอนการดำเนินงานต่อไป สกพอ. จะนำผลการศึกษาฯ เสนอต่อกพอ. เพื่อพิจารณา ก่อนเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อทราบ ทั้งนี้ หากเห็นชอบให้มีการขยายพื้นที่ฯ ดังกล่าว สกพอ. จะจัดทำร่างพระราชกฤษฎีกาขยายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (เพิ่มเติม) เพื่อเสนอ กพอ. และ ครม. พิจารณาให้ความเห็นชอบ ก่อนประกาศราชกิจจานุเบกษา ต่อไป

 

การประชุม กพอ. ครั้งนี้นับเป็นหมุดหมายสำคัญในการยกระดับเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกสู่การเป็นกลไกหลักขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ด้วยการเพิ่มพื้นที่รองรับอุตสาหกรรมเป้าหมายทั้งด้านการเกษตร การแปรรูปอาหาร อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ ดิจิทัล สุขภาพครบวงจร และพลังงานสะอาด ตลอดจนเปิดประตูสู่การขยายพื้นที่ใหม่ไปยังจังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นถึงยุทธศาสตร์ของรัฐบาลที่มุ่งผลักดัน EEC ให้เป็นฐานการลงทุนระดับโลก และเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจใหม่ของประเทศอย่างแท้จริง

ข่าวล่าสุด

ดูบอลสด ถ่ายทอดสด บีจี ปทุม พบ เมืองทอง ฟุตบอลไทยลีก วันนี้ 14 ธ.ค.68