‘พัทยา’ เตรียมยกระดับความปลอดภัย ‘เมือง’ แก่คนทำงานกลางคืน
พัทยาเตรียมใช้ธรรมนูญพัฒนาเมือง ผลักดันเมืองสุขภาวะดี และปลอดภัยแก่ทุกคน ตั้งแต่ช่างสัก จนถึงคนทำงานกลางคืน
นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา และประธานคณะกรรมการสนับสนุนการจัดและขับเคลื่อนมติสมัชชาสุขภาพเมืองพัทยา (คจ.สพ.) กล่าวในการประชุมคณะกรรมการสนับสนุนการจัดและขับเคลื่อนมติสมัชชาสุขภาพเมืองพัทยา ครั้งที่ 2/2568 ว่า
เมืองพัทยาได้ขับเคลื่อนการทำงานร่วมกับ สช. มาเป็นระยะเวลาหลายปี นับตั้งแต่ปี 2565 ที่ได้จัดทำธรรมนูญสุขภาพกลุ่มอาชีพผู้ประกอบการร่มเตียงชายหาด และผู้ประกอบการนวดแผนไทย เพื่อเป็นเครื่องมือในการกำหนดกรอบทิศทางและแนวปฏิบัติการมีสุขภาวะที่ดี มีความมั่นคงในอาชีพและการมีงานทำ
ในครั้งนี้จึงเป็นการขยายขอบเขตการทำงานด้านสุขภาวะไปยังมิติและกลุ่มอาชีพอื่นๆ ได้แก่ การผลักดันธรรมนูญฯช่างสักเมืองพัทยา การยกระดับคุณภาพชีวิตคนทำงานกลางคืน รวมไปถึงการป้องกันเด็กและเยาวชนให้ห่างไกลจากการสูบบุหรี่ไฟฟ้า
“พัทยามีรายได้หลักจากการท่องเที่ยว และเป็นเมืองท่องเที่ยวติดอันดับ 7 ของโลก จึงต้องมุ่งมั่นที่จะดูแลเมืองให้เกิดสุขภาวะที่ดีในมิติต่างๆ ตามแนวคิดเมืองปลอดภัย มีการท่องเที่ยวที่มีมาตรฐานยั่งยืนและน่าอยู่สำหรับทุกคน และส่วนหนึ่งที่ทำให้เรานำธรรมนูญฯ มาใช้ได้ง่ายขึ้นเพราะเมืองพัทยามีอำนาจในการให้อนุญาตหรืองดอนุญาตซึ่งเป็นการให้คุณให้โทษได้ เช่น ธรรมนูญร่มเตียงชายหาดและหมอนวดแผนไทยที่เราได้ผลักดันไป ผู้ประกอบการจะต้องมาขึ้นทะเบียนกับเรา
เมื่อมีธรรมนูญฯขึ้นมาแล้ว หากเขาทำผิด ก็สามารถใช้ข้อบังคับที่เมืองพัทยามีอำนาจดำเนินการได้ อย่างไรก็ตาม แม้กระทั่งพื้นที่ที่เมืองพัทยาจะไม่ได้มีอำนาจโดยตรง แต่ก็อาศัยธรรมนูญฯ ในการขับเคลื่อนเช่นกัน อย่างธรรมนูญฯเกาะล้าน ก็มีเพื่อให้เป็นกติการ่วมกันในการดูแลสิ่งแวดล้อม” นายกเมืองพัทยา กล่าว
ขยายกรอบการดูแลกลุ่มอาชีพช่างสัก-คนทำงานกลางคืน
ร.ต.อ.หญิง กัญรภา มุกดาสนิท ผู้อำนวยการสำนักสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อมเมืองพัทยา กรรมการและเลขานุการ คจ.สพ. ให้รายละเอียดว่า การดูแลกลุ่มอาชีพช่างสักเมืองพัทยาผ่านการจัดธรรมนูญฯ เกิดจากการรวมกลุ่มกันของผู้ประกอบการช่างสักร่วมกับสำนักสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อมเมืองพัทยา เพื่อกำหนดทิศทางนโยบาย มาตรฐานความปลอดภัยการให้บริการให้เป็นไปตามข้อกำหนดของกรมอนามัย และมุ่งหวังที่จะยกระดับไปสู่การมีหลักสูตรรับรองทางวิชาชีพช่างสักต่อไปในอนาคต
มากไปกว่านั้น คือการดูแลสุขภาวะที่ดีให้กับแรงงานที่ทำงานตอนกลางคืน ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมของเมืองพัทยา แต่มีความเสี่ยงด้านสุขภาวะในหลายๆ มิติ ส่วนงานต่างๆ จึงต้องเข้ามาร่วมกันยกระดับ ทั้งในมิติการคุ้มครองสิทธิแรงงานโดยการจัดตั้งคลินิกให้บริการด้านสิทธิและจัดให้มีระบบร้องเรียนแบบไม่เปิดเผยตัวผ่านแอปหรือสายด่วน รวมไปถึงขับเคลื่อนให้เกิดกฎกระทรวงคุ้มครองแรงงานพนักงานบริการ ร่วมกับคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
นอกจากนี้ ยังมีมิติการดูแลสวัสดิการสิ่งอำนวยความสะดวกและความมั่นคงปลอดภัยในชีวิต ผ่านการจัดตั้งศูนย์เลี้ยงเด็กจากกลุ่มคนทำงานกลางคืน ลักษณะการดูแลทั้งในช่วงเวลากลางวัน (Day Care) และช่วงเวลากลางคืน (Night Care)
“อีกทั้ง เมืองพัทยาจะมีการสนับสนุนให้เครือข่ายภาคประชาสังคม ไม่ว่าจะเป็น NGO หรือมูลนิธิต่างๆ ที่เขาทำงานเรื่องนี้อยู่แล้ว รวมไปถึงกลุ่มประชาชนให้สามารถเข้ามาใช้งบกองทุนหลักประกันสุขภาพท้องถิ่น (กปท.) ซึ่งเป็นงบที่ สปสช. ร่วมกันสบทบกับเมืองพัทยา โดยเมืองพัทยาสนับสนุน 100% เกินกว่าที่ สปสช. กำหนดไว้ เพื่อจะนำงบเหล่านี้ไปส่งเสริมป้องกันสุขภาพให้คนทำงานกลางคืนในมิติต่างๆ เช่น การตรวจสุขภาพจิต การคัดกรองมะเร็งปากมดลูก ฯลฯ” ร.ต.อ.หญิง กัญรภา กล่าว
ด้าน นายเตชิต ชาวบางพรหม ผู้อำนวยการสำนักนโยบายสาธารณะเขตเมือง สช. กล่าวว่า ผลจากการจัดประชุมภาคีเครือข่ายกลุ่มอาชีพช่างสักครั้งที่ผ่านๆมาได้ทำให้เกิดการจัดทำ (ร่าง) ธรรมนูญสุขภาพกลุ่มอาชีพช่างสัก สาระสำคัญคือการยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยให้เกิดข้อตกลงร่วมกัน เพราะที่ผ่านมายังไม่มีกฎหมายรองรับ รวมไปถึงขอบเขตความเหมาะสมของศิลปะรอยสักบนเรือนร่าง เช่น การนำสัญลักษณ์ทางพระพุทธศาสนาหรือความเชื่ออื่นๆ ไปอยู่ในจุดที่ไม่เหมาะสมของร่างกาย เป็นต้น
นอกจากนี้ คือการดูแลสวัสดิการด้านสุขภาพให้กับแรงงานอิสระที่ทำงานในเวลากลางคืน ซึ่งมีความหลากหลายทางกลุ่มอาชีพ การใช้ชีวิตเพื่อทำงานในเวลากลางคืนได้ส่งผลให้การเข้าถึงสิทธิทางสุขภาพ ที่มักเปิดให้บริการตามเวลาราชการในช่วงกลางวันเป็นไปได้ยาก และสุดท้ายคือการดูแลเด็กและเยาวชนให้ห่างไกลจากบุหรี่ไฟฟ้าซึ่งจะมีการลงนาม MOU ร่วมกันอีกด้วย.


