posttoday

5 มหาวิทยาลัยไทย ติออันดับโลกด้านความยั่งยืน จุฬา-มช.ครองที่ 44

24 มิถุนายน 2568

จุฬาฯ – ม.เชียงใหม่ ติด Top 44 โลกใน THE Impact Rankings 2025 อีก 3 ม.ติดในTop100 วลัยลักษณ์ขึ้นแท่นอันดับ 1 ของโลก ใน SDG 5 ด้านความเท่าเทียมทางเพศ

มหาวิทยาลัย ในยุคนี้ ไม่ใช่แค่สถานศึกษาที่ผลิตแรงงานสู่อุตสาหกรรม แต่ยังเป็นมันสมองของสังคมที่สะท้อนบทบาทในด้านต่างๆ และแน่นอนสังคมคาดหวังบทบาทของมหาวิทยาลัยในการขับเคลื่อน “ความยั่งยืน” ในทุกมิติ ตั้งแต่สิ่งแวดล้อม สังคม เศรษฐกิจ ไปจนถึงความร่วมมือในระดับโลก และในปีนี้ มหาวิทยาลัยไทยได้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในระดับสากลอีกครั้งผ่านผลการจัดอันดับ THE Impact Rankings 2025 โดย Times Higher Education (THE)

 

จากมหาวิทยาลัยกว่า 2,500 แห่งทั่วโลกที่เข้าร่วมการประเมิน มีถึง 2 มหาวิทยาลัยของไทย คือจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่ก้าวขึ้นมาสู่อันดับที่ 44 (ร่วมกัน) ของโลก 

 

THE Impact Rankings คืออะไร?

THE Impact Rankings เป็นการจัดอันดับที่ไม่ใช่แค่ดูเรื่องคุณภาพการเรียนการสอนหรือชื่อเสียงเท่านั้น แต่ให้ความสำคัญกับ 4 มิติหลักที่เกี่ยวข้องกับ SDGs คือ

  • Research (งานวิจัย) การผลิตองค์ความรู้ใหม่ที่เกี่ยวข้องกับความยั่งยืน
  • Stewardship (การบริหารจัดการ) การใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืนทั้งในด้านบุคคลและกายภาพ
  • Outreach (การมีส่วนร่วมกับสังคม) การเชื่อมโยงกับชุมชนทั้งในประเทศและต่างประเทศ
  • Teaching (การสอน) การสร้างคนรุ่นใหม่ที่มีความรู้ ทักษะ และจิตสำนึกด้าน SDGs

 

โดยเน้นให้แต่ละมหาวิทยาลัยแสดงผลงานที่เกี่ยวข้องกับ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนทั้ง 17 ด้านของ UN ตั้งแต่ความยากจน สุขภาพ การศึกษา ไปจนถึงนวัตกรรมและความร่วมมือระดับโลก

 

จุฬาฯ – มช. ผู้นำมหาวิทยาลัยไทยด้านความยั่งยืน

แม้จะมีบริบทที่แตกต่าง ทั้งด้านขนาด สภาพแวดล้อม และภูมิภาคที่ตั้ง แต่ จุฬาฯ และ มช. ต่างก็แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการผลักดันเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในหลายมิติอย่างชัดเจน

 

มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ทำผลงานได้ดีเยี่ยมใน SDG 9 อุตสาหกรรม นวัตกรรม และโครงสร้างพื้นฐาน (94.2 คะแนน) และ มช. ยังแสดงให้เห็นบทบาทของสถาบันในภูมิภาคที่สามารถขับเคลื่อนเรื่อง SDG 5 ความเท่าเทียมทางเพศ และ SDG 4 การศึกษาที่มีคุณภาพ อย่างเป็นรูปธรรม

 

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้คะแนนสูงถึง 99.7 คะแนน ใน SDG 9 สะท้อนบทบาทผู้นำด้านนวัตกรรม วิศวกรรม และระบบโครงสร้างพื้นฐานในเมืองหลวง และยังเด่นใน SDG 3 สุขภาพและความเป็นอยู่ และ SDG 8 งานที่มีคุณค่าและการเติบโตทางเศรษฐกิจด้วย

 

ทั้งสองมหาวิทยาลัยยังทำได้ยอดเยี่ยมใน SDG 17 ความร่วมมือเพื่อเป้าหมาย ซึ่งแสดงให้เห็นถึงเครือข่ายความร่วมมือระดับโลกที่เข้มแข็ง

 

อีก 3 มหาวิทยาลัยไทยที่ติดอันดับคือ

มหาวิทยาลัยมหิดล อันดับร่วมที่ 64 ของโลก คะแนนรวม 91.3 และ SDGs ที่โดดเด่น คือ

SDG 3 (สุขภาพและความเป็นอยู่) 91.9 คะแนน

SDG 9 (อุตสาหกรรม นวัตกรรม และโครงสร้างพื้นฐาน) 80.7–92.3 คะแนน

SDG 16 (สันติภาพ ความยุติธรรม และสถาบันเข้มแข็ง) 79.3 คะแนน

SDG 17 (ความร่วมมือเพื่อเป้าหมาย) 92.0 คะแนน

 

มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์  อันดับร่วมที่ 64 ของโลก คะแนนรวม 91.3 และ SDGs ที่โดดเด่น คือ

SDG 5 (ความเท่าเทียมทางเพศ) 81.6 คะแนน

SDG 16 (สันติภาพ ความยุติธรรม และสถาบันเข้มแข็ง) 91.1 คะแนน

SDG 11 (เมืองและชุมชนยั่งยืน) 84.1 คะแนน

SDG 17 (ความร่วมมือเพื่อเป้าหมาย) 93.7 คะแนน

 

มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ อันดับร่วมที่ 93 ของโลก (อันดับเดียวกับมหาวิทยาลัยบุคาเรสต์ ประเทศโรมาเนีย) คะแนนรวม 89.7 และ SDGs ที่โดดเด่น คือ

SDG 5 (ความเท่าเทียมทางเพศ) 85.0 คะแนน

SDG 2 (ขจัดความหิวโหย) 83.1 คะแนน

SDG 3 (สุขภาพและความเป็นอยู่) 84.3 คะแนน

SDG 17 (ความร่วมมือเพื่อเป้าหมาย) 95.1 คะแนน

 

ยิ่งกว่านั้น  มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ยังขึ้นแท่นเป็น อันดับ 1 ของโลก ใน SDG 5 ด้านความเท่าเทียมทางเพศ เป็นครั้งแรกที่เข้ารอบ Top 100 โดยปีนี้ทะยานขึ้นจากกลุ่ม 101–200 มาเป็น 93 ของโลก

 

Top 5 โลก ออสเตรเลียมาแรง!

ปีนี้ มหาวิทยาลัยจากออสเตรเลียยังครองแชมป์ในเวทีโลก โดยมีถึง 3 แห่งที่ติด Top 5

1. Western Sydney University (ออสเตรเลีย) – อันดับ 1
คะแนนรวม 98.7 โดดเด่นด้าน ระบบนิเวศบนบก (SDG 15) และ การบริโภคที่ยั่งยืน (SDG 12)

2. University of Manchester (สหราชอาณาจักร) – อันดับ 2
 คะแนนรวม 98.4 สะท้อนบทบาทและจุดแข็งของมหาวิทยาลัยด้านมืองและชุมชนยั่งยืน

3. Kyungpook National University (เกาหลีใต้) – อันดับ 3
คะแนนรวม 97.8 ชูโรงด้านอุตสาหกรรม นวัตกรรม และโครงสร้างพื้นฐาน (SDG 9) ด้วยคะแนนใกล้เต็ม 100 (99.5 คะแนน)

4. Griffith University และ University of Tasmania (ออสเตรเลีย) – อันดับร่วมที่ 4
คะแนนรวมเท่ากันที่ 97.7 สองมหาวิทยาลัยนี้มีบทบาทชัดเจนด้าน สิ่งแวดล้อม ระบบนิเวศบนบก การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ระบบนิเวศทางทะเล และความร่วมมือเพื่อการพัฒนา

 

ผลการจัดอันดับ THE Impact Rankings 2025 ไม่ได้เป็นแค่เครื่องมือวัดคุณภาพสถาบันการศึกษา แต่เป็นเวทีที่เผยให้เห็นว่า มหาวิทยาลัยสามารถเป็น “พลังเปลี่ยนโลก” ได้อย่างไร

 

และสำหรับประเทศไทย การมีมหาวิทยาลัยถึง 5 แห่งติด Top 100 โลก โดยเฉพาะการที่ จุฬาฯ และ มช. ติด Top 50 ถือเป็นความสำเร็จที่น่าภาคภูมิใจ และสะท้อนให้เห็นว่า “ความยั่งยืน” ไม่ใช่เพียงแค่แนวคิดลอย ๆ อีกต่อไป แต่เป็นเป้าหมายที่มหาวิทยาลัยไทยสามารถจับต้องได้ และกำลังเดินหน้าอย่างจริงจัง

ข่าวล่าสุด

ถ่ายทอดสด ไบรท์ตัน พบ ซันเดอร์แลนด์ พรีเมียร์ลีก วันนี้ 20 ธ.ค.68