กรุงเทพฯ เร่งรับมือปัญหาน้ำท่วมข้ามเขต แก้รถติดซ้ำซากฝนตกใหญ่
กทม. เร่งแก้ปัญหาน้ำท่วมจุดวิกฤตบางนา-ตราด หลังฝนตกหนักทำรถติดหนัก ประสานสมุทรปราการเร่งเปิดทางน้ำสู่คลองสำโรง ช่วยระบายข้ามเขตให้เร็วขึ้น
สืบเนื่องจากฝนตกหนักเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคมที่ผ่านมา พื้นที่เขตบางนาเกิดน้ำท่วมขัง โดยเฉพาะช่วงกิโลเมตรที่ 6-7 บริเวณหน้าห้างเซ็นทรัลบางนา ถนนศรีนครินทร์ และซอยแบริ่ง แม้ในฝั่ง กทม. น้ำจะสามารถระบายได้หมดภายในเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง แต่พื้นที่รอยต่อฝั่งจังหวัดสมุทรปราการยังมีน้ำท่วมขังต่อเนื่อง โดยเฉพาะบริเวณหน้าเมกาบางนา ซึ่งส่งผลให้การจราจรติดขัดอย่างรุนแรง
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ลงพื้นที่บริเวณถนนบางนา-ตราด กิโลเมตรที่ 6 ร่วมกับนายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าฯ กทม. และคณะผู้บริหารสำนักการระบายน้ำ เพื่อเร่งแก้ปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก ที่ส่งผลกระทบหนักต่อการจราจรบริเวณชายขอบกรุงเทพมหานคร และสมุทรปราการ
นายชัชชาติระบุว่า น้ำจากถนนบางนา-ตราดบริเวณนี้ ไหลลงคลองปลัดเปรียงในสมุทรปราการ แต่คลองปลัดเปรียงมีระดับน้ำสูงอยู่แล้ว ทำให้น้ำระบายต่อได้ช้า ทั้งที่คลองนี้ควรไหลลงต่อไปยังคลองสำโรงและคลองบางนา ขณะที่อีกเส้นทางคือคลองบางแก้วใหญ่ ก็ยังต้องการการบริหารจัดการร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ
“น้ำไม่รู้จักเขต เราไม่สามารถแบ่งแยกว่าตรงนี้เป็นของใครแล้วจะไม่รับผิดชอบได้ ต้องร่วมมือกันมากกว่านี้เพื่อให้การระบายน้ำไหลลื่น ไม่มีจุดติดขัด" ผู้ว่าฯ ชัชชาติกล่าว พร้อมเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการประสานงานใกล้ชิดกับจังหวัดสมุทรปราการ และหน่วยงานท้องถิ่นในพื้นที่ใกล้เคียง
จากนั้นคณะได้ลงพื้นที่ตรวจความคืบหน้าโครงการก่อสร้างเขื่อนดาดท้องคลองบริเวณสถานีสูบน้ำคลองโรงแถว (เขตบางนา) ความยาว 270 เมตร ซึ่งขณะนี้มีความคืบหน้ากว่า 80% คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนมิถุนายนนี้ เมื่อแล้วเสร็จ จะช่วยเพิ่มกำลังสูบน้ำจาก 3 เป็น 4 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่กรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออกได้เร็วขึ้น
ในช่วงค่ำวันเดียวกัน ผู้ว่าฯ กทม. พร้อมคณะ ยังได้ลงพื้นที่สถานีสูบน้ำคลองสำโรง เทศบาลตำบลสำโรงเหนือ จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งเป็นจุดระบายน้ำสำคัญที่สามารถช่วยผลักดันน้ำออกจากฝั่งกรุงเทพฯ สู่แม่น้ำเจ้าพระยา โดยมีเครื่องสูบน้ำรวม 25 เครื่อง และทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“เราต้องช่วยกันผลักดันน้ำให้มาถึงคลองสำโรงให้ได้ น้ำถึงคลองเมื่อไหร่ เราก็มั่นใจได้ว่าจะระบายออกสู่เจ้าพระยาได้ทัน” นายชัชชาติกล่าว พร้อมขอบคุณเทศบาลและหน่วยงานท้องถิ่นที่ดูแลสถานีสูบน้ำแห่งนี้เป็นอย่างดี
การลงพื้นที่ครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงการแก้ปัญหาเชิงรุกของกรุงเทพมหานคร ที่ไม่ได้มองเพียงพื้นที่ของตนเอง แต่ให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการน้ำแบบบูรณาการ เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อประชาชน ทั้งในด้านน้ำท่วมและการจราจรติดขัดซ้ำซากในพื้นที่เขตตะวันออกของเมือง


