วิเคราะห์ “อาคารเขียว” 3 ปัจจัยกำหนดทิศทาง ออกแบบอาคารแห่งอนาคต
สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย จัดงานเสวนาครั้งสำคัญ ภายใต้หัวข้อ "เจาะลึกอาคารเขียว นวัตกรรมรับผิดชอบ และยั่งยืน" มุ่งสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับการพัฒนาอาคารในยุคใหม่
KEY
POINTS
- สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทยได้จัดงานเสวนาครั้งสำคัญ ภายใต้หัวข้อ "เจาะลึกอาคารเขียว นวัตกรรมรับผิดชอบ และยั่งยืน" โดยมุ่งเน้นการสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับการพัฒนาอาคารในยุคใหม่
- วิเคราะห์ 3 ปัจจัยสำคัญที่กำหนดทิศทางการออกแบบอาคารแห่งอนาคต
- การเตรียมพร้อมรับสังคมผู้สูงอายุ (Aging Society) สุขภาวะและความเป็นอยู่ที่ดี (Wellness & Comfort) รองรับการใช้ชีวิตวิถีใหม่หลัง COVID-19 (New Normal)
อาคารเขียว: ทางเลือกใหม่ที่เป็นมากกว่าความสวยงาม
ในยุคที่โลกเผชิญกับวิกฤติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) และปัญหาสิ่งแวดล้อมมากมาย "อาคารเขียว" กลายเป็นแนวทางหลักในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ การออกแบบอาคารสมัยใหม่จึงไม่หยุดอยู่แค่ความสะดวกสบายและความสวยงาม แต่ต้องคำนึงถึงความคุ้มค่าและความยั่งยืนควบคู่กัน
ประเทศไทยเองก็ได้ตั้งเป้าหมายสำคัญในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2608 ทำให้ภาคอสังหาริมทรัพย์ต้องปรับตัวและสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อให้ตอบสนองต่อเป้าหมายนี้
สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทยได้จัดงานเสวนาครั้งสำคัญ ภายใต้หัวข้อ "เจาะลึกอาคารเขียว นวัตกรรมรับผิดชอบ และยั่งยืน" โดยมุ่งเน้นการสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับการพัฒนาอาคารในยุคใหม่ ที่ไม่เพียงแค่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งานเท่านั้น แต่ยังให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของผู้พักอาศัยอีกด้วย
3 ปัจจัยสำคัญที่กำหนดทิศทางการออกแบบอาคารแห่งอนาคต
1.การเตรียมพร้อมรับสังคมผู้สูงอายุ (Aging Society)
ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยอย่างเต็มตัว การออกแบบอาคารจึงต้องคำนึงถึงความสะดวกสบาย ปลอดภัย และรองรับการใช้ชีวิตของผู้สูงอายุ เช่น การใช้ดีไซน์แบบ Universal Design ที่ทุกวัยใช้งานได้ และการติดตั้งระบบอัตโนมัติเพื่อช่วยให้การใช้ชีวิตง่ายขึ้น
2.สุขภาวะและความเป็นอยู่ที่ดี (Wellness & Comfort)
อาคารในอนาคตจะไม่ได้เป็นแค่ที่อยู่อาศัย แต่ต้องช่วยเสริมสร้างสุขภาพที่ดีให้กับผู้อาศัยด้วย ไม่ว่าจะเป็นระบบกรองอากาศเพื่อคุณภาพอากาศที่ดี การควบคุมแสงธรรมชาติ ระบบกันเสียงรบกวน และการเลือกใช้วัสดุปลอดสารพิษ เพื่อสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีทั้งร่างกายและจิตใจ
3.รองรับการใช้ชีวิตวิถีใหม่หลัง COVID-19 (New Normal)
การระบาดของ COVID-19 ทำให้รูปแบบการใช้ชีวิตเปลี่ยนไป อาคารต้องรองรับการทำงานแบบไฮบริด มีพื้นที่ยืดหยุ่น รองรับการใช้งานหลายรูปแบบ รวมถึงระบบระบายอากาศที่ช่วยลดการสะสมของเชื้อโรค
มาตรฐานและนวัตกรรมขับเคลื่อนอาคารเขียว
- LEED (Leadership in Energy and Environmental Design): มาตรฐานสากลที่ช่วยชี้วัดว่าอาคารใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ตั้งแต่การเลือกวัสดุ การประหยัดพลังงานและน้ำ ไปจนถึงการจัดการคุณภาพอากาศภายใน
- WELL for Residential: มาตรฐานที่เน้นความเป็นอยู่ที่ดีของผู้อาศัย ไม่ว่าจะเป็นระบบควบคุมการระบายอากาศ ระบบตรวจจับคุณภาพอากาศแบบเรียลไทม์ การออกแบบอาคารที่ลดมลพิษภายใน และการออกแบบพื้นที่เพื่อสนับสนุนสุขภาพและคุณภาพชีวิตในระยะยาว
ผลตอบแทนของการลงทุนในอาคารเขียว
อาคารเขียวอาจดูเหมือนมีต้นทุนเริ่มต้นที่สูงกว่าอาคารปกติ แต่ในระยะยาวกลับคุ้มค่ากว่าทั้งในแง่ค่าใช้จ่ายและคุณค่าทางธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการลดค่าใช้จ่ายพลังงาน การบำรุงรักษาที่น้อยลง และยังเป็นที่ต้องการของตลาดที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยให้โครงการเข้าถึง Green Finance ซึ่งเป็นแหล่งเงินทุนที่มีเงื่อนไขพิเศษสำหรับโครงการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และยังมีโอกาสได้รับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ต่ำกว่าปกติ
บทสรุป อาคารเขียว ทางเลือกอาคารแห่งอนาคต
การพัฒนาอาคารในปัจจุบันต้องคิดให้ไกลกว่าการสร้างพื้นที่ใช้สอยทั่วไป แต่ต้องเป็นพื้นที่ที่ช่วยดูแลสุขภาพ ลดการใช้ทรัพยากรสิ้นเปลือง และช่วยสร้างความยั่งยืนให้กับโลกใบนี้
ในมุมมองของภาคธุรกิจ การปรับตัวเพื่อสร้างอาคารเขียวไม่ใช่แค่การตามกระแส แต่เป็นโอกาสในการสร้างความแตกต่างทางการตลาด เพิ่มมูลค่าให้โครงการ และเตรียมพร้อมรับมือกับกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวดขึ้น
อาคารเขียว หรือ Green Building จึงไม่ใช่แค่เทรนด์ชั่วคราว แต่เป็นอนาคตของวงการอสังหาริมทรัพย์ไทย อนาคตที่ทั้งโลกต้องก้าวไปพร้อมกัน
หมายเหตุ:
ข้อมูลจาก สถาบันอาคารเขียวไทย (Thai Green Building Institute)
ระบุ "อาคารเขียว" คือ “อาคารที่ได้รับการออกแบบและก่อสร้างอย่างพิถีพิถัน โดยคำนึงถึงการใช้ทรัพยากรอย่างชาญฉลาด เพื่อให้ได้อาคารที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและใส่ใจต่อสุขภาพของผู้ใช้อาคาร”
ในสหรัฐอเมริกาได้มีการพัฒนา เกณฑ์ประเมินอาคารเขียวขึ้นมาชื่อว่า LEED (Leadership in Energy & Environmental Design)
สำหรับในประเทศไทยก็มีการสร้างเกณฑ์ที่ชื่อว่า TREES (Thai’s Rating of Energy and Environmental Sustainability) จัดตั้งโดย สถาบันอาคารเขียวไทย (TGBI) เพื่อใช้เป็นเกณฑ์ประเมินอาคารเขียวในไทย โดยมีเค้าโครงที่คล้ายกับ LEED พอสมควรแต่มีการปรับให้เหมาะสมกับบริบทสภาพแวดล้อม และภูมิภาคประเทศในฝั่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้มากยิ่งขึ้น
สถานการณ์อาคารเขียวในประเทศไทย
ปัจจุบันสถาบันอาคารเขียวไทยยังไม่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลอย่างเป็นเรื่องเป็นราว แต่มีหลายหน่วยงานที่เริ่มตระหนักถึง วิกฤติการณ์โลกร้อน และประโยชน์จากการสร้างตึกและอาคารให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และจนถึงปี 2565 สถาบันอาคารเขียว ได้ให้การรับรองตึกที่ผ่านเกณฑ์เป็นจำนวนถึง 77 โครงการ แบ่งเป็น 4 ระดับ ได้แก่ Certified Silver Gold และ Platinum


