Green Building: 10 อันดับอาคารยั่งยืน / อาคารเขียว ดีต่อโลกดีต่อใจ
Construction Digital จัดอันดับอาคารที่ดีที่สุดในโลกกับแนวคิดการออกแบบที่ยั่งยืน หนึ่งในพันธกิจสำคัญในการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้วยพลังงานสะอาด
ในการกอบกู้โลกจากภัยความร้อน ประเทศต่างๆ ทั่วโลกยังคงสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ไม่เพียงใช้จินตนาการ แต่ยังใช้สติปัญญาด้วยแนวคิดล้ำๆ ในการออกแบบพัฒนาอาคารใหม่ ๆ ที่ทั้งน่าตื่นเต้นด้วยความทันสมัยและมีความโดดเด่นด้านความยั่งยืน
อาคารที่ติดอันดับโลกด้านความยั่งยืนทั้ง 10 อาคารมีความโดดเด่นด้วยคุณสมบัติสำคัญในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน ประหยัดพลังงาน และการวางตัวให้เป็นประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติมากขึ้น ยิ่งกว่านั้นการออกแบบที่พลิกโฉมและส่งผลเชิงบวกต่อสภาพแวดล้อมยังสามารถส่งแรงบันดาลใจ หรือแรงกระเพื่อมให้กับอุตสาหกรรมการก่อสร้างได้อีกอย่างไม่ต้องสงสัย มาเริ่มกันที่อันดับ 10
10: โคเปนฮิล์ล (CopenHill) โคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก โรงงานแปรรูปขยะเป็นพลังงานสายพันธุ์ใหม่ และเป็นหนึ่งในโรงไฟฟ้าพลังงานขยะที่สะอาดที่สุดในโลก มีระบบดำเนินการเปลี่ยนขยะมากกว่า 440,000 ตันให้เป็นพลังงานสะอาดในแต่ละปี ให้บริการผู้คน 680,000 คน และรับของเสียจากรถบรรทุกมากถึง 300 คันในแต่ละวัน ด้วยกังหันไอน้ำที่ผลิตพลังงานได้ถึง 63MWh และยังมีเครื่องเปลี่ยนพลังงานความร้อนที่ใช้ในระบบทำความร้อนในอาคารด้วย
ล้ำกว่านั้น อาคารนี้ยังอาจเป็นโรงไฟฟ้าแห่งเดียวในโลกที่มีลานสกีกลางแจ้งบนหลังคา นอกไปจากสวนสีเขียว เส้นทางเดินป่า และยังติดตั้งกำแพงปีนผาไว้บนอาคารแห่งนี้ด้วย เพื่อตอกย้ำเป้าหมายของโคเปนเฮเกนในการเป็น carbon-neutral city หรือเมืองคาร์บอนต่ำแห่งแรกของโลกในปี 2025
อาคารหลังนี้เปิดครั้งแรกในเดือนตุลาคม 2019 ออกแบบโดย Bjarke Ingels Group (BIG) บริษัทสถาปนิกชื่อดังระดับโลกของเดนมาร์ก โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างอาคารที่มีประโยชน์ต่อเมือง ซึ่งได้กลายเป็นสถานที่สำคัญของเมืองและเป็นแบบอย่างอันดีของชาวโลกไปเรียบร้อย สำหรับตำแหน่งโรงไฟฟ้าสุดคูล
9: อาคารคิวบ์ (Cube Building) ประเทศเยอรมนี The Cube Berlin เป็นอาคารสำนักงานรูปทรงลูกบาศก์บน Washingtonplatz ใกล้กับสถานีรถไฟกลางเบอร์ลิน เปิดตัวในเดือนกุมภาพันธ์ 2020 อาคารนี้ครอบคลุมพื้นที่ 10 ชั้น โดดเด่นด้วยผิวหน้าเป็นกระจกที่พับเข้าด้านใน ซึ่งได้รับการออกแบบให้มีรอยพับตามพื้นผิว ให้ภาพสะท้อนละลานตา
ได้รับการออกแบบให้ประหยัดทรัพยากรและประหยัดพลังงาน เนื่องจากพลังงานหลักมาจากแสงอาทิตย์ มีหน้าต่างที่เคลือบผิวเพื่อลดความร้อนภายในอาคารได้อีก คิวบ์ยังมีคุณสมบัติอัจฉริยะหลายประการ จากเซนเซอร์ตรวจสอบการไหลเวียนและการใช้พลังงานในตึก มีระบบการเรียนรู้ด้วยตนเอง หรือ self-learning เพื่อปรับการตั้งค่าของอาคารตามความต้องการของผู้ใช้แต่ละคนด้วย ล้ำไปอีก
8: ศูนย์ธุรกิจ Sohrabji Godrej Green บิสซิเนส เซ็นเตอร์ Sohrabji Godrej Green ตั้งอยู่ในเมืองไฮเดอราบัด ประเทศอินเดีย เป็นอาคารระดับ 5 ดาวของสำนักงานอนุรักษ์พลังงาน (BEE) เป็นอาคารพาณิชย์ที่ประกอบด้วยสำนักงาน ห้องปฏิบัติการวิจัย และห้องประชุม
หลังคาที่มีพืชพรรณครอบคลุม 55-60% ของพื้นที่หลังคา โดยส่วนที่เหลือถูกคลุมด้วยโซลาร์เซลล์ที่มีกำลังการผลิต 24KW ไฟฟ้าที่ผลิตได้ 100 ถึง 120 หน่วยต่อวันจะถูกป้อนเข้าสู่โครงข่ายไฟฟ้าและคิดเป็น 20% ของต้นทุนพลังงานทั้งหมดของอาคาร นอกจากนี้ น้ำเสียและน้ำที่ไหลออกจากอาคารยังถูกรีไซเคิลโดยพืชในอาคารเพื่อทำน้ำให้บริสุทธิ์และกรองน้ำกลับไปใช้
7: วันเซ็นทรัลพาร์ค (One Central Patk) เป็นอาคารสูงคู่แบบ mixed-use ตั้งอยู่ในนิวเซาธ์เวลส์ ประเทศออสเตรเลีย ประกอบด้วยอาคารอพาร์ตเมนต์สำหรับพักอาศัยและศูนย์การค้า 6 ชั้นที่ฐานของอาคาร ในปี พ.ศ. 2556 ได้รับรางวัล Green Star 'Multi-Unit Residential Design v1' Certified Rating จาก Green Building Council of Australia
อาคารเหล่านี้ยังมีคุณสมบัติเป็น "อาคารเขียว" หลายประการ เช่น ระบบกักเก็บน้ำ หลังคาสีเขียว การรีไซเคิลวัสดุ การใช้รถยนต์ร่วมกัน และการขุดท่อระบายน้ำ นอกจากนี้ภายในและภายนอกยังมีกระถางต้นไม้และพืชพรรณมากมายซึ่งส่วนใหญ่ตั้งอยู่บนระเบียง
6: ศูนย์การเงินไทเป ไต้หวัน - ไทเป 101 เป็นตึกระฟ้าที่สูงที่สุดในไทเป มีความสูง 508 เมตรกับ 101 ชั้นเหนือพื้นดินและ 5 ชั้นใต้ดิน เป็นอาคารแรกของโลกที่มีความสูงเกิน 500 เมตร ไทเปทาวเวอร์ได้รับอิทธิพลจากเจดีย์ในประเทศจีน และยังได้รับการรับรอง LEED (ย่อมาจาก Leadership in Energy & Environmental Design เป็นระบบการรับรองอาคารที่ยั่งยืนที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดของโลก)ในระดับแพลตตินัม และปัจจุบันได้รับการยอมรับว่า เป็นอาคารเขียวที่สูงที่สุดในโลก
ขณะนี้อาคารแห่งนี้มีระบบดำเนินการเพื่อลดการใช้พลังงานในแต่ละปี โดยสามารถลดการใช้ไฟฟ้าได้ 33.41 ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมงต่อปี และประหยัดเงินได้มากกว่า 2 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี ตัวอย่างเช่น การใช้อุปกรณ์ติดตั้งน้ำไหลต่ำพร้อมระบบการจัดการเฉพาะเพื่อช่วยลดการใช้น้ำภายในอาคาร โดยไม่ส่งผลกระทบต่อผู้เช่าอาคาร มีการติดตั้งโคมไฟแบบปรอทต่ำและไร้สารปรอททั่วทั้งอาคารเพื่อลดมลพิษ
5: แมนชั่น Sun-Moon ในเมืองเต๋อโจว ประเทศจีน เป็นหนึ่งในอาคารสูงที่ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก อาคารนี้มีหลังคาทรงพัดลมซึ่งมีแผงโซลาร์เซลล์มากกว่า 5,000 แผง ใช้เป็นโรงแรม สิ่งอำนวยความสะดวกด้านการวิจัย ห้องประชุม และศูนย์แสดงนิทรรศการ เป็นส่วนหนึ่งของ 'Solar Valley' ในเมืองซึ่งมีผู้อยู่อาศัย 552,000 คน และมีพลังงาน 98% จากแผงโซลาร์เซลล์ที่วางแบบผังอย่างมีกลยุทธ์
ในการดำเนินงาน Sun-Moon Mansion ได้รวมเอาเทคโนโลยีความร้อนจากแสงอาทิตย์ พลังงานไฟฟ้าโซลาร์เซลล์ และเทคโนโลยีประหยัดพลังงานอื่นๆ เข้าด้วยกัน อาคารดังกล่าวได้รับการรายงานว่า สามารถประหยัดถ่านหินได้ประมาณ 2.5 ตัน ไฟฟ้าได้ 6.6 ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมง และช่วยลดการปล่อยสารพิษได้มากกว่า 8.6 ตัน
4: ธนาคารแห่งอเมริกา (Bank of America) สหรัฐอเมริกา ทาวเวอร์ Bank of America ในนิวยอร์กซิตี้ถือเป็นอาคารที่สูงที่สุดแห่งหนึ่งในเมืองและเป็นอาคารแห่งแรกในนิวยอร์กที่ได้รับการรับรอง LEED ระดับแพลตตินัม เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายสุทธิเป็นศูนย์ ธนาคารแห่งอเมริกาตั้งเป้าที่จะปรับใช้และระดมทุน 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2573 ผ่านการริเริ่มธุรกิจด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อเร่งการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจสุทธิเป็นศูนย์ หรือ net zero economy
ตัวอาคารช่วยประหยัดพลังงานได้มากเนื่องจากใช้โรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซธรรมชาติในไซต์งานเพื่อจ่ายไฟฟ้า 70% ของความต้องการพลังงานไฟฟ้าต่อปี ความร้อนเหลือทิ้งจากโรงไฟฟ้าถูกนำมาใช้เพื่อผลิตไอน้ำซึ่งส่งพลังงานให้กับเครื่องทำความเย็นซึ่งทำให้อาคารเย็นลง พร้อมทั้งทำให้ยังทำให้น้ำร้อนเพื่อให้ความอบอุ่นได้อีกด้วย
3: เดอะคริสตัล (The Crystal) สหราชอาณาจักร ตั้งอยู่ในกรีนิช ลอนดอน เป็นสถานที่จัดงานอีเวนท์ใกล้กับ Royal Docks ตัวอาคารใช้ระบบพลังงานไฟฟ้าทั้งหมด ให้ความร้อนผ่านปั๊มความร้อนจากแหล่งใต้ดิน ส่วนพลังงานที่ได้รับจากพลังงานแสงอาทิตย์สามารถผลิตไฟฟ้าได้มากกว่า 20% ที่นำมาใช้ทั่วทั้งอาคาร
อาคารแห่งนี้เป็นโครงการริเริ่ม “เมืองที่ยั่งยืน” หรือ sustainable city โดย Siemens มีการจัดแสดงเทคโนโลยีที่สนับสนุนการใช้ชีวิตในเมืองอย่างยั่งยืนมากมาย รวมถึงผลงานด้านสิ่งแวดล้อมของบริษัท อาคารยังเก็บน้ำฝนไว้ใช้งาน มีระบบทำความร้อนจากแสงอาทิตย์ และระบบการจัดการอาคารที่เป็นนวัตกรรมใหม่ที่ช่วยให้การจัดการพลังงานและเป็นแบบอัตโนมัติ
2: โอลิมปิก เฮาส์ (Olympic House) สวิตเซอร์แลนด์ เป็นหนึ่งในอาคารที่ยั่งยืนที่สุดในโลก ตัวอาคารประกอบด้วยแผงโซลาร์เซลล์และปั๊มความร้อนที่ใช้น้ำจากทะเลสาบเจนีวาเพื่อผลิตพลังงานหมุนเวียน โดยมีเป้าหมายที่จะใช้พลังงานน้อยลง 35% เมื่อเทียบกับอาคารที่คล้ายกัน ในขณะเดียวกันก็ช่วยปรับปรุงสุขภาวะและความเป็นอยู่ที่ดีของผู้ใช้ด้วย คณะกรรมการโอลิมปิกสากล (IOC) ได้เปิด Olympic House อย่างเป็นทางการในเดือนมิถุนายน 2019 โดยได้รับการออกแบบเพื่อสะท้อนถึงพันธกิจของ IOC ในการสร้างโลกให้ดีขึ้นผ่านการเล่นกีฬาและการปฏิรูปวาระโอลิมปิกปี 2020
Olympic House ได้รับการผลักดันภายใต้ขอบเขตด้านความยั่งยืนให้เข้มงวดที่สุด มีการรับรองความยั่งยืนระดับนานาชาติและระดับท้องถิ่น ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ IOC ที่ต้องการจะเป็นผู้นำด้วยการเป็นแบบอย่าง หนึ่งในสามของการรับรองของอาคารคือ LEED Platinum ซึ่งเป็นระดับการรับรองสูงสุดของโครงการอาคารเขียว และ LEED ระดับนานาชาติ ในปี 2019 Olympic House ได้รับคะแนนมากที่สุด (93 คะแนน) จากโครงการก่อสร้างใหม่ที่ได้รับการรับรอง LEED v4
1: เซี่ยงไฮ้ทาวเวอร์ ประเทศจีน เป็นอาคารสูง 128 ชั้นที่ตั้งอยู่ในใจกลางย่านการเงินของนครเซี่ยงไฮ้ สร้างขึ้นในปี 2551 ผสมผสานคุณลักษณะที่ยั่งยืนมากมายในการออกแบบ อาคารแห่งนี้ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 34,000 ตันต่อปี บูรณาการระบบควบคุมอัจฉริยะที่ตรวจสอบปริมาณการใช้ไฟฟ้า ส่งผลให้สามารถประหยัดต้นทุนพลังงานได้ 556,000 เหรียญสหรัฐต่อปี
อาคารยังได้รับการออกแบบมาเพื่อดักจับน้ำฝนใช้ภายใน ตลอดจนสถาปัตยกรรมที่มีส่วนโค้งเว้าบิดเบี้ยวเพื่อลดแรงลมลง 24% และยังทำให้ทนทานต่อแผ่นดินไหวได้มากขึ้นอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีกังหันลมตั้งอยู่ตรงข้ามอาคารซึ่งผลิตไฟฟ้าได้ 350,000 กิโลวัตต์ชั่วโมงต่อปี


