posttoday

กฟผ. รุกหมุด 2030 เสริมแกร่งระบบส่งไฟ Grid Modernization รับพลังงานหมุนเวียน

26 กันยายน 2567

กฟผ.หนุน 2 บทบาทเพิ่มสัดส่วนพลังงานสีเขียว เสริมความแข็งแกร่งระบบส่งไฟฟ้า ใช้ Grid Modernization กุญแจสำคัญรองรับการเข้ามาของพลังงานหมุนเวียนในอนาคตตามเป้าหมาย 2030 และกำลังจัดทำอัตรา Utility Green Tariff กลไกอัตราค่าไฟสำหรับพลังงานสีเขียวตอบโจทย์ผู้ใช้ไฟ นักลงทุน

นายธวัชชัย สำราญวาณิช รองผู้ว่าการยุทธศาสตร์ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย กล่าวในงานสัมมนา Road to Net Zero 2024 The Extraordinary Green ที่ โรงแรมเรเนซอง ราชประสงค์ จัดโดยฐานเศรษฐกิจ วันที่ 26 กันยายน 2567 ถึงการนำพาประเทศไปสู่ Net Zero ใน Special Talk หัวข้อ Advancing Toward Green Electricity การพัฒนาพลังงานสะอาด โดยกล่าวว่า ทิศทางสู่ Net Zero ต่อไปในอนาคตคงจะต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องพลังงานเป็นหลักเพราะภาคพลังงาน+ ภาคขนส่งนั้นเป็นสัดส่วนที่ใหญ่ที่สุดในการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล

 

กฟผ. ทำอะไรบ้าง?

นายธวัชชัยกล่าวว่า สัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงฟอสซิลมีแนวโน้มจะต้องลดลงอย่างแน่นอนจากเป้าหมายต่างๆ ดังที่กล่าวมา เพราะการเพิ่มขึ้นของการผลิตไฟฟ้าที่มาจากพลังงานหมุนเวียน 

 

กฟผ. รุกหมุด 2030 เสริมแกร่งระบบส่งไฟ Grid Modernization รับพลังงานหมุนเวียน

 

โดยในช่วงปีพ.ศ. 2593 หรือค.ศ. 2050 ไทยตั้งเป้าไว้ว่าจะเป็น Carbon Neutrality  จากข้อมูลการผลิตพลังงานหมุนเวียนเติบโตไปเกือบ 80% ยังไม่ถึง100% เพราะถ้าถึง 100% เซ็คเตอร์พลังงานก็จะเป็น Net Zero แน่นอน

 

ในส่วนของแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศไทยหรือแผน PDP ที่กำลังจัดทำอยู่ จะพบว่าสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนจะต้องมีไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ภายในปี พ.ศ.2580 ซึ่งส่วนตรงนี้จะครอบคลุมหมุดหมายในปี 2030 เข้าไปด้วย กระทรวงพลังงานจึงพยายามปรับแผนด้วยการส่งเสริมพลังงานสะอาด พลังงานสีเขียวให้เพิ่มมากขึ้น

 

กฟผ. รุกหมุด 2030 เสริมแกร่งระบบส่งไฟ Grid Modernization รับพลังงานหมุนเวียน

 

กฟผ.นำเสนอ 2 บทบาทสำคัญที่จะไปสนับสนุนเรื่องของการพัฒนาพลังงานสะอาดคือ

 

1.การเพิ่มสัดส่วนพลังงานสีเขียวหรือพลังงานสะอาดให้กับระบบการไฟฟ้าของประเทศไทย ข้อนี้มีหลายบทบาท เพราะปัจจุบันนี้ กฟผ. ไม่ได้เป็นผู้ผลิตไฟฟ้าแต่เพียงผู้เดียว แต่จะมีในส่วนของภาคธุรกิจเอกชนที่ได้เข้ามามีส่วนในการพัฒนาพลังงานสะอาดด้วยเช่นกัน

 

ส่วน กฟผ.มีโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบทุ่นลอยน้ำ หรือ Floating Solar ที่จะเป็นต้นแบบในเรื่องของการพัฒนาพลังงานสะอาด บนพื้นที่ที่มีศักยภาพอยู่แล้วของ กฟผ. คือบนพื้นที่เขื่อนที่มีอยู่ 10 เขื่อนทั่วประเทศ

 

และสัดส่วนจากภาคเอกชนที่มีศักยภาพในการลงทุนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสีเขียวอยู่แล้ว จะมีการลงทุนทั้งจากต่างประเทศ เช่น ลาวที่มีศักยภาพในการผลิตพลังงานสีเขียวจากพลังงานน้ำ ภาคเอกชนจะมีขนาดการพัฒนาที่เรียกว่าเป็น IPP SPP และ VSPP ส่วนนี้จะเป็นสัดส่วนหลักอีกข้อที่จะเข้ามาเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานสีเขียว

 

กฟผ. รุกหมุด 2030 เสริมแกร่งระบบส่งไฟ Grid Modernization รับพลังงานหมุนเวียน

 

การปรับปรุงเพิ่มขีดความสามารถของระบบส่ง  หรือสายส่งแหล่งพลังงานจากอีกที่ไปสู่อีกที่หนึ่ง ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการนำพาพลังงานสีเขียวไปสู่ผู้ใช้สีเขียว รวมถึงในเรื่องของการมองไปไกลถึงอนาคต ว่าหากมีเชื้อเพลิงที่จะมาแทนเชื้อเพลิงฟอสซิลได้ เวลานี้สิ่งที่ทั่วโลกให้ความสำคัญก็คือพลังงานไฮโดรเจนหรือแอมโมเนียที่สามารถนำมาทดแทนการผลิตไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซธรรมชาติได้ ซึ่งทาง กฟผ. ได้ทำการศึกษาร่วมกันกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่างๆ ที่จะพัฒนาในเรื่องของเทคโนโลยีการนำเอาไฮโดรเจนหรือแอมโมเนียมาใช้แทนที่เชื้อเพลิงฟอสซิลในอนาคต โดยได้เตรียมความพร้อมด้านต่างๆ ร่วมกับภาคเอกชน

 

กฟผ. รุกหมุด 2030 เสริมแกร่งระบบส่งไฟ Grid Modernization รับพลังงานหมุนเวียน

 

2.บทบาทต่อมาที่มีความสำคัญมากก็คือ การเสริมสร้างความแข็งแกร่งของระบบไฟฟ้าให้รองรับกับการเข้ามาของพลังงานหมุนเวียนให้ได้ เพราะพลังงานหมุนเวียน (พลังงานแสงอาทิตย์) สามารถผลิตได้ในช่วงกลางวัน แต่ปัจจุบันความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดจะอยู่ในช่วงหัวค่ำ หรือกลางคืน เพราะฉะนั้นการเสริมระบบส่งไฟฟ้าให้มีความทันสมัยและยืดหยุ่นที่เราเรียกว่า Grid Modernization จะเป็นกุญแจหลักสำคัญที่จะนำพาการพัฒนาพลังงานสะอาดของประเทศไทยให้ไปสู่หมุดหมายที่เราวางไว้ได้

 

การเชื่อมโยงในการพัฒนาตรงจุดนี้จะเป็นไปไม่ได้เลยถ้าไม่มีการพัฒนาในเรื่องของกลไกอัตราค่าไฟฟ้าที่ใช้สำหรับพลังงานสีเขียว ปัจจุบันทางภาคนโนบายและภาคกำกับกำลังอยู่ในระหว่างการจัดทำอัตรา Utility Green Tariff ซึ่งตัวนี้เองเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ผู้ใช้ไฟ หรือ ผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนธุรกิจในประเทศไทย และต้องการประกาศตัวเองว่าใช้พลังงานสีเขียวได้ต่อไปในอนาคต

 

การจัดการในเรื่องของความแข็งแกร่งของระบบขนส่งเพื่อรองรับการใช้พลังงานหมุนเวียน ต้องใช้เทคโนโลยีหรือนวัตกรรมต่างๆ เข้ามาใช้ในการจัดการ และการพัฒนาระบบส่งจำเป็นต้องมี Energy Management

 

กฟผ. รุกหมุด 2030 เสริมแกร่งระบบส่งไฟ Grid Modernization รับพลังงานหมุนเวียน

 

ด้านพลังงาน กฟผ.มี 3 เทคโนโลยีตอบโจทย์ที่สำคัญคือ

1.ระบบกักเก็บพลังงาน (Grid-Scale BESS) จะมีส่วนช่วยสำคัญ การผลิตพลังงานจากแสงอาทิตย์หรือลมที่เกินความต้องการ จะต้องมีระบบกักเก็บ หรือ แบตเตอรี่ มาเก็บไว้ก่อน ก่อนที่จะมีการใช้งานมากๆ ในช่วงกลางคืน ซึ่ง กฟผ. มีโครงการนำร่องทำที่จังหวัดชัยภูมิและลพบุรีไปแล้ว

 

กฟผ. รุกหมุด 2030 เสริมแกร่งระบบส่งไฟ Grid Modernization รับพลังงานหมุนเวียน

 

2.โรงไฟฟ้าพลังงานน้ำแบบสูบกลับ (Pumped Storage Hydropower: PSH) ปัจจุบันมีอยู่ที่เขื่อนลำตะคองและเขื่อนภูมิพล รวมถึงเขื่อนศรีนครินทร์ ต่อไปในปี 2030-2050 ถ้าไทยและทั่วโลกต่างใช้พลังงานสีเขียว การใช้ PSH จะมีข้อดีเพราะสามารถจัดการพลังงานที่เป็น Big Volume และยังถ่ายเทพลังงานเข้าสู่ระบบได้อย่างรวดเร็ว อีกสิ่งที่สำคัญก็คือพลังงานส่วนเกินต่างๆ หากมองทางเลือกว่า เราจำเป็นจะต้องไปสร้างสายส่งเพื่อส่งพลังงานไปเก็บหรือไปใช้ที่อื่น แต่หากเก็บไว้ที่โรงไฟฟ้าแบบสูบกลับก็จะช่วยลดต้นทุนในเรื่องของการลงทุนด้านสายส่งได้อีก ในอนาคตมีแผนทำในพื้นที่ต่างๆ ภายในปี 2037 ที่เขื่อนจุฬาภรณ์ เขื่อนวชิราลงกรณ์ รวมถึงพื้นที่ทางภาคใต้ด้วย

 

กฟผ. รุกหมุด 2030 เสริมแกร่งระบบส่งไฟ Grid Modernization รับพลังงานหมุนเวียน

 

3.ระบบพยากรณ์การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน (RE Forecast) การควบคุมบริหารส่งจ่ายไฟได้อย่างเพียงพอทุกนาที ช่วยในเรื่องของการบริหารจัดการพลังงาน RE Forecast ใช้โมเดลการผลิตจากโซลาร์และพลังงานลมในการพยากรณ์ล่วงหน้า 1 วัน หรือ 6 ชั่วโมงล่วงหน้าเพื่อวางแผนในเรื่องการผลิตไฟฟ้าให้เพียงพอกับการต้องการใช้ไฟ

 

กฟผ. รุกหมุด 2030 เสริมแกร่งระบบส่งไฟ Grid Modernization รับพลังงานหมุนเวียน

กฟผ. รุกหมุด 2030 เสริมแกร่งระบบส่งไฟ Grid Modernization รับพลังงานหมุนเวียน กฟผ. รุกหมุด 2030 เสริมแกร่งระบบส่งไฟ Grid Modernization รับพลังงานหมุนเวียน

ข่าวล่าสุด

งานเข้า! EU สอบสวน Google ข้อหาผูกขาดเนื้อหาให้กับ AI ของบริษัท