ตำนาน "พระโกศทองใหญ่" และพระโกศ 14 ลำดับยศ เครื่องประกอบพระอิสริยยศแห่งราชสำนักไทย
พระโกศทองใหญ่ เครื่องประกอบพระอิสริยยศลำดับสูงสุดของราชสำนักไทย มีความสำคัญทั้งในด้านประวัติศาสตร์ ศิลปะ และสัญลักษณ์เชิงศาสนาและราชประเพณี เพราะอะไร?
KEY
POINTS
- พระโกศทองใหญ่เป็นเครื่องประกอบพระอิสริยยศชั้นสูงสุดสำหรับพระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์ชั้นสูง ในประวัติศาสตร์มีการสร้างขึ้น 3 องค์ โดยองค์ปัจจุบันสร้างขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
- พระโกศที่ใช้ในราชสำนักมีทั้งหมด 14 ลำดับชั้น เพื่อแสดงถึงพระอิสริยยศและบรรดาศักดิ์ที่แตกต่างกันของผู้สิ้นพระชนม์หรือถึงแก่กรรม ตั้งแต่พระโกศทองใหญ่ซึ่งเป็นลำดับสูงสุด ไปจนถึงโกศโถสำหรับข้าราชการ
- พระโกศทุกองค์เป็นเครื่องประกอบพระเกียรติยศที่ใช้ซ้ำได้ตามราชประเพณี โดยจะไม่ได้ถูกเผาไปพร้อมกับพระบรมศพหรือพระศพ แต่จะถูกเก็บรักษาไว้เพื่อใช้ในพระราชพิธีครั้งต่อไป
ในพระราชพิธีถวายน้ำสรงพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ณ พระที่นั่งพิมานรัตยา ในพระบรมมหาราชวังเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ.2568เวลา 17.00 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ได้เสด็จพระราชดำเนินในการพระราชพิธีฯ
โดยในพระราชพิธีดังกล่าวได้มีการอัญเชิญพระบรมศพลงสู่พระหีบ ทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์เชิญไปประดิษฐานหลังพระแท่นสุวรรณเบญจดล ประกอบพระโกศทองใหญ่ ภายใต้พระเศวตฉัตร 9 ชั้น ณ มุขตะวันตกพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท แวดล้อมด้วยเครื่องสูงหักทองขวาง มีชุมสายฉัตร 5 ชั้น บังแทรกฉัตร 7 ชั้น ต้นไม้ทองเงิน อันเป็นพระเกียรติยศสูงสุดตามราชประเพณี
และในพระราชพิธีนี้ปวงชนชาวไทยก็ได้มีโอกาสเห็น "พระโกศทองใหญ่" อันงามสง่าและสูงค่าแห่งราชสำนักไทยอีกครั้ง แต่น้อยคนคงไม่รู้ว่า พระโกศอันงดงามและล้ำค่านี้มีความสำคัญและมีที่มาอย่างไร และเคยมีพระโกศทองใหญ่มาแล้วถึง 3 องค์ด้วยกัน...
"พระโกศทองใหญ่" เป็นพระโกศที่มีลำดับยศสูงที่สุดในราชสำนักไทย
ใช้สำหรับบรรจุพระบรมศพหรือพระศพของพระมหากษัตริย์และเจ้านายชั้นสูง ในอดีตสมัยอยุธยา ชั้นนอกของพระโกศเรียกว่า “ลอง” ส่วนในสมัยรัตนโกสินทร์ถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 เรียกชั้นนอกนี้ว่า “โกศ” ก่อนที่จะกลับมาเรียกอีกครั้งว่า “ลอง” ทั้งนี้โครงสร้างของพระโกศทองใหญ่แบ่งเป็นชั้นนอกและชั้นใน โดยชั้นนอกทำด้วยโครงไม้หุ้มทอง ส่วนชั้นในทำด้วยเหล็ก ทองแดง หรือเงินปิดทอง ขนาดและรูปทรงของพระโกศแต่ละองค์แตกต่างกันไปตามลำดับของพระอิสริยยศ
พระโกศทองใหญ่ที่มีอยู่ในปัจจุบันแบ่งเป็น 3 องค์หลัก
แต่ละองค์สะท้อนถึงยุคสมัยและพระราชประสงค์ของรัชกาลนั้น ๆ องค์แรกสร้างขึ้นในรัชกาลที่ 1 โดยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เมื่อปี พ.ศ. 2351 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกโปรดเกล้าฯ ให้รื้อทองจากพระโกศกุดั่น (ใช้สำหรับ สมเด็จพระสังฆราช หรือเจ้านายฝ่ายศาสนา เป็นโกศที่สง่างามเพื่อสะท้อนฐานันดรศักดิ์ฝ่ายสงฆ์) มาทำพระโกศทองใหญ่เพื่อใช้สำหรับพระบรมศพของพระองค์เอง
ต่อมาองค์ที่สองสร้างขึ้นในรัชกาลที่ 5 โดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้พระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นปราบปรปักษ์ และกรมช่างสิบหมู่สร้างขึ้นใหม่ เรียกว่า “พระลองทองใหญ่ รัชกาลที่ 5” เพื่อทดแทนองค์เดิมที่ชำรุด
และองค์ที่สามสร้างขึ้นในรัชกาลที่ 9 โดยพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเพื่อใช้แทนองค์เดิมที่ทรุดโทรมจากกาลเวลา พระโกศทองใหญ่องค์ที่สามนี้ยังนำมาใช้เป็นเครื่องประกอบพระอิสริยยศของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ และยังคงเป็นสัญลักษณ์แห่งพระราชพิธีถวายพระเกียรติสูงสุดจนถึงปัจจุบัน
พระโกศทองใหญ่ที่ทรงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เป็นองค์เดียวกับที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นใหม่เมื่อ พ.ศ. 2551 เพื่อทรงพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์
ความอลังการของพระโกศทองใหญ่องค์ใหม่ ที่โพสต์ทูเดย์เคยมีรายงานระบุว่า
ทำด้วยทองคำสลักลายเป็นกลีบขนุนที่สวยงามอย่างยิ่ง เอวพระโกศประดับดอกไม้ไหว เฟื่องและภู่ประดับด้วยเพชร ชั้นพระโกศประดับด้วยดอกไม้เพชร ยอดพระโกศประดับด้วยพุ่มข้าวบิณฑ์ดอกไม้เพชร พระโกศประดิษฐานบนแท่นแว่นฟ้ามีฐานเขียงรองรับพระบุพโพ
พระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ เป็นพระองค์ต้นที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นำพระโกศองค์ใหม่มาใช้ในงานพระราชพิธี
ทั้งนี้ พระโกศทองใหญ่เป็นเครื่องสูงที่มักประดับด้วย ฉัตรเก้าชั้น ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความสูงส่งและความเป็นมงคลสูงสุด ฉัตรแต่ละชั้นเปรียบเสมือนขั้นตอนของอำนาจและเกียรติยศ และมักประดับด้วย เครื่องสูงอื่น ๆ เช่น ชุมสาย ฉัตรห้าชั้น ต้นไม้ทองเงิน และดอกไม้เพชรพุ่มข้าวบิณฑ์ การจัดประดับเหล่านี้ไม่เพียงเพื่อความงดงาม แต่ยังสื่อถึงความศักดิ์สิทธิ์และความเคารพสูงสุดต่อผู้ที่อยู่ภายในพระโกศ
นอกจากความหมายเชิงสัญลักษณ์แล้ว พระโกศทองใหญ่ยังมีบทบาทสำคัญในประเพณีราชสำนัก เช่น การถวายพระเพลิงพระบรมศพ การประกอบพระอิสริยยศของเจ้านายชั้นสูง และการพระราชทานพระโกศทองใหญ่ให้ทรงพระศพของเจ้านายอื่น โดยประเพณีนี้เริ่มตั้งแต่รัชกาลที่ 1 หลังจากสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงศรีสุนทรเทพ สิ้นพระชนม์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชโปรดให้พระโกศทองใหญ่ไปประกอบพระศพเป็นครั้งแรก จนกลายเป็นธรรมเนียมสืบต่อมา
พระโกศที่ทรงพระบรมศพและพระศพเจ้านายกับโกศพระราชทานสำหรับศพข้าราชการผู้มีบรรดาศักดิ์สูง ซึ่งมีอยู่ในเวลานี้ 14 อย่าง โดยเรียงลำดับยศเป็นดังนี้
1.พระโกศทองใหญ่ 2.พระโกศทองรองทรง นับเสมอ พระโกศทองใหญ่ 3.พระโกศทองเล็ก 4.พระโกศทองน้อย 5.พระโกศกุดั่นใหญ่ 6.พระโกศกุดั่นน้อย 7.พระโกศมณฑปใหญ่ 8.พระโกศมณฑปน้อย 9.พระโกศไม้สิบสอง 10.พระโกศพระองค์เจ้า เดิมเรียกว่า โกศลังกา 11.โกศราชนิกุล 12.โกศเกราะ 13.โกศแปดเหลี่ยม 14.โกศโถ
ปัจจุบันพระโกศและโกศที่ใช้ ทรงพระบรมศพ พระศพเจ้านาย และศพข้าราชการผู้มีบรรดาศักดิ์สูง มีทั้งหมด 14 แบบ เรียงลำดับยศดังนี้
พระโกศทองใหญ่ – เครื่องสูงสุด ใช้กับพระมหากษัตริย์และเจ้านายชั้นสูง
พระโกศทองรองทรง – นับเสมอพระโกศทองใหญ่ ใช้รองเจ้านายชั้นสูง
พระโกศทองเล็ก – ใช้กับสมเด็จเจ้าฟ้า ชั้นเอก
พระโกศทองน้อย – ใช้กับสมเด็จเจ้าฟ้า ชั้นรอง และสมเด็จพระนางเจ้า
พระโกศกุดั่นใหญ่ – ใช้กับสมเด็จพระสังฆราช
พระโกศกุดั่นน้อย – ใช้กับพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเจ้าจอม และเจ้านายทรงกรม
พระโกศมณฑปใหญ่ – ใช้กับพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้า ทรงกรม และเสนาบดีราชสกุล
พระโกศมณฑปน้อย – ใช้กับพระเจ้าวรวงศ์เธอและพระองค์เจ้าลำดับรอง
พระโกศไม้สิบสอง – ใช้กับพระองค์เจ้าฝ่ายพระราชวังบวร เจ้าพระยา รัฐมนตรี และสมเด็จพระราชาคณะ
พระโกศพระองค์เจ้า (เดิมเรียกว่า โกศลังกา) – ใช้กับพระวรวงศ์เธอและพระองค์เจ้าลำดับรอง
โกศราชนิกุล – ใช้กับข้าราชการราชสกุลและราชนิกุล
โกศเกราะ – ใช้กับผู้มีรูปร่างใหญ่หรือข้าราชการที่ไม่สามารถลงลองสามัญได้
โกศแปดเหลี่ยม – ประเภทพิเศษสำหรับข้าราชการหรือเจ้านายที่ได้รับพระราชทาน
โกศโถ – ประเภทพิเศษอีกแบบสำหรับพระราชทานข้าราชการผู้มีบรรดาศักดิ์สูง
พระโกศกับประเพณีการใช้งาน
พระโกศทั้งหมดถูกออกแบบมาเพื่อ ใช้ซ้ำในการพระราชพิธี ไม่ได้ถูกเผาพร้อมพระบรมศพหรือพระศพ โดยสามารถพระราชทานให้ใช้ประกอบพระบรมศพหรือพระศพของเจ้านายชั้นสูงอื่น ๆ ได้ตามฐานันดรศักดิ์ การนำพระโกศมาใช้ซ้ำช่วยสะท้อนถึง ความยั่งยืนของราชประเพณีและความศักดิ์สิทธิ์ของเครื่องสูงในราชสำนักไทย
ตัวอย่างเช่น พระโกศทองใหญ่ถูกใช้ทั้งในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์ รวมถึงเจ้านายชั้นสูง เช่น สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา หรือสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา
พระโกศทองใหญ่และพระโกศเครื่องสูงอื่น ๆ ไม่ได้ถูกเผาพร้อมพระบรมศพหรือพระศพ แต่เป็น เครื่องประกอบพระอิสริยยศที่สามารถนำมาใช้ซ้ำได้ตามประเพณี หลังจากพระราชพิธีเสร็จสิ้น พระโกศจะถูกเก็บรักษาไว้ในราชสำนักหรือหอสมบัติพระราชวัง เพื่อใช้ในโอกาสต่อไป โดยพระโกศแต่ละองค์จะถูกดูแลอย่างพิถีพิถัน ทั้งในด้านวัสดุ การบำรุงรักษา และการประดับสำหรับแต่ละพิธี
และยังคงเป็นสัญลักษณ์แห่งพระเกียรติยศสูงสุดในราชประเพณีไทย...
อ้างอิง:
กรมศิลปากร, “เอกสารและบันทึกประเพณีราชสำนักไทย” – แหล่งข้อมูลประวัติศาสตร์เกี่ยวกับพระโกศทองใหญ่ พระโกศกุดั่น และพระโกศเครื่องสูงอื่น ๆ
หนังสือ: พระโกศ เครื่องสูงแห่งราชสำนักไทย, สำนักพิมพ์มติชน, 2552 – รวบรวมรายละเอียดลำดับพระโกศและโกศ 12–14 ประเภท พร้อมการใช้งานในพระราชพิธี
วารสารศิลปวัฒนธรรม, “พระโกศในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพไทย” – บทความวิเคราะห์ลำดับพระโกศและความหมายเชิงสัญลักษณ์
หอสมุดและพิพิธภัณฑ์พระราชวัง, ข้อมูลการจัดเก็บพระโกศทองใหญ่และพระโกศอื่น ๆ – แสดงการใช้ซ้ำและการอนุรักษ์พระโกศ
เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา – มีประกาศและพระราชกฤษฎีกาที่เกี่ยวข้องกับฐานันดรศักดิ์และการใช้พระโกศในราชสำนัก
เอกสารราชประเพณีไทย: พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ, สำนักราชประเพณี กระทรวงวัฒนธรรม – อธิบายการจัดเรียงพระโกศและโกศตามฐานันดรศักดิ์
วิกิพีเดียภาษาไทย: https://th.wikipedia.org/wiki/พระโกศทองใหญ่
หอสมุดแห่งชาติ: https://www.nlt.go.th