ตราเพชรแตกไลน์หลังคาเน้นวัสดุก่อสร้างสำเร็จรูป
ตราเพชรปรับตัว แตกไลน์กลุ่มโครงหลังคา รับบิ๊กอสังหาฯ หันเพิ่มวัสดุก่อสร้างสำเร็จรูปลดต้นทุน เน้นจุดเด่นครบวงจร
ตราเพชรปรับตัว แตกไลน์กลุ่มโครงหลังคา รับบิ๊กอสังหาฯ หันเพิ่มวัสดุก่อสร้างสำเร็จรูปลดต้นทุน เน้นจุดเด่นครบวงจร
นายสาธิต สุดบรรทัด รองกรรมการผู้จัดการสายการขายและการตลาด บริษัท ผลิตภัณฑ์ตราเพชร เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมแตกไลน์ผลิตภัณฑ์กลุ่มโครงหลังคาสำเร็จรูป ต่อยอดจากกลุ่มผลิตภัณฑ์กระเบื้องหลังคาที่เป็นสินค้าหลัก และรองรับนโยบายร่นระยะเวลาก่อสร้างเพื่อลดต้นทุนการก่อสร้างของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ด้วย
ปัจจุบัน บริษัทยักษ์ใหญ่ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ล้วนหันมาใช้วัสดุก่อสร้างสำเร็จรูปเพื่อควบคุมระยะเวลาก่อสร้างและควบคุมต้นทุนการก่อสร้างให้นิ่งมากที่สุด และยังลดการใช้ปริมาณแรงงาน ซึ่งอยู่ในภาวะที่ขาดแคลนอย่างหนัก ตลาดผลิตภัณฑ์วัสดุก่อสร้างสำเร็จรูปจึงมีการเติบโตที่ดีมาก
ขณะที่กลุ่มผลิตภัณฑ์โครงสร้างหลังคาที่ผ่านมายังไม่มีผู้ประกอบการวัสดุก่อสร้างรายใดหันมาทำอย่างจริงจัง มีเพียงไม่กี่รายเท่านั้นที่มีการสร้างแบรนด์ เนื่องจากโครงสร้างหลังคาส่วนใหญ่ยังอาศัยช่างก่อสร้างเชื่อมต่อมากถึง 90% มีเพียง 10% เท่านั้นที่ใช้โครงหลังคาสำเร็จรูป เพราะอยู่ในช่วงเริ่มต้นของตลาด แต่แนวโน้มจะมีการใช้เพิ่มขึ้น จึงเป็นโอกาสที่บริษัทจะรุกตลาดดังกล่าว
สำหรับปัจจัยที่จะกระตุ้นให้เกิดการใช้โครงหลังคาสำเร็จรูปเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากการเชื่อมต่อโครงหลังคาด้วยแรงงานคนต้องใช้เวลามากถึง 2-3 วัน ทำให้ขั้นตอนการติดตั้งตัวหลังคาล่าช้าออกไป ทำให้ส่งผลกระทบต่อต้นทุนด้านแรงงานที่จะต้องสูงขึ้นด้วย แต่สำหรับการใช้โครงสร้างหลังคาสำเร็จรูปจะใช้เวลาเพียง 1 วัน และสามารถติดตั้งกระเบื้องหลังคาได้ทันที
ทั้งนี้ บริษัทเตรียมแผนที่จะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ดังกล่าวขายเจาะกลุ่มโครงการที่อยู่อาศัยของผู้ประกอบการรายใหญ่ที่เป็นลูกค้าในส่วนของกระเบื้องหลังคาอยู่แล้ว โดยจะนำเสนอในรูปแบบการขายครบวงจรเพื่อสร้างจุดเด่นให้แตกต่างไปจากผู้ประกอบการอสังหาฯ รายอื่นที่ส่วนใหญ่ให้ความสนใจกับการขายเป็นระบบมากกว่า เนื่องจากในภาพรวมแล้วสามารถคุมต้นทุนได้ดีกว่าการสั่งซื้อวัสดุก่อสร้างแยกชิ้น
ด้านยอดขายของบริษัทในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาพบว่ายังสามารถเติบโตได้ตามเป้าหมายที่ 10% และในครึ่งปีหลังเตรียมใช้งบการตลาดในการจัดกิจกรรมสำหรับตัวแทนจำหน่ายและผู้บริโภคอีก 6-7% ของเป้าหมายยอดขายทั้งปีที่ 3,300 ล้านบาท ในการกระตุ้นตลาด


