posttoday

ผ่า3ทำเลบ้านพักตากอากาศ ปรับไซส์-ราคา พึ่งคนไทยฟื้นตลาด

14 เมษายน 2554

ตลาดบ้านพักตากอากาศหลักๆ อย่างพัทยา หัวหิน ภูเก็ต ต้องเผชิญหน้ากับหลากหลายปัจจัยลบเป็นผลให้เจ้าของโครงการหลายแห่งพยายามปรับกลยุทธ์หันเจาะคนไทยแทน...

ตลาดบ้านพักตากอากาศหลักๆ อย่างพัทยา หัวหิน ภูเก็ต ต้องเผชิญหน้ากับหลากหลายปัจจัยลบเป็นผลให้เจ้าของโครงการหลายแห่งพยายามปรับกลยุทธ์หันเจาะคนไทยแทน...

ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ตลาดบ้านพักตากอากาศหลักๆ อย่างพัทยา หัวหิน ภูเก็ต ต้องเผชิญหน้ากับหลากหลายปัจจัยลบทั้งความวุ่นวายทางการเมืองในบ้านเรา ปัจจัยภายนอกอย่างวิกฤตเศรษฐกิจโลก จนกระทั่งเงินบาทแข็งค่าเมื่อเทียบกับเหรียญสหรัฐก็ยังเป็นวิกฤตที่ทำให้ต่างชาติชะลอการซื้อบ้านหลังที่ 2 เพราะปัจจัยดังกล่าวทำให้ต้องซื้อบ้านในไทยสูงถึง 10-20% จึงมีการประเมินแนวโน้มแล้วว่า คงต้องใช้เวลาอีกสักระยะกว่าต่างชาติจะฟื้นกลับมา เป็นผลให้เจ้าของโครงการหลายแห่งพยายามปรับกลยุทธ์หันเจาะคนไทยแทน

พัทยาปรับไซส์เล็ก หั่นราคา

พนม กาญจนเทียมเท่า กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดคอนโดมิเนียมในหัวหินและพัทยาปรับตัวดีขึ้น หลังจากที่คนไทยให้ความสนใจซื้อมากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาคนไทยมีความต้องการซื้อคอนโดมิเนียมทั้งในหัวหินพัทยาเป็นบ้านพักตากอากาศ และซื้อเพื่อลงทุนอยู่แล้ว แต่อาจเพราะไม่มีผู้ประกอบการที่เน้นทำตลาดกับลูกค้าคนไทยโดยตรง จึงทําให้ยอดขายบ้านพักตากอากาศจากกลุ่มคนไทยในอดีตมีสัดส่วนที่น้อยกว่าคนต่างชาติ

ผ่า3ทำเลบ้านพักตากอากาศ ปรับไซส์-ราคา พึ่งคนไทยฟื้นตลาด

ในส่วนของตลาดพัทยา จะเห็นชัดเลยว่า การที่ผู้ประกอบการปรับตัวหันมาจับกลุ่มคนไทยมากขึ้น ส่งห้องชุดใหม่ที่มีขนาดเล็ก คือ สตูดิโอ และ 1 ห้องนอน และ 2 ห้องนอนที่มีขนาดกะทัดรัด ซึ่งทำให้ระดับราคาต่อหน่วยไม่สูงนัก ส่งผลให้กลุ่มคนไทยมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จากเดิม 10% เป็น 30-35% และทำให้ยอดขายโครงการใหม่ๆ มีทิศทางที่ดีขึ้น โดยจากการสำรวจพบว่าระดับราคาคอนโด มิเนียมที่ขายดี มักเป็นคอนโดมิเนียมที่มีระดับราคาไม่สูง หากเป็น 1 ห้องนอน อยู่ในระดับ 3-5 ล้านบาท และ 2 ห้องนอน ระดับราคาอยู่ระหว่าง 6-7 ล้านบาท

ทุนส่วนกลางบุกหัวหิน

ด้านตลาดหัวหิน โครงการส่วนใหญ่ล้วนเกิดจากผู้ประกอบการท้องถิ่นทั้งที่เป็นกลุ่มคนไทย และกลุ่มต่างชาติที่พัฒนาเพื่อขายในกลุ่มตัวเอง แต่เทรนด์ที่น่าสนใจ คือ การที่มีผู้ประกอบการยักษ์ใหญ่ของเมืองไทยเข้าไปพัฒนาโครงการในหัวหินมากขึ้น พนม กล่าวว่า ปัจจุบันมีทั้งกลุ่มแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ กลุ่มเมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ หรือแม้แต่กลุ่มเอซี แอสเสทก็อยู่ระหว่างศึกษา จากเดิมรายใหญ่ในตลาดที่เข้าไปเปิดโครงการในหัวหินมีเพียงไม่กี่รายเท่านั้น เช่น กลุ่มชาญอิสสระ โบ๊ทเฮาส์ และแสนสิริ

สำหรับกลุ่มเป้าหมายหลักในหัวหิน เป็นคนไทยประมาณ 90% ขณะที่ชาวต่างชาตินิยมซื้อบ้านในระดับราคา 3-5 ล้านบาท นอกจากนี้ คอนโดมิเนียมในหัวหินที่ไม่ติดทะเล อาจจะห่างจากทะเลประมาณ 300-500 เมตร และมีราคาเฉลี่ย 50,000-55,000 บาทต่อตารางเมตรก็ยังได้รับความนิยม

ภูเก็ตคอนโดฯ ฟื้น วิลลานิ่ง

ผ่า3ทำเลบ้านพักตากอากาศ ปรับไซส์-ราคา พึ่งคนไทยฟื้นตลาด

สำหรับตลาดอสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ต พนม ระบุว่า ชาวต่างชาติมีแนวโน้มกลับมาสนใจมากกว่าปีที่แล้ว แต่ยังคงเป็นตลาดคอนโดมิเนียมขนาดเล็ก ระดับราคาขายไม่เกิน 10 ล้านบาท โดย ณ สิ้นปี 2553 ที่ผ่านมา คอนโดมิเนียมที่การก่อสร้างแล้วเสร็จในภูเก็ต มีรวมทั้งสิ้นราว 3,500 ยูนิต เพิ่มขึ้น 5.2% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสที่แล้ว และเพิ่มขึ้น 12% เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่แล้ว ส่วนความสนใจในตลาดวิลลายังมีค่อนข้างน้อย

ด้านบริษัท ซีบี ริชาร์ด เอลลิส ประเทศไทย ระบุว่า ตลาดวิลลาในภูเก็ต ตั้งแต่ไตรมาส 4 ปีที่ผ่านมา ยังไม่มีโครงการใหม่ที่การก่อสร้างแล้วเสร็จเลย มีเพียงวิลลาโครงการที่เปิดตัวมาก่อนแล้ว ที่การก่อสร้างแล้วเสร็จทั้งหมด 2,780 หลัง และคาดว่าโดยในปี 2554 จะมีวิลลาแล้วเสร็จเพิ่มขึ้นอีกราว 470 หลัง และอีก 490 หลัง คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2555 ซึ่งยอดขายวิลลาในทุกระดับราคาทั้งที่การก่อสร้างแล้วเสร็จและยังไม่แล้วเสร็จอยู่ที่ระดับ 79% ในขณะที่ยอดขายวิลลาระดับหรูอยู่ที่ 77% ส่วนราคาเสนอขายวิลลาระดับหรูโดยเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 148 ล้านบาทต่อหลัง

จากสถานการณ์ดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าตลาดบ้านพักตากอากาศทั้งพัทยา หัวหิน และภูเก็ต มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นในทุกตลาด แต่ต้องยอมรับว่าในบางตลาด เช่น กลุ่มห้องชุดหรู หรือวิลลาหรู ยังไม่มีสัญญาณเชิงบวกอีกทั้งกลุ่มต่างชาติเอง แม้ว่าจะเริ่มกลับมาให้ความสนใจในตลาดอสังหาฯ ไทย แต่มีแนวโน้มชัดเจนว่าจะซื้อ “ของถูกลง”

ข่าวล่าสุด

พลังงานคุมเข้มแท่นขุดเจาะอ่าวไทย สกัดโดรนป่วน ไม่กระทบการผลิต