BKA ลุยปั้นโมเดลพลิกทรัพย์ร้าง ดันบ้านรีโนเวทพุ่ง 500 หลัง กำไรโต 30%
"พชร ธนวงศ์เกษม" ซีอีโอ BKA เดินเกมรุกตลาดบ้านมือสองต่อยอดพันธมิตรสถาบันการเงิน ลุยขยายโซนกรุงเทพฯ–นนทบุรี ชี้ดีมานด์สูงกำลังซื้อแกร่ง เล็งรีโนเวทบ้านเพิ่มขึ้นเป็น 400-500 หลังต่อปี ปักธงรายได้ปี 68 โต 15-20%
KEY
POINTS
- "พชร ธนวงศ์เกษม" ซีอีโอ BKA เดินเกมรุกตลาดบ้านมือสองต่อยอดพันธมิตรสถาบันการเงิน ลุยขยายโซนกรุงเทพฯ–นนทบุรี
- ชี้ดีมานด์สูงกำลังซื้อแกร่ง เล็งรีโนเวทบ้านเพิ่มขึ้นเป็น 400-500 หลังต่อปี
- ปักธงรายได้ปี 68 โต 15-20%
นายพชร ธนวงศ์เกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บางกอก แอสเซท อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BKA ธุรกิจบริการซื้อ-ขายบ้านมือสองตกแต่งใหม่ เปิดเผยว่า ภายหลังจากได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางธุรกิจ (MOU) กับพันธมิตรทั้ง บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM และ ธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) (UOB) เพื่อพลิกทรัพย์ร้างเป็นทรัพย์สร้างกำไรในช่วงที่ผ่านมา
ล่าสุด BKA ได้รับทรัพย์มาดำเนินการเพื่อเป็นต้นแบบของโมเดลแล้วเบื้องต้น 1 ล็อต และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคตจะขยายเพิ่มขึ้นเป็น 50-100 รายการต่อปี
โมเดลของการร่วมมือในรูปนี้ เป็นแรงขับเคลื่อนสู่การสร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดดในอนาคต ที่สำคัญจะเพิ่มความสามารถในการรีโนเวทบ้าน เป็น 400-500 หลังต่อปี จากเดิมที่ 200-300 หลังต่อปีได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ รวมถึงและสนับสนุนอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นแตะระดับ 30% จากเดิมอยู่ที่ 20% เนื่องจากขั้นตอนการดำเนินการที่ลดลง
“ปัจจุบันมี NPA ที่ยังขายไม่ออกอีกจำนวนมาก ซึ่งจะเปิดโอกาสให้บริษัทฯ ได้เข้าไปให้บริการในอีกหลายๆ AMC และสถาบันการเงินอีกหลายแห่ง จะเข้ามาร่วมเป็นพันธมิตรกับบริษัทฯ มากขึ้นซึ่งบริษัทฯ มีความพร้อมในเรื่องของทีมงานมืออาชีพที่จะเข้าไปให้บริการได้ครบทุกมิติ”
สำหรับมุมมองภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ครึ่งปีหลังนั้น จะเห็นการเปิดตัวโครงการใหม่ๆน้อยลง ส่งผลให้แรงขายเกิดการชะลอตัว ในทางกลับกัน BKA ไม่ได้ขายอสังหาริมทรัพย์มือหนึ่ง ดังนั้นจะมีข้อได้เปรียบ หากผู้บริโภคที่ต้องการบ้านในวงเงินที่จำกัด บนพื้นที่ๆต้องการ
ซึ่ง BKA สามารถตอบโจทย์การคัดสรรบ้านมือสองได้อย่างลงตัว เพราะยิ่งเศรษฐกิจไม่ดี กำลังซื้อหด แต่ผู้ที่ต้องการบ้านยังคงมีอยู่ บนขีดความสามารถที่จำกัด ในราคาที่จับต้องได้ทำให้บริษัทยังคงเป้าหมายรายได้ปี 2568 จะเติบโต 15-20% จากปีก่อนยิ่งตอกย้ำให้เห็นถึงศักยภาพของ BKA มากขึ้น เพราะ “บางกอก แอสเซท ที่หนึ่งเรื่องบ้านมือสอง”
ล่าสุด BKA ยังคงวางแผนจะขยายไปในกรุงเทพฯ อาทิ โซนลาดพร้าว, บางกะปิ, รามคำแหง และสวนหลวง มากขึ้น เพื่อสอดรับกับแผนการขยายโซนตามที่เคยแจ้งไว้ในช่วงที่นำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ เพื่อเป็นการขยายฐานและต่อยอดรายได้
ในโครงการบ้านโซนนนทบุรี ซึ่งเป็นโซนหลักที่บริษัทมีความชำนาญ เนื่องจากมองว่าการขยายโครงการในโซนกรุงเทพฯนั้นจะสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับบริษัทได้เพิ่มขึ้น เพราะเชื่อว่าในพื้นที่ดังกล่าวมีกำลังซื้อที่สูง มีดีมานด์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
และยังถือว่าเป็นการกระจายพอร์ตรายได้ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่รอบกรุงเทพฯ โดยยังคงเน้นที่ระดับราคา 5-10 ล้านบาทเป็นหลัก เพราะเรทราคาในระดับนี้ยังมีความต้องการสูง และเป็นตลาดที่ยังคงมีการเติบโตได้ เนื่องจากมีคู่แข่งในตลาดค่อนข้างน้อย
ประกอบกับในปัจจุบันการเปิดตัวโครงการบ้านจะอยู่ที่ระดับราคาเกิน 10 ล้านบาทขึ้นไป ดังนั้นในกลุ่มระดับราคา 5-10 ล้านบาท จึงยังคงเป็นลูกค้าที่มีความเสี่ยงน้อยทำให้สถาบันการเงินยังคงปล่อยสินเชื่อกับกลุ่มนี้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าวก็จะส่งผลเชิญบวกอย่างมีนัยสำคัญกับ BKA ในอนาคต.


