posttoday

LHMH คาดเก็บรายได้ปีนี้แตะ 4.8 พันล้านเล็งปักหมุดโรงแรมหรู 3 ทำเลปีหน้า

23 พฤศจิกายน 2566

LHMH คาดเก็บรายได้ปีนี้แตะ 4.8 พันล้านส่วน 9 เดือนแรกอยู่ที่ 3.955 พันล้าน เผยธุรกิจโรงแรมดีไม่หยุดตั้งแต่ต้นปี 66 เล็งเปิดโรงแรมหรูใน 3 ทำเลในปีหน้า หวังเติบโตได้ไม่ต่ำกว่า 15%

นางสุวรรณา พุทธประสาท ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอล เอช มอลล์ แอนด์ โฮเทล จำกัด (LHMH) เปิดเผยถึงการเติบโตของธุรกิจในกลุ่ม LH Mall and Hotel ว่า ผลประกอบการตั้งแต่ 1 มกราคม จนถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2566 มีรายได้รวมประมาณ 3,955 ล้านบาท และประมาณการว่าปี 2566 จะสามารถทำรายได้รวมทั้งปีประมาณ 4,800 ล้านบาท ซึ่งส่งผลให้รายได้รวมของเครือเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว เมื่อเทียบกับช่วงระยะเวลาเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวมประมาณ 2,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ มาจากภาพรวมของแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ทั้ง 4 สาขา ในกรุงเทพมหานคร มีการเติบโตของรายได้รวมสูงถึงประมาณ 85% และสาขาที่พัทยา 2 แห่ง เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนการเติบโตโดยรวมของกลุ่มบริษัท แอล เอช มอลล์ แอนด์ โฮเทล มีตัวเลขการเติบโตทางธุรกิจของรายได้รวมสูงขึ้นถึง 110% จากปีก่อน ซึ่งสูงกว่าตัวเลขประมาณการที่บริษัทคาดหวังไว้ และถือว่าธุรกิจมีการเติบโตสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญต่อเนื่อง ตั้งแต่เปิดประเทศในช่วงไตรมาสที่ 3 ปี 2566 จนถึงปัจจุบัน และรายได้กลับมาสูงกว่าปี 2562 ซึ่งเป็นช่วงก่อนการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยรายได้เฉลี่ยห้องพักต่อห้องเพิ่มขึ้นกว่า 20% และอัตราการเข้าพักที่ประมาณ 90% ในทุกสาขา

ทั้งนี้โรงแรมในกลุ่ม LHMH เปิดดำเนินการ ปัจจุบันรวม 6 สาขา ได้แก่ โรงแรม แกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ เพลินจิต, โรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ ราชดำริ, โรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ เทอร์มินอล 21, โรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ สุขุมวิท 55, โรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ พัทยา และโรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ สเปซ พัทยา ซึ่งเพิ่งเปิดตัวเมื่อไตรมาส 3 ในปี 2565 และมีผลตอบรับที่ดีเกินคาด มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยกว่า 90% ภายในเวลาอันรวดเร็ว

นางสุวรรณายังให้ความเห็นต่อทิศทางโดยรวมของธุรกิจโรงแรมเพิ่มเติมว่า บริษัทฯ ยังมีมุมมองบวกต่อการฟื้นตัวของธุรกิจโรงแรม ซึ่งดีขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี แม้ว่ายังมีปัจจัยท้าทายอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในช่วงที่ผ่านมา แต่ก็ยังเชื่อว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศจะเพิ่มมากขึ้นในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว (High season) ภาพรวมผลประกอบการของบริษัทฯ มีทิศทางดีขึ้น ซึ่งนอกจากจะได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวและการเดินทางทั่วโลก ภาพรวมการท่องเที่ยว และโรงแรมของประเทศไทยฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว 

"ฟรีวีซ่าเป็นจุดสำคัญ เช่นเดียวกับที่อยากให้รัฐบาลพัฒนาระบบโลจิสติกส์และขนส่งมวลชนต่าง ๆ รวมไปถึงการขยายสนามบินเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต" 

รวมถึงด้วยประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยว ส่งผลให้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยเป็นจำนวนมาก ตามคาดการณ์จากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ทั้งนี้ ยังเป็นผลสำเร็จจากการวางกลยุทธทางการขาย การตลาด และการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่ควบคู่กัน  

"สำหรับแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ เราเน้นเรื่องความพึงพอใจของลูกค้าเป็นหลัก จึงใส่ใจเรื่องของการบริการ อีกทั้งมุ่งมั่นที่จะมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับผู้เข้าพักที่ไม่มีใครเหมือน โดยศึกษาเชิงลึกเกี่ยวกับความต้องการของลูกค้าเป้าหมายอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการให้ดีกว่าของคู่แข่ง"

โดยเฉพาะหลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่นักท่องเที่ยวเว้นจากการเดินทางท่องเที่ยวนาน ได้พัฒนาบริการ สถานที่ ห้องพัก และเพิ่มเติมสิ่งอำนวยความสะดวก ให้ตอบโจทย์นักเดินทางที่กำลังมองหาประสบการณ์สำหรับการพักผ่อนอย่างเต็มที่ ในจุดหมายปลายทางซึ่งเต็มไปด้วยเรื่องราวและด้วยทำเลที่โดดเด่นของโรงแรมทุกสาขา ซึ่งตั้งอยู่ในทำเลที่ดีที่สุดของกรุงเทพฯ และพัทยา ดังนั้นจึงทำให้ผู้เข้าพักสามารถเดินทางได้อย่างสะดวกสบาย

นางสุวรรณากล่าวอีกว่า สำหรับสิ่งที่ทำให้แกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ ทุกสาขา ประสบความสำเร็จ มาจากการที่บริษัทเชื่อมั่นในคุณภาพและการบริการที่ลูกค้าจะได้รับ เพราะโจทย์ใหญ่ของพนักงานทุกคนคือความพึงพอใจของลูกค้า และที่สำคัญคือแกรนด์        เซนเตอร์ พอยต์ ไม่เคยหยุดพัฒนาในทุกด้าน

นอกจากการขยายสาขาโดยเลือกจากทำเลที่ตั้งที่สะดวกต่อการเดินทาง     ยังรวมไปถึงการพัฒนาดีไซน์โรงแรม การออกแบบสิ่งอำนวยความสะดวกที่เราคิดมาอย่างละเอียด การออกแบบบริการที่ปรับเปลี่ยนตามลูกค้าในแนวทางของ แกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์  และพัฒนาบุคลากรให้ปรับเปลี่ยนได้ทันกับการเติบโตของกลุ่มลูกค้า ตลอดจนยังพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อให้บริการในช่องทางการสำรองห้องพักที่สะดวกและง่ายจนถึงการเข้าพักด้วย

"สำหรับปีหน้าเราคาดหวังว่าจะทำรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 15%"

ด้านนายกิตติ วรบรรพต กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล เอช มอลล์ แอนด์ โฮเทล จำกัด กล่าวว่า ในปีนี้ถือว่ามีผลตอบรับที่ดีมาก มีผลการดำเนินงานที่ดี ทุกสาขาได้รับการตอบรับทั้งจากชาวไทยและต่างชาติเป็นอย่างดี โดยผลการดำเนินงานของโรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2566 มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยสูงถึงประมาณ 90% ทุกสาขา และค่าห้องพักเฉลี่ยสูงกว่าในช่วงระยะเวลาเดียวกันของปี 2562 แล้วกว่า 20% โดยเฉพาะช่วงหยุดยาวหรือเทศกาลซึ่งมียอดจองเข้ามาถึงสิ้นปี ซึ่งเราคาดหวังว่าจะมีตัวเลขที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง   

โดยเฉพาะโครงการล่าสุด แกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ สเปซ พัทยา Themed Hotel แห่งแรกในไทย ซึ่งเป็นพอร์ตโฟลิโอ ที่เปิดดำเนินงานและทำรายได้โดยรวมในช่วงระยะเวลา 10 เดือนแรกของปี รวมกว่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งประมาณการว่าสิ้นปี 2566 โครงการแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ สเปซ พัทยา จะมีรายได้รวมทั้งปีทั้งสิ้นประมาณ 1,300 ล้านบาท            

ทั้งนี้โรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ สเปซ พัทยา เป็นแบรนด์ Limited Collection ของกลุ่ม LHMH ซึ่งถือเป็นการขยายรูปแบบการให้บริการที่พักให้ครอบคลุมความต้องการของผู้บริโภคที่เน้นประสบการณ์ที่แปลกใหม่ โดยได้เปิดดำเนินการและประสบความสำเร็จอย่างมากในปีที่ผ่านมา โดยสามารถทำรายได้ตลอด 1 ปี Yield of Investment สูงถึง 20%

อย่างไรก็ตาม จากการเปิดตัวโรงแรงดังกล่าว ยังสะท้อนถึงความสำคัญของการปรับปรุงพอร์ตโฟลิโอของแบรนด์ที่บริหารภายใต้กลุ่มเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจน และสะท้อนให้เห็นถึงความพร้อมในการขยายธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพเมื่อสถานการณ์กลับเข้าสู่ภาวะปกติ 

สำหรับในปีนี้นายกิตติกล่าวว่า LHMH พร้อมเปิดตัว แกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ สุรวงศ์ กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นหนึ่งในโรงแรม Tier Timeless Collection ซึ่งครบครันด้านสถานที่ตั้งที่อยู่ใจกลางเมืองย่านธุรกิจ และเชื่อมต่อกับ Old Town โดยถ่ายทอดผ่านงานดีไซน์ทุกพื้นที่ของโรงแรม ซึ่งถือเป็นการต่อยอดสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ของกลุ่ม แกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ เป็น แกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ สาขาที่ 7   

ตัดริบบิ้นโรงแรมหรู 3 ทำเลปีหน้า

ด้านการคาดการณ์การเติบโตสำหรับปีหน้า นายกิตติเปิดเผยว่าขณะนี้บริษัทมีโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างใน 3 โลเคชั่นที่ดีที่สุดเป็นโรงแรมระดับลักชัวรี ซึ่งเป็นก้าวใหม่ในการขยายธุรกิจของกลุ่ม โดยในไตรมาสแรกของปี 2568 จะเปิดโครงการมิกซ์ยูส (Mixed use) สูง 50 ชั้น ริมถนนพระราม 4 ห่างจากสถานีรถไฟฟ้าลุมพินี 200 เมตร เปิดให้บริการอาคารสำนักงานและโรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ ลุมพินี กรุงเทพฯ ประกอบด้วยห้องพักจำนวน 512 ห้อง ห้องประชุมสัมมนาขนาดใหญ่รวม 5,000 ตารางเมตร ฟิตเนส สระว่ายน้ำกลางแจ้ง คาเฟ่ สปา ออนเซน ห้องอาหาร และห้องอาหารรูฟทอป ซึ่งจะเป็นโรงแรมใน Tier Prestige Collection

ต่อมาในไตรมาสแรกของปี 2569 จะเปิดโรงแรม แกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ สาขาใหม่ที่ราชดำริ ซึ่งเป็นแฟลกชิปของกลุ่มที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองย่านราชประสงค์ ติดถนนราชดำริ ซึ่งเป็นที่ดินอาคารเพนนินซูล่าเดิม ประกอบด้วยห้องพักจำนวน 509 ห้อง ห้องประชุมสัมมนาขนาดใหญ่ ฟิตเนส สระว่ายน้ำกลางแจ้ง สปา ออนเซน ห้องอาหาร และห้องอาหารรูฟทอป

"ในปี 2570 จะเปิดตัวแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ สาขาที่ 3 ที่พัทยา ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่ง Themed Hotel ของแบรนด์ใน Tier Limited Collection ให้บริการห้องพักจำนวน 494 ห้อง ในธีมล่าสุดที่มาพร้อมเทคโนโลยีที่ทันสมัย ซึ่งจะเป็นโปรเจกต์ แกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ แห่งที่ 10 ของเรา" นายกิตติกล่าว

นอกจากนี้ บริษัทยังได้ทำสัญญาเช่าอสังหาริมทรัพย์และสัญญาขายสังหาริมทรัพย์ของโรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ พัทยา และโรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ สเปซ พัทยา ให้แก่ทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ แอล เอช โฮเทล (LHHOTEL) เป็นระยะเวลาประมาณ 25 ปี และ 29 ปี ตามลำดับ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

โดยสัญญาดังกล่าว ได้มีผลบังคับใช้ในระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2566 จากการเพิ่มทุนเพิ่มเติมและการกู้ยืมเงินของกองทรัสต์ LHHOTEL มูลค่ารวมประมาณ รวม 9,400 ล้านบาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) โดยหน่วยทรัสต์เพิ่มทุนของ LHHOTEL ได้เข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในวันที่ 17 พฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมานี้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มสภาพคล่องจากขนาดกองทรัสต์ที่ใหญ่ขึ้นรองรับผู้ที่สนใจเข้าลงทุนใน LHHOTEL

ทั้งนี้ทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ แอล เอช โฮเทล (LHHOTEL) เป็นกองทรัสต์โรงแรมที่มีมูลค่าทรัพย์สินและมูลค่าตามราคาตลาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย หลังเข้าลงทุนเพิ่มเติมในโรงแรมที่พัทยาอีก 2 แห่ง ส่งผลให้มีทรัพย์สินในพอร์ตโฟลิโอรวม 5 แห่ง ได้แก่ โรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ เทอร์มินอล 21, โรงแรมแกรนด์     เซนเตอร์ พอยต์ ราชดำริ, โรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ สุขุมวิท 55, โรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ สเปซ พัทยา และโรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ พัทยา มีห้องพักรวมทั้งสิ้น 2,287 ห้อง

ขณะที่ผลการดำเนินงานช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ โรงแรมทั้ง 5 แห่ง มีอัตราเข้าพักเฉลี่ยสูงประมาณ 90% และปัจจุบันยังคงมีลูกค้าคนไทยและต่างชาติจองห้องพักล่วงหน้าอย่างต่อเนื่อง ภายหลังลงทุนเพิ่มเติม LHHOTEL จะมีมูลค่าสินทรัพย์รวมเพิ่มขึ้นเท่าตัวเป็นกว่า 20,000 ล้านบาท และมีอายุสิทธิการเช่าคงเหลือเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 22 ปีเศษ จากเดิมประมาณ 18 ปีเศษ

รวมถึงมีการกระจายการลงทุนที่ดีขึ้น โดยมีสัดส่วนทรัพย์สินในกรุงเทพฯ 55% และพัทยา 45% นอกจากนี้ บริษัทฯ ในฐานะ Sponsor ของกองทรัสต์ยังมี Pipeline ในการพัฒนาทรัพย์สินใหม่ ๆ ที่เป็นโอกาสให้กับ LHHOTEL ในการสร้างความเติบโตอย่างต่อเนื่องต่อไปในอนาคต โดยขึ้นกับความพร้อมของทรัพย์สินและสภาวะตลาดการลงทุนต่อไป”
 

เผยโฉมโรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ สุรวงศ์ กรุงเทพฯ 

โรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ สุรวงศ์ กรุงเทพฯ 

ด้านนายภาคิน เอียงผาสุข ผู้จัดการทั่วไป โรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ สุรวงศ์ กรุงเทพฯ กล่าว่าโรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ สุรวงศ์ กรุงเทพฯ ถือว่าตั้งอยู่บนทำเลทองที่อยู่ตรงกลางของย่านธุรกิจการค้าหลัก ๆ ของกรุงเทพฯ ทั้งย่านสุรวงศ์ บางรัก เจริญกรุง สีลม สาทร อีกทั้งยังโดดเด่นด้วยวัฒนธรรมความเป็นอยู่ของชุมชนและสถานที่ท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวชื่นชอบ อย่างบางรัก เจริญกรุง ทรงวาด ซึ่งเรายังคงเน้นการออกแบบเพื่อความสะดวกสบายของผู้เข้าพัก ด้วยคอนเซ็ปต์ “Immerse in Bangkok soul, where culture meets comfort”

ทั้งนี้ เพื่อสร้างประสบการณ์การเข้าพักที่ผ่อนคลาย ในย่านที่เชื่อม Old Town และ Commercial ด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน ทั้งภายในห้องพัก และส่วน Facilities การใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย เสริมด้วยการให้บริการที่นำเอาหลักการของแกรนด์   เซนเตอร์ พอยต์ คือ Grande Your Stay มาสร้างความแตกต่าง เพื่อรองรับผู้เข้าพักทุกคนที่มองหาประสบการณ์ใหม่ และสัมผัสมหานครกรุงเทพฯ ในมุมที่แตกต่างออกไป

โดยจากสถิติการเข้าพักในทุกสาขา บริษัทมีลูกค้าหลักจากทุกกลุ่มเป็นชาวต่างชาติ ทั้งกลุ่มเอเชีย ตะวันออกกลาง ยุโรป ซึ่งสำหรับสาขาสุรวงศ์นี้ ด้วยพื้นที่ตั้งที่เป็นที่นิยมในกลุ่มลูกค้าฐานยุโรปและเอเชีย และยังมีกลุ่มคนไทย ที่เข้ามาใช้บริการอื่น ๆ ของโรงแรม อย่างห้องประชุมสัมมนา ห้องจัดเลี้ยง หรือห้องอาหาร ซึ่งเราให้ความสำคัญไม่แพ้ห้องพักเช่นกัน

ส่วนกลยุทธ์ในการขยายฐานลูกค้า บริษัทมองว่าแนวโน้มฐานลูกค้าสำคัญในปัจจุบัน คือการเดินทางท่องเที่ยวด้วยตัวเองผ่านการสำรองห้องพักทางออนไลน์ โดยศึกษาข้อมูลผ่านรีวิว และคะแนนความประทับใจ ดังนั้น จึงได้เน้นสร้างจุดขายใหม่ ๆ ที่ทำให้การเข้าพักคุ้มค่า สะดวกสบาย และสมบูรณ์ขึ้น

เริ่มตั้งแต่การพัฒนาระบบสำรองห้องพักที่รองรับการจ่ายเงินทุกรูปแบบ ด้านเทคโนโลยีในห้องพัก เช่น การเปลี่ยนโทรทัศน์ เป็น Smart TV ทั้งหมด การเพิ่มสัญญาณ WiFi การเพิ่มความสะดวกสบายในห้องพัก ในด้านปรับปรุงเตียงเพื่อให้นอนหลับได้สบาย ได้เปลี่ยนมาใช้เตียงใหม่

โดยมุ่งเน้นให้ผู้เข้าพักได้รับการพักผ่อนที่สบายกว่าเดิม เพิ่มความนุ่มของเตียงด้วยชั้นรองเตียงหนานุ่ม ใช้ผ้าปูที่นอนจากคอตตอน 100 อย่างดี แบบทอ 300 เส้น เพิ่มจำนวนหมอน Micro Gel ใช้สีขาวทั้งหมด เพื่อความคลาสสิกแลดูสะอาดตา เพิ่มมินิบาร์ ให้บริการฟรีในห้องพัก และอัพเกรด Amenity ทั้งหมด ด้าน Facilities ทุกโรงแรมมีการปรับปรุงพื้นที่โดยเพิ่มพื้นที่ Games Room ซึ่งให้บริการทั้ง เกมส์อาร์เคด เกมส์ เพลสเตชั่น และบอร์ดเกมส์ ขึ้นมา เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของนักท่องเที่ยวปัจจุบัน รวมไปถึงพัฒนาพื้นที่ส่วนกลางให้ใหม่ และสมบูรณ์ยิ่งขึ้น

"ปีนี้เราเดินหน้าขยายธุรกิจและรายได้ด้านประชุม โดยพัฒนาส่วนของพื้นที่ประชุมและจัดเลี้ยงโดยเพิ่มเทคโนโลยีสำหรับจัดประชุมเต็มรูปแบบ ทั้งการใช้จอ LED เชื่อว่าด้วยจุดแข็งในด้านทำเล ของทุกสาขา กับการพัฒนาด้านสิ่งอำนวยความสะดวก และบริการนี้ จะทำให้เราขยายฐานลูกค้าไปได้ทุกกลุ่ม”