posttoday

ส่องเส้นทาง อภิชาติ จูตระกูล วางเสาหลัก "แสนสำราญ" สู่ "แสนสิริ"

25 มีนาคม 2566

ส่องเส้นทางสร้างธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ของ อภิชาติ จูตระกูล รักษาการซีอีโอ ผู้ก่อร่าง SIRI จาก "แสนสำราญ" สู่ "แสนสิริ"

เมื่อไม่นานนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการ ของ บมจ.  แสนสิริ หรือ  SIRI ครั้งที่ 4/2566 เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2566 มีมติแต่งตั้ง อภิชาติ จูตระกูล ประธานกรรมการ ให้ทำหน้าที่รักษาการในตำแหน่งประธานอำนวยการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ แทน นายเศรษฐา ทวีสิน ในระหว่างการลางานโดยไม่รับค่าตอบแทน เพื่อเข้าสู่เส้นทางการเมือง  โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 21 มีนาคม 2566 เป็นต้นไป

แม้ในช่วงที่ผ่าน ชื่อของ อภิชาติ กับ แสนสิริ อาจไม่เลื่องลือหรือเป็นที่ติดตาเท่า เศรษฐา กับ แสนสิริ แต่แท้จริงแล้วเขาคือผู้วางเสาหลักให้กับบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำแห่งนี้มาแต่แรก และปัจจุบันยังเป็นผู้ถือหุ้นอันดับ 8 ที่อัตรา 2.05% ของ SIRI ด้วย

ความเป็นมาของอภิชาติก่อนเข้าสู้เส้นทางก่อร่าง "แสนสิริ" นั้น เขาเป็นลูกชายของคุณพ่อโชติ จูตระกูล และคุณแม่ชนาทิพย์ น้องสาวของบัญชา ล่ำซำ จึงนับเป็นทายาทรุ่นที่สองของ ‘จูตระกูล’ เขาจบการศึกษาระดับปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจ จาก University of San Diego ประเทศสหรัฐอเมริกา 

โดยเริ่มบุกเบิกตลาดอสังหาริมทรัพย์เมืองไทยตั้งแต่ปีพ.ศ. 2527 ในนามของ บริษัท แสนสำราญ โฮลดิ้ง จำกัด ที่สร้างแต้มต่อทั้งความมั่งคั่งและต้นทุนทางสังคมของสองครอบครัวมหาเศรษฐีในเมืองไทย กระทั่ง 10 ปีให้หลัง "แสนสำราญ" ได้เปลี่ยนชื่อเป็น "แสนสิริ" อย่างเป็นทางการในปี 2537 หลังการเข้ามาถือหุ้นที่ 50% ของกลุ่มล่ำซำ

แล้วได้เกิดการเปลี่ยนแปลงสำคัญอีกครั้งหลังบริษัท ที.เอส.สตาร์ จำกัด ที่ขณะนั้นมีเศรษฐาเป็นกรรมการและผู้ถือหุ้นทั้งหมด ได้ซื้อหุ้นจากกองทุนต่างชาติ กว่า 300 ล้านหุ้น จึงทำให้เศรษฐากลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับหนึ่ง ของ บมจ. แสนสิริ ที่ 24.10% แต่ภายหลังได้ลดลงเหลือที่ 5% และได้ยกให้ลูกสาวคือ ชนัญดา ทวีสิน หลังมุ่งสู่วิถีนักการเมืองอย่างเต็มตัว 

ดังนั้น อภิชาติ จึงไม่เพียงเป็นผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของ "แสนสิริ" เท่านั้น แต่ยังร่วมเผชิญความท้าทายหนักหน่วงทั้งหลายที่ผ่านมากับ เศรษฐา ด้วย ไม่ว่าจะเป็นการปลดล็อคภาระหนี้ 3 พันล้านมาด้วยกัน หรือแม้แต่สารพัดการเปลี่ยนแปลงที่มาเขย่าสถานะของบริษัท

"แสนสิริ" ซึ่งสร้างจากความร่วมมือของลูกพี่ลูกน้องสองคน คือ อภิชาติ และ เศรษฐา ที่แบ่งหน้าที่กันอย่างชัดเจน

นั่นคืออภิชาติรับผิดชอบหลักในการดูแลด้าน Financial Performance ของบริษัท เนื่องจากการทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ต้องใช้เงินลงทุนสูง เช่นเดียวกับให้ความสำคัญด้านการตลาด และ Branding ของแสนสิริอย่างใกล้ชิด เพื่อให้มั่นใจได้ว่า บริษัทสามารถตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ จนเกิดความภักดีของตราสินค้าจากกลุ่มลูกค้าอย่างยั่งยืน

นอกจากนี้ อภิชาติ ยังดำรงตำแหน่งประธานอำนวยการ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกของแสนสิริที่ดำเนินธุรกิจ Property Management เพื่อควบคุมการมอบบริการที่ดีแก่ลูกค้า รวมทั้ง ยังเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลาง สำนักส่งเสริมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ กรมที่ดิน และกรรมการในคณะอนุกรรมการจัดสรรที่ดินกลาง สำนักส่งเสริมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์กรมที่ดิน

ส่วน เศรษฐา ขณะที่ยังเป็นซีอีโอนั้น เขารับผิดชอบโดยตรงทางด้านการวางแผนเชิงกลยุทธ์ การบริหาร และการขับเคลื่อนบริษัทฯ ไปสู่ความเจริญเติบโตตามแนวทางที่กำหนดโดยประธานอานวยการและคณะกรรมการบริหารบริษัทฯ ภายใต้การบริหารของเศรษฐาในช่วงนั้น บมจ. แสนสิริ ได้พัฒนาโครงการที่พักอาศัยมาแล้วกว่า 320 โครงการ

นับจากนี้ อภิชาติ ในฐานะซีอีโอรักษาการ จะพา SIRI ไปไกลกว่าเดิม แค่ไหน และด้วยแนวทางเช่นไร คงต้องจับตากันต่อไป