posttoday

อสังหาฯ เด้งรับเศรษฐกิจฟื้น หนุนนักท่องเที่ยวเพิ่ม เปิดโครงการใหม่พรึ่บ

24 กุมภาพันธ์ 2566

หลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย ดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติ หนุนภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ขยายตัวไปในทิศทางที่ดีกว่าปี 2565 PF เดินหน้ารุกแนวราบเพิ่ม LPN บุกตลาดบ้านหรู AP เปิดตัวมูลค่าโครงการสูงสุด 77,000 ล้านบาท และ PSH ตั้งเป้ามีสินทรัพย์ 100,000 ล้านบาท ภายในปี 2571

ทิศทางภาคอสังหาริมทรัพย์ ในปี 2566 มีการขยายตัวไปในทิศทางที่ดีกว่าปี 2565 ที่ผ่านมาเพราะปัจจัยบวกหลายอย่างที่ปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะเรื่องของการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่มีทิศทางที่ดีขึ้นแน่นอนเมื่อเทียบกับช่วง 2 – 3 ปีที่ผ่านมา เพราะเรื่องของโควิด-19 ที่ผ่อนคลายความกังวลลงไปมาก อีกทั้งเรื่องของการท่องเที่ยวที่เป็นเครื่องจักรสำคัญของประเทศไทยกลับมาเดินหน้าแบบช้าๆ ปี 2565 เป็นปีแรกในรอบ 2 – 3 ปีที่ผ่านมาที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติมากกว่า 11 ล้านคน โดยเป็นนักท่องเที่ยวจากประเทศต่างๆ ที่ไม่ได้มีนักท่องเที่ยวชาวจีนเป็นกลุ่มหลักเป็นครั้งแรกในรอบหลายๆ ปี 

 

แม้ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจะยังคงน้อยกว่าช่วงปี 2562 แต่ก็มากกว่าปี 2563 – 2564 แบบชัดเจน ซึ่งถือเป็นการกลับเข้าสู่ภาวะปกติแบบค่อยเป็นค่อยไป คนทำงานในธุรกิจการท่องเที่ยวไม่ว่าจะเป็นโรงแรม ที่พัก ร้านอาหาร หรือบริการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเริ่มกลับมามีรายได้อีกครั้ง หรือเริ่มกลับขยายธุรกิจกันอีกครั้ง ซึ่งส่งผลดีต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์แน่นอน อย่างไรก็ตามในปีนี้เอง ผู้ประกอบการเบอร์ต้นๆของเมืองไทย ได้ออกมาเผยแผนงานมาตรการกันตั้งแต่ต้นปี 

 

PF รุกแนวราบย้ำจุดแข็งบริษัท 

 

อสังหาฯ เด้งรับเศรษฐกิจฟื้น หนุนนักท่องเที่ยวเพิ่ม เปิดโครงการใหม่พรึ่บ

 

เริ่มกันที่ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้  เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) (PF) โดยนายวงศกรณ์ ประสิทธิ์วิภาต กรรมการผู้จัดการ เปิดเผยว่า กลุ่มบริษัทมุ่งสร้างการเติบโตในทุกมิติ ทั้งด้านรายได้ การเพิ่มยอดขาย การพัฒนาสินค้าใหม่ รวมถึงการกระจายธุรกิจ  โดยปีนี้ประมาณการรายได้รวมของกลุ่มบริษัทอยู่ที่ 22,000 ล้านบาท เป็นรายได้ของพร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค 16,000 ล้านบาท และ แกรนด์ แอสเสทฯ 6,000 ล้านบาท หรือแยกเป็นรายได้จากโครงการแนวราบ 9,600 ล้านบาท โครงการคอนโดมิเนียม 3,000 ล้านบาท โครงการร่วมทุน 6,400 ล้านบาท และ ธุรกิจโรงแรม 3,000 ล้านบาท 

 

การขยายตัวในปีนี้ มี 3 ปัจจัยหลักเป็นตัวขับเคลื่อน  ได้แก่  การขยายตัวจากโครงการแนวราบ  ซึ่งถือเป็นจุดแข็งของบริษัท และจะรุกเปิดโครงการใหม่แนวราบเพิ่มเติม ส่งผลให้ยอดขายจากโครงการแนวราบจะเป็นสัดส่วน 74% ของยอดขายรวม  นอกจากนี้ยังมี การขยายตัวจากโครงการร่วมทุน ซึ่งปีนี้เป็นปีแห่งการเก็บเกี่ยวจากการลงทุนในโครงการร่วมทุน ทั้งแนวราบและคอนโดมิเนียม โดยรายได้จากโครงการร่วมทุนคิดเป็นสัดส่วน 30% ของรายได้รวม เป็นผลจากยอดขายที่เติบโตต่อเนื่อง 

 

อสังหาฯ เด้งรับเศรษฐกิจฟื้น หนุนนักท่องเที่ยวเพิ่ม เปิดโครงการใหม่พรึ่บ

 

และปีนี้ตั้งเป้ายอดขายโครงการร่วมทุนเติบโตขึ้น 62% จากปีก่อน และที่สำคัญคือ ธุรกิจโรงแรม ของกลุ่มบริษัท ที่มีสัญญาณการฟื้นตัวชัดเจน คาดว่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้นเท่าตัวจากการฟื้นตัวของธุรกิจท่องเที่ยว โรงแรมในกรุงเทพฯ คาดว่าจะทำรายได้เท่ากับปี 2562 ก่อนเกิดสถานการณ์โควิด-19 โดยโรงแรมในกลุ่มทั้งหมดคาดว่าจะมีอัตราเข้าพักรวมกันเฉลี่ยทั้งปีที่ 72%  นอกจากนี้ บริษัทยังมีการกระจายธุรกิจ ด้วยการลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ เพื่อสร้างรายได้ระยะยาว ที่จะเริ่มรับรู้รายได้ในปี 2567 

 

ส่วนแนวทางการพัฒนาโครงการภายใต้ “พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค” จะเน้นการเพิ่มสินค้าในกลุ่มบ้านระดับบน ซึ่งเติบโตในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา และยังเติบโตต่อเนื่อง โดยปีนี้ตั้งเป้ายอดขายบ้านกลุ่มลักซ์ชัวรี่ขึ้นมาอยู่ที่ 50% หรือ 5,000 ล้านบาท เป็น 1 ใน 5 ของผู้นำตลาดบ้านลักซ์ชัวรี่  ด้วยการเพิ่มสินค้าใหม่บ้านเดี่ยว 3 ชั้นทำเลในเมือง  เปิดตัวบ้านลักซ์ชัวรี่ 3 ชั้นแบรนด์ใหม่ “วาวิล่า” รวมถึงยังมีแบบบ้านใหม่ทั้งในโครงการระดับบนของบริษัทและโครงการร่วมทุน 

 

สำหรับโครงการที่จะเปิดใหม่ จะเพิ่มน้ำหนักกลุ่มโครงการบ้านเดี่ยวระดับกลางมากขึ้น เพื่อขยายตลาดให้กว้างขึ้นในกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อหนาแน่น โดยโครงการบ้านเดี่ยวระดับกลางที่จะเปิดใหม่ปีนี้ มี 7 โครงการ มูลค่ารวม 10,930 ล้านบาท  ใน 2 แบรนด์หลัก คือ เพอร์เฟค เพลส และ เพอร์เฟค พาร์ค ปีนี้ยังมีการเปิดคอนโดมิเนียม Low-rise โครงการใหม่บนทำเลถนนพัฒนาการด้านหลังโรงพยาบาลสินแพทย์ พัฒนาการ กำหนดเปิดตัวในไตรมาส 2

 

LPN เปิด 17 โครงการใหม่บุกตลาดบ้านหรู

 

อสังหาฯ เด้งรับเศรษฐกิจฟื้น หนุนนักท่องเที่ยวเพิ่ม เปิดโครงการใหม่พรึ่บ


ในส่วนของ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) โดย นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการ กล่าวว่า  5 ที่ผ่านมาบริษัทพยายามปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตัวเองทุกเรื่องเพื่อวางแผนจะเดินหน้าต่อ หลังจากที่ศึกษาพบว่า แอลพีเอ็นเป็นแบรนด์ที่น่าไว้ใจได้ในธุรกิจอสังหาฯ จากโมเดลเดิมของการพัฒนาโครงการใช้ สเกลคือการพัฒนาโครงการขนาดใหญ่10โครงการโต 20% เทียบกับบริษัทอื่น ต้องทำโครงการ 30-40 โครงการถึงจะโตได้เท่าแอลพีเอ็น และสปีดคือความสามารถควบคุมต้นทุน ลดค่าใช้จ่ายได้ ถือเป็นจุดแข็งของแอลพีเอ็น

 

ปัจจุบันกลุ่มลูกค้ากลายเป็นหนุ่มสาวที่อยู่ในเจนวายจากเดิมกลุ่มเจนเอ็กซ์ ดังนั้นถ้าแอลพีเอ็นจะเดินหน้าต่อต้องปรับปรุงเรื่องเหล่านี้เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภค โดยปลายปี2563 ได้เสนอแผนธุรกิจ 5 ปีเพื่อให้แบรนด์ “แอลพีเอ็น” กลับมายืนอยู่บนเวทีธุรกิจอสังหาฯ และกลับมายืนหนึ่งในใจของผู้บริโภคเหมือนในอดีตที่ผ่านมา โดยภายใน 5 ปี ตั้งแต่ปี 2565-2569 ควรมีรายได้รวม 50,000 ล้านบาทในปี 2569 เฉลี่ยปีละ 10,000 และกำไร 5,000 ล้านบาท 

 

สำหรับในปีนี้จะเป็นปีที่สองของแผนในการพัฒนาโครงการทุกรูปแบบออกมาเพื่อขยายฐานลูกค้าภายใต้แนวคิด “Transform for Better Living” และขยายฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นผ่านการพัฒนาและการออกแบบที่อยู่อาศัยที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของกลุ่มลูกค้าในทุกระดับ เพื่อสร้างรายได้รวม 50,000 ล้านบาทตามแผนโรดแมป 5 ปี โดยในปี 2566 ได้วางเป้าหมายรายได้ที่ 7,600 ล้านบาทเติบโต 20 % โดยมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่รวม 17 โครงการ มูลค่ารวม 14,000 ล้านบาท  แบ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียมจำนวน 4 โครงการ มูลค่า 5,000ล้านบาท และโครงการบ้านพักอาศัย 13 โครงการ มูลค่า 9,000 ล้านบาท 

 

“ปี 2566 นี้จะเป็นปีแรกในรอบ 5 ปีของแอลพีเอ็นที่จะขยายการพัฒนาโครงการที่พักอาศัยในต่างจังหวัด  อีกครั้ง หลังจากที่เคยเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมในจังหวัดอุดรธานี ชลบุรี พัทยา และชะอำ มาแล้ว เนื่องจากเห็นโอกาสในการขยายการลงทุนตามการขยายตัวของเมือง เส้นทางคมนาคม และความต้องการของผู้ซื้อโดยแอลพีเอ็นจะเน้นขยายการพัฒนาโครงการไปในจังหวัดที่มีศักยภาพในการขยายตัวและกำลังซื้อสูง โดยเฉพาะในทำเลเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ” นายโอภาสกล่าว

 

AP ดันแผนเปิดตัวมูลค่าสูงสุดในอุตสาหกรรม 

 

อสังหาฯ เด้งรับเศรษฐกิจฟื้น หนุนนักท่องเที่ยวเพิ่ม เปิดโครงการใหม่พรึ่บ

 

บริษัท เอพี ไทยแลนด์ จำกัด (มหาชน) (AP) โดย นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กรและการสร้างสรรค์ กล่าวว่า จากปีที่ผ่านมากับการตั้งเป้าให้เป็นที่สุดของปีกับการเดินหน้าฝ่าทุกข้อจำกัด ด้วยแผนธุรกิจที่สร้างความตื่นเต้นและตอกย้ำความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม และในปีนี้บริษัทฯ พร้อมต้อนรับศักราชใหม่กับ กลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจภายใต้แผน 2023 AP INCLUSIVE GROWTH ที่สุดของปีกับการเติบโตร่วมกัน ด้วยแผนการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ควบคู่ไปกับการขยายภาค

 

ภายใต้ปรัชญาที่ต้องการส่งมอบชีวิตดีๆ ที่ทุกคนเลือกเองได้ โดยจะดำเนินงานผ่าน 3 มิติดังต่อไปนี้ 1.DIVE DEEPER IN PROPERTY BUSINESS ทำงานแบบเจาะลึก เข้มข้นยิ่งขึ้น เพื่อครองความเป็นผู้นำในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัย ผ่าน 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ กลุ่มธุรกิจพัฒนาคอนโดมิเนียม กลุ่มธุรกิจพัฒนาบ้านเดี่ยว และกลุ่มธุรกิจพัฒนาทาวน์โฮม โดยปีนี้บริษัทฯ ยังคงตั้งเป้าการทำงานที่ท้าทายตัวเองมากยิ่งขึ้น ด้วยแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ที่มีมูลค่ามากที่สุดในตลาด จำนวน 58 โครงการ มูลค่ากว่า 77,000 ล้านบาท 

 

แบ่งเป็นบ้านเดี่ยว 22 โครงการ มูลค่า 34,800 ล้านบาท ทาวน์โฮมจำนวน 27 โครงการ มูลค่า 26,400 ล้านบาท คอนโดมิเนียม 4 โครงการ มูลค่า 11,800 ล้านบาท และโครงการในต่างจังหวัด 5 โครงการ มูลค่า 4,000 ล้านบาท ซึ่งส่งผลให้ทั้งปีเอพีจะมีโครงการพร้อมขายทั้ง กทม. และต่างจังหวัดมากกว่าถึง 192 โครงการ มูลค่ากว่า 165,600 ล้านบาท โดยตั้งเป้ายอดขาย 58,000 ล้านบาท เป้ารายได้รวม 100% JV ที่ 57,500 ล้านบาท

 

อสังหาฯ เด้งรับเศรษฐกิจฟื้น หนุนนักท่องเที่ยวเพิ่ม เปิดโครงการใหม่พรึ่บ

 

2.HATCH NEW BUSINESS ต่อยอดความชำนาญในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ด้วยการค้นหาช่องว่างตลาดใหม่ โดยจะนำทรัพยากรที่บริษัทฯ มี ไปบ่มฟักนักคิด นักสร้างสรรค์รุ่นใหม่ เพื่อต่อยอดสร้างสรรค์ธุรกิจใหม่ๆ ที่สามารถนำกลับมาสนับสนุนธุรกิจในระยะยาวแบบองค์รวม ทั้งในมิติธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบใหม่ๆ หรือเพื่อเสริมธุรกิจอื่นๆ ในเครืออย่าง สมาร์ท เซอร์วิส แอนด์ แมเนจเมนท์ (SMART) หรือ บางกอก ซิตี้สมาร์ท (BC) พร็อพเพอร์ตี้โบรกเกอร์แบบครบวงจร เป็นต้น 

 

และ 3.PEOPLE & SOCIAL ร่วมขับเคลื่อนสังคมให้เติบโตไปร่วมกัน ด้วยการสานต่อความตั้งใจที่จะเป็นองค์กรที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพ ‘คน’ ด้วยการมอบทักษะแห่งอนาคตแก่ทุกคน ไม่ว่าจะเป็นพนักงานในเครือ นิสิต นักศึกษา หรือบัณฑิตผู้พิการ เพื่อสนับสนุนให้ทุกคนมีชีวิตดีๆ ที่เลือกเองได้ ผ่านโครงการเพื่อสังคมต่างๆ ที่ทำอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น AP OPEN HOUSE โปรแกรมฝึกงานในฝันของนิสิตนักศึกษาทั่วประเทศ ที่จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 8 จนได้รับการยอมรับว่าเป็นโปรแกรมการฝึกงานที่ดีที่สุดในประเทศไทย หรือแคมเปญ I AM POWER ที่จัดขึ้น เพื่อเอ็มพาวเวอร์บัณฑิตผู้พิการให้มีโอกาสเข้าถึงทักษะการทำงานใหม่ๆ  

 

“พฤกษา” กางโรดแมปสู่แสนล้าน ผ่าน 5 กลยุทธ์ขับเคลื่อนธุรกิจในบริบทใหม่ 

 

อสังหาฯ เด้งรับเศรษฐกิจฟื้น หนุนนักท่องเที่ยวเพิ่ม เปิดโครงการใหม่พรึ่บ

 

ปิดท้ายกันที่ บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) (PSH) โดยนายอุเทน โลหชิตพิทักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม เปิดเผยว่า จากการเล็งเห็นความเปลี่ยนแปลงของบริบททางสังคม สภาพแวดล้อม  เศรษฐกิจและเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วส่งผลต่อรูปแบบการทำธุรกิจและการใช้ชีวิตของผู้บริโภคซึ่งธุรกิจจำเป็นต้องตื่นตัวและปรับตัวให้เท่าทันกับความเปลี่ยนแปลงเหล่านั้น ประกอบกับการขยายธุรกิจของกลุ่มบริษัทที่ครอบคลุมหลากหลายมิติเพื่อการใช้ชีวิตที่ดีขึ้นของผู้คน  

 

โดยผ่านกลยุทธ์ 5 ข้อ ที่กลุ่มพฤกษานำมาใช้ในการขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจที่มีเป้าประสงค์ชัดเจนในการพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อความ “อยู่ดี มีสุข” ของลูกค้า ประกอบด้วย Strengthen the Core นำแนวคิดการทำงานแบบมุ่งเน้นผลลัพธ์ (Agile way of working) มาใช้พัฒนาสินค้าและบริการให้ดียิ่งขึ้น และตอบสนองความต้องการของตลาดมากขึ้น Green to Great ใช้แนวคิดเกี่ยวกับการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน  

 

กำหนดนโยบายและแนวทางด้าน ESG (Environment-Social-Governance ) เป็นศูนย์กลางในการออกแบบกลยุทธ์และกระบวนการดำเนินงานทุกมิติ Seed New Business ลงทุนในธุรกิจใหม่ที่มีแนวโน้มเติบโตตามเมกะเทรนด์ Capability Building ส่งเสริมวัฒนธรรมองค์กรที่สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน Customer Centric ใส่ใจ...สร้างประสบการณ์ที่ดีและความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้า

 

ทั้งนี้บริษัทมีเป้าหมายในการสร้างความเติบโตอย่างยั่งยืนขององค์กร ควบคู่ไปกับสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยตั้งเป้ามีสินทรัพย์ 100,000 ล้านบาท ภายในปี 2571 และมีความมุ่งมั่นในการเป็นผู้นำด้วยการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 30% ภายในปี 2573 พร้อมมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี 2593 ซึ่งเป็นไปตามเป้าปณิธานของไทยและนานาประเทศ 

 

นอกจากนี้ยังมีการนำจุดแข็งของธุรกิจต่าง ๆ ในเครือมาเสริมความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ประกอบกับแนวคิดการทำงานที่ไม่หยุดนิ่งในการพัฒนา พร้อมนำนวัตกรรมต่าง ๆ เข้ามาปรับปรุงการทำงานอย่างต่อเนื่อง  รวมถึงแผนการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ ที่มีแนวโน้มเติบโตตามเมกะเทรนด์ เชื่อว่ากลุ่มพฤกษา จะสามารถดำเนินงานสู่เป้าหมายในการส่งมอบการใช้ชีวิตที่  “Live well Stay well อยู่ดี มีสุข”  ได้อย่างแน่นอน

 

อย่างไรก็ตามในปีนี้นับเป็นอีกหนึ่งปีแห่งการเริ่มต้นใหม่ ภายหลังจากเศรษฐกิจเริ่มฟื้น นักท่องเที่ยวเริ่มกลับเข้าในประเทศ ทุกอย่างก็พร้อมที่จะขับเคลื่อนเดินหน้าต่อไปได้และต้องเติบโตอย่างแน่นอน