‘โฮม สวีท โฮม’ สุดรัก ของ ดร.แอนนี่ เลิศอัษฏมงคล
นิยามของบ้าน ใครหลายๆ คนคืออยู่อาศัยแล้วอบอุ่น เป็นที่ร่วมความรักความผูกพันของคนในบ้าน
โดย...วราภรณ์ ภาพ : วีรวงศ์ วงศ์ปรีดี
นิยามของบ้าน ใครหลายๆ คนคืออยู่อาศัยแล้วอบอุ่น เป็นที่ร่วมความรักความผูกพันของคนในบ้าน โดยเฉพาะบ้านหลังสวยของ ดร.แอนนี่ (ทรัพย์เสริมศรี) เลิศอัษฏมงคล นักจิตวิทยาการให้คำปรึกษา ผู้เชี่ยวชาญการสอนหลักสูตร Dunstan Baby Language (DBL) ของสหรัฐอเมริกา ว่าด้วยเรื่องการเข้าใจเสียงร้องของเด็กทารกที่ถึงแม้เธอจะแต่งงานและแยกครอบครัวออกไปอยู่กับสามีและลูกสาววัยกำลังน่ารักแล้ว แต่หากว่างเว้นจากงานการสอนด้านภาษาอังกฤษ และอบรมคุณแม่มือใหม่แล้ว เธอก็จะแวะมาอยู่กับคุณพ่อคุณแม่ที่บ้านของเธอในซอยย่านถนนพหลโยธินอยู่เสมอๆ จะไม่ให้เธอรู้สึกผูกพันกับบ้านหลังนี้ได้อย่างไร เพราะเมื่อเธอย้ายตามคุณพ่อคุณแม่กลับมาจากสหรัฐอเมริกาก็มาอยู่ที่บ้านหลังนี้จนกระทั่งโตเป็นสาว
ดร.แอนนี่ เล่าเกี่ยวกับบ้านหลังนี้ว่า เป็นเรือนหอของทั้งคุณพ่อ ดร.พิลาศพงษ์ ทรัพย์เสริมศรี กับคุณแม่ สุรีพร ทรัพย์เสริมศรี ที่คุณปู่ยกให้ เดิมเป็นบ้านเดี่ยว 3 ชั้น ปลูกสร้างบนเนื้อที่ราว 250 ตารางวา แต่เมื่อทั้งคุณพ่อและคุณแม่ย้ายครอบครัวกลับมาเมืองไทย ตอนเธออายุ 4 ขวบ จึงได้ต่อเติมพื้นที่ที่เหลือไปอีกทางด้านหลัง ทำให้บ้านมีพื้นที่ใช้สอยมากขึ้น
“แอนนี่รู้สึกผูกพันกับบ้านหลังนี้มากๆ และไม่เคยย้ายไปไหน และรักการอยู่บ้านมาก เรียกว่าตอนเด็กๆ แอนนี่เติบโตมากับเสียงดนตรีเพราะคุณพ่อชอบเล่นดนตรีสากลมากๆ อยู่บ้านก็มีความสุข เพราะบ้านอยู่แล้วสบาย จำได้ตอนสมัยเรียนมหาวิทยาลัยเลิกเรียนต้องรีบกลับบ้าน ตอนปิดเทอมก็อยู่บ้านจนเพื่อนสงสัยว่าแอนนี่เอะอะอะไรก็รีบกลับบ้าน (หัวเราะ) ที่สำคัญคือทั้งคุณพ่อและคุณแม่ชอบให้ลูกอยู่บ้าน อย่างช่วงหนึ่งฮิตร้องคาราโอเกะกัน คุณแม่ก็ไปซื้อคาราโอเกะมาให้ร้องอยู่บ้าน เพื่อให้เพื่อนๆ มาร้องที่บ้าน
“ตอนแอนนี่เด็กๆ บ้านจะตกแต่งวินเทจ ดูมีระเบียงใหญ่กว่านี้ มีที่ให้วิ่งเล่น สามารถนั่งอ่านหนังสือตรงระเบียงได้อย่างสบาย แต่พออยู่ๆ ไปคุณแม่ก็ต่อเติมบ้านและตกแต่งใหม่เกือบทั้งหมด เป็นสไตล์ที่คุณแม่ชอบ คือผสมผสานให้เป็นสไตล์หลุยส์ โดยเฉพาะที่ห้องรับแขกของบ้าน คุณแม่ตกแต่งด้วยเก้าอี้หลุยส์จ๋า เพื่อทำให้บ้านดูภูมิฐานมากขึ้น ด้วยความสวยของบ้านในสมัยนั้น ผู้เป็นแม่เล่าว่าเคยเป็นโลเกชั่นถ่ายละครหลายๆ เรื่องเชียวนะ
“การตกแต่งบ้านคุณแม่ออกแบบเอง เพราะคุณแม่เป็นคนชอบตกแต่งบ้านอยู่แล้ว ที่บ้านจะมีหนังสือตกแต่งบ้านให้ดูตลอด ไปไหนก็จดจำสไตล์ที่คุณแม่ชอบ มีของตกแต่งบ้านเก็บสะสมไว้ตลอด ที่ซื้อมาจากต่างประเทศ เช่น เครื่องแก้ว แต่ตอนนี้คุณแม่หยุดแต่งแล้ว แต่ไปแต่งที่อื่นแทน (หัวเราะ) เพราะคุณแม่ชอบเสาะแสวงหาที่ดินสวยๆ แล้วสร้างที่อยู่อาศัย ท่านก็ไปตกแต่งที่นั่นค่ะ”
ด้วยความรักบ้านมากๆ ของ ดร.แอนนี่ หลังเลิกงานแล้วจึงกลับบ้านเกือบทุกวัน บางวันก็จัดประชุมที่บ้านเสียเลย ด้วยเหตุผลใหญ่ๆ คือคิดถึงคุณพ่อคุณแม่ มาแล้วทำให้เธอรู้สึกอบอุ่น แต่พอถึงช่วงค่ำๆ ก็กลับบ้านตนเองที่อยู่กับสามี ซึ่งการตกแต่งแตกต่างจากบ้านหลังนี้ของเธอโดยสิ้นเชิง คือ ตกแต่งสไตล์โอเรียนทัล โดยหากอยู่บ้านของตัวเอง มุมที่ ดร.แอนนี่ ชอบไปนั่งเล่นที่สุดคือ มุมโต๊ะกินข้าวที่ตกแต่งไม่พ้นสไตล์หลุยส์ เธอชอบมานั่งเขียนหนังสือที่นี่ ให้ความรู้สึกที่โปร่งโล่งสบาย แต่ตอนเด็กๆ ดร.แอนนี่ ชอบนั่งเล่นที่ห้องรับแขกที่ปูพรมสีแดงเอาไว้ แต่เล่นอะไรก็ต้องระมัดระวังเพราะบ้านตกแต่งด้วยสไตล์หลุยส์ก็จะมีเครื่องแก้วเยอะ
ณ ปัจจุบันแม้อายุบ้านจะเพิ่มมากขึ้น แต่ก็ยังคงความงามเอาไว้ แต่ละมุมของบ้านยังประดับตกแต่งไปด้วยเครื่องดนตรีสุดรักของคุณพ่อเต็มไปหมด ไม่ว่าจะเป็นโถงกลางบ้านที่วางเปียโนไว้ตรงโถงบันได หรือจะเป็นเชลโลอันใหญ่วางตั้งประดับอยู่ ไม่นับร่วมไวโอลินโบราณที่เก็บไว้อย่างดีตามมุมต่างๆ ของบ้าน
“อยากเรียกบ้านว่า โฮมสวีทโฮม อยู่บ้านแล้วมีความสุข แต่มียุคหนึ่งแอนนี่ทำงานเยอะมากจนไม่มีเวลากลับบ้าน แต่ก็อยากอยู่บ้านตัวเอง ทำให้เรารู้สึกปลอดภัย อุ่นใจ แอนนี่ชอบนั่งอ่านหนังสือที่ห้องกินข้าวเพราะสว่าง อากาศตอนเย็นๆ ก็ไปนั่งเล่นข้างๆ สระน้ำ ช่วงเย็นช่วงกลางบ้านที่มีสระว่ายน้ำจะเย็นมากๆ หลังคาจะบังแดดและลมพัดเย็นสบาย เป็นมุมที่บรรยากาศดี เหมาะกับการจัดปาร์ตี้ริมสระน้ำมากๆ ค่ะ แอนนี่คิดว่าอยู่ที่ไหนไม่สุขใจเหมือนอยู่บ้านค่ะ”


