posttoday

ถอดพฤติกรรมการเงินคนไทย 4 เจเนอเรชัน จาก Gen Z ถึง Baby Boomer

22 ธันวาคม 2568

Gen Z ถึง Baby Boomer ใช้เงินต่างกันอย่างไร? “กรุงศรี” เจาะอินไซต์ด้านการเงินของคนไทย 4 เจเนอเรชัน เผยกว่า 70 % คนไทยตื่นตัวเรื่องความรู้ทางการเงิน ต่างวัย ต่างแผนชีวิต

“กรุงศรี” (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ) เผยผลสำรวจทักษะทางการเงินของคนไทยปรับตัวสูงขึ้นแตะระดับ 71.4% ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดี สะท้อนให้เห็นว่าคนไทยให้ความสำคัญกับการมีความรู้ทางการเงิน เพื่อต่อยอดไปสู่คุณภาพชีวิตที่ดี ซึ่งทักษะทางการเงินเหล่านั้นจะสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีและยั่งยืนได้ก็ต่อเมื่อมีรากฐานทางการเงินที่แข็งแรงก่อน 

 

มิ่งขวัญ พัฒนวงศ์ ผู้บริหารสายงานบริหารแบรนด์และการตลาดองค์กร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า หลายคนอาจตั้งคำถามว่า ‘การเงิน’ เกี่ยวข้องกับ ‘ความยั่งยืน’ อย่างไร หรืออาจมองว่าความยั่งยืนเป็นเพียงเรื่องของสิ่งแวดล้อมและพื้นที่สีเขียวเท่านั้น แต่ในความเป็นจริง การเงินเกี่ยวข้องกับเกือบทุกมิติของชีวิต และเป็นรากฐานสำคัญที่ทำให้ความยั่งยืนเกิดขึ้นได้อย่างแท้จริง 

มิ่งขวัญ พัฒนวงศ์

ระดับความตระหนักรู้ด้านการเงินของคนไทย มีแนวโน้มที่ดีขึ้น

จากข้อมูลของวิจัยกรุงศรี เกี่ยวกับพฤติกรรมทางการเงินของแต่ละช่วงวัย และการทำความเข้าใจพฤติกรรมของลูกค้าในแต่ละกลุ่มอย่างต่อเนื่องผ่านทีม Customer Insight พบสัญญาณที่ดีที่สะท้อนว่าคนไทยให้ความสำคัญกับการมีความรู้ทางการเงินเพื่อต่อยอดไปสู่ชีวิตที่ยืนยาวและมีคุณภาพชีวิตที่ดี ดังนี้ 

 

จากรายงาน Saving Behavior Survey: Decoding the Saving Habits of Thai Consumers 2025 ที่รวบรวมข้อมูลโดยวิจัยกรุงศรีชี้ว่าทักษะทางการเงินของคนไทยมีพัฒนาการดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีคะแนนเฉลี่ยอยู่ที่ 71.4% เพิ่มขึ้นจาก 67.4% ในปี 2563 และสูงกว่าค่าเฉลี่ยของ OECD ที่ 60.5% (องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา) ซึ่งเป็นองค์กรระหว่างประเทศที่กำหนดเกณฑ์มาตรฐานวัดระดับทักษะทางการเงินในระดับสากล

 

โดยประเมินจากองค์ประกอบสำคัญ 3 ด้าน ได้แก่ ด้านความรู้ทางการเงิน (Financial Knowledge) ที่ปรับตัวสูงขึ้นเด่นชัดมาอยู่ที่ 69.7% สะท้อนความเข้าใจเรื่องดอกเบี้ยและความเสี่ยงที่ดีขึ้น ด้านพฤติกรรมทางการเงิน (Financial Behavior) ที่เพิ่มขึ้นเป็น 70.3% จากการมีวินัยในการจัดสรรงบประมาณและการออมที่ดี และ ด้านทัศนคติทางการเงิน (Financial Attitude) ที่ยังคงอยู่ในระดับสูงถึง 76.8% 

 

ครัวเรือนไทยมีการออมเงินบางส่วนจากรายได้ สูงถึง 87.5% โดยส่วนใหญ่อยู่ในรูปแบบที่มีความปลอดภัยสูง เช่น เงินสด หรือ บัญชีเงินฝากเพื่อการออมโดยเฉพาะ โดย 60% มีวินัยทางการเงินที่ดี โดยมีการออมหรือลงทุนอย่างสม่ำเสมอในทุกๆ เดือน และสามารถเก็บเงินได้ 20-30% ของรายได้ต่อเดือน ซึ่งเป็นตัวเลขที่สอดคล้องกับคำแนะนำของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) 

 

เมื่อมีรายได้เข้ามา คนไทยส่วนใหญ่ (38%) เลือกที่จะจัดลำดับความสำคัญให้กับการ "ชำระหนี้" ก่อนเป็นอันดับแรก ซึ่งแสดงถึงความตระหนักรู้ในภาระหน้าที่ทางการเงิน

 

61.1% ของประชากรไทยมีแผนทางการเงินเพื่อการเกษียณอายุ และได้เริ่มออมเงินเพื่อเป้าหมายดังกล่าวแล้ว อย่างไรก็ตาม มีเพียง 15.7% เท่านั้นที่สามารถดำเนินการตามแผนได้อย่างครบถ้วนจริง 

ถอดพฤติกรรมการเงินคนไทย 4 เจเนอเรชัน จาก Gen Z ถึง Baby Boomer

เจาะอินไซต์ด้านการเงินของคนไทย 4 เจเนอเรชัน

เพื่อให้เกิดการสร้างความรู้ ความเข้าใจในเรื่องทักษะการเงินและนำไปสู่การมีชีวิตที่ยั่งยืนได้อย่างแท้จริง กรุงศรีจึงพยายามทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง (Empathize) กับคนในแต่ละเจเนอเรชั่น จนพบว่า แต่ละเจเนอเรชั่นในปัจจุบันมีความต้องการทางการเงินที่แตกต่างกัน ทำให้มีพฤติกรรมทางการเงินในปัจจุบันที่แตกต่างกัน ดังนี้

 

1.Gen Z - วัยเริ่มทำงาน (อายุ 20–30 ปี) สร้างตัวเร็ว เน้นสมดุล และมองหาความมั่งคั่งแบบใหม่"

  • เติบโตมากับความไม่แน่นอนจากวิกฤตโควิดและภัยพิบัติ จึงมีความเข้าใจว่าชีวิตเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ทำให้เริ่มวางแผนการเงินเร็วขึ้นกว่ารุ่นอื่น โดยตั้งเป้าหมายความสำเร็จทั้งเรื่องงานและชีวิตส่วนตัวไว้ที่อายุประมาณ 53 ปี
  • เป็นวัยที่หารายได้หลายช่องทางมากที่สุด กว่า 38% มีรายได้ตั้งแต่ 2 แหล่งขึ้นไป และให้ความสำคัญกับการสร้างสมดุล (Work-Life-Balance) ระหว่างการหาเงินกับการใช้ชีวิตตามไลฟ์สไตล์ให้มีความสุข
  • เน้นสร้างเงินสำรองเผื่อฉุกเฉิน 3-6 เดือน เริ่มลงทุนเพื่อพัฒนาทักษะตัวเอง และวางแผนระยะยาวเพื่อการเกษียณ โดยให้ความสำคัญกับประเด็นความยั่งยืนไปพร้อมกัน

 

2.Gen Y - วัยสร้างครอบครัว (อายุ 30–40 ปี) ความหวังของบ้าน ที่ต้องบริหารความมั่นคงรอบด้าน

  • ตระหนักถึงบทบาทสำคัญในการดูแลครอบครัว มีการลงทุนสร้างทรัพย์สินเป็นของตัวเองซึ่งมองว่าเป็นการลงทุนในระยะยาว เช่น การซื้อบ้าน รถ โดยมองว่าอายุ 31 ปีควรมีทรัพย์สินเป็นบ้านของตนเอง และตั้งเป้าความก้าวหน้าในอาชีพเพื่อหารายได้ให้เพียงพอ
  • เป็นวัยที่เริ่มวางแผนเกษียณอย่างจริงจัง มีความคาดหวังเรื่องเงินใช้หลังเกษียณสูงที่สุดถึง 35,000 บาทต่อเดือน ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดในทุกช่วงวัย และสูงกว่าค่าเฉลี่ยของคนไทย
  • เน้นสร้างความมั่นคงให้ครอบครัวผ่านประกันชีวิต ประกันสุขภาพ ทุนการศึกษาบุตร และเลือกการลงทุนที่ปลอดภัยเพื่อรักษาเงินต้น

 

3.Gen X - วัยมั่นคง (อายุ 40–55 ปี) เร่งเครื่องปลดหนี้ วางแผนเกษียณอย่างมืออาชีพ

  • เป็นช่วงวัยที่ตระหนักถึงการเกษียณอย่างจริงจัง โดย 79% ได้จัดทำแผนการเงินเพื่อการเกษียณเรียบร้อยแล้ว และตั้งใจจะเกษียณที่อายุเฉลี่ย 59 ปี
  • เป็น Sandwich Generation ที่ต้องดูแลทั้งลูกและพ่อแม่ ทำให้มีค่าใช้จ่ายสูง แต่ก็มีวินัยทางการเงินที่ดีขึ้น โดย 30% สามารถเก็บเงินได้ตามแผนที่วางไว้
  • มุ่งปลดภาระหนี้สินให้หมด สร้าง Passive Income จากอสังหาริมทรัพย์หรือเงินปันผล และจัดสรรเงินออมถึง 41% ของพอร์ตไว้สำหรับการเกษียณโดยเฉพาะ ผ่านเครื่องมือความเสี่ยงต่ำ เช่น RMF หรือกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ

 

4.Baby Boomer - วัยอิสระ (อายุ 60 ปีขึ้นไป): Active Aging วัยเกษียณที่ใช้ชีวิตแบบไม่ยอมเกษียณ

  • เป็นวัยเก๋าสำราญที่ยังอยากทำสิ่งที่รักและมีชีวิตบั้นปลายที่สุขสงบ โดย 83% มีการวางแผนการเงินเกษียณไว้ล่วงหน้าแล้ว
  • ยังคงมีศักยภาพในการทำงาน ยังไม่หยุดทำงาน โดย 32% ยังมีรายได้หลักจากการทำงานของตนเอง แต่ต้องระมัดระวังการใช้จ่ายเพื่อเตรียมเงินให้พอใช้ยาวนานถึง 20-25 ปี หลังหยุดทำงาน
  • ให้ความสำคัญสูงสุดกับค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพและการรักษาเงินต้น (Wealth Preservation) โดยเน้นลงทุนในสินทรัพย์ความเสี่ยงต่ำ เช่น เงินฝาก หรือประกันสะสมทรัพย์ เพื่อให้เงินก้อนที่มีอยู่อยู่รอดปลอดภัยตลอดอายุขัย

 

เห็นได้ว่าเนื่องจากโจทย์ชีวิตและเป้าหมายของคนแต่ละเจเนอเรชันแตกต่างกัน การก้าวสู่ชีวิตที่ยั่งยืนจึงจำเป็นต้องเริ่มจากรากฐานทางการเงินที่ถูกต้อง ซึ่งสอดคล้องกับเจตนารมณ์ของแคมเปญ GO Sustainable with krungsri ที่กรุงศรีเชื่อมั่นว่า คำว่า "ความยั่งยืน" (Sustainability) ต้องเริ่มจากสิ่งใกล้ตัวที่สุด นั่นคือ "ความมั่นคงทางการเงิน" ของแต่ละบุคคล จึงเป็นที่มาของมุมมอง “จุดเริ่มต้นของชีวิตที่ยั่งยืนคือการเงินที่มั่นคง” 

 

ทั้งนี้ มิ่งขวัญ กล่าวว่า กรุงศรีได้ต่อยอด 2 โซลูชัน เพื่อช่วยให้คนไทยสามารถเริ่มต้นชีวิตที่ยั่งยืนจากการเงินที่มั่นคงได้ง่าย และลงมือทำได้จริง ได้แก่ 

 

1.Krungsri Financial Health Check ​เครื่องมือตรวจสุขภาพการเงินออนไลน์ที่ใช้งานง่าย ช่วยให้ผู้ใช้เช็กความพร้อมทางการเงินตามเป้าหมายชีวิต เพียงตอบคำถามสั้นๆ ในรูปแบบที่ให้ความรู้สึกเหมือนคุยกับเพื่อน ประมวลผลให้ทันที พร้อมคำแนะนำเบื้องต้นได้ทุกที่ผ่าน LINE @Krungsrisimple ด้วยการพิมพ์คำสั่ง“เช็คสุขภาพการเงิน”   

 

2.Krungsri The COACH แหล่งรวมความรู้และคำแนะนำจากกูรูผู้เชี่ยวชาญ ที่ช่วยวางแผนการเงินให้ตรงกับเป้าหมายของแต่ละช่วงวัย ด้วยคอนเซ็ปต์ “โค้ชเรื่องเงิน ให้เป็นเรื่องง่าย” เพื่อให้ความรู้ ตอบโจทย์ทุกความต้องการ และไขข้อสงสัยทุกเรื่องด้านการเงิน ในรูปแบบที่เข้าใจง่าย นำไปใช้ได้จริง

 

รวมทั้งสร้างแรงบันดาลใจในเรื่องการบริหารจัดการทางการเงินให้กับลูกค้าทุกกลุ่มในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการออม การใช้จ่าย การบริหารหนี้ ความคุ้มครอง และการลงทุน สานต่อเป้าหมายของกรุงศรีในการเป็นผู้นำด้านที่ปรึกษาทางการเงินให้คนไทย เพื่อให้คนไทยทุกคนพร้อมก้าวสู่ชีวิตที่ยั่งยืนได้อย่างมั่นใจ ผ่านเว็บไซต์ ซึ่งรวบรวมบทความต่างๆ สร้างการมีส่วนร่วมสูงกว่า 20% ของทราฟฟิกทั้งหมด ขณะที่คลิปต่างๆ ของKrungsri The COACH เติบโตขึ้น 62% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ปัจจุบันรายการมียอดรับชมรวมกว่า 45 ล้านครั้งบน Facebook, YouTube และ TikTok 

 

นอกจากนี้ บนช่องทางโซเชียลมีเดียของ Krungsri Simple ยังมีการนำเสนอ เกร็ดความรู้ด้านการเงิน ผ่านบทความและโพสต์อย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยให้คนไทยสามารถลงมือเริ่มต้นชีวิตที่ยั่งยืนด้วยการเงินที่มั่นคงได้จริง

 

ข่าวล่าสุด

ไฟดับซานฟรานซิสโก ทำ Robotaxi ของ Waymo จอดแน่นิ่งทั้งเมือง