สร้างบ้าน รับมือภัยธรรมชาติ
ภัยที่เกิดจากธรรมชาติ ทั้งแผ่นดินไหว น้ำท่วม และลมพายุ เราไม่สามารถคาดการณ์ได้เลยว่าจะเกิดเมื่อไร
ภัยที่เกิดจากธรรมชาติ ทั้งแผ่นดินไหว น้ำท่วม และลมพายุ เราไม่สามารถคาดการณ์ได้เลยว่าจะเกิดเมื่อไร สิ่งที่ทำได้คือป้องกันด้วยการมองการณ์ไกลว่าอาจเกิดปัญหาใดและเตรียมพร้อมหาวิธีแก้ไขที่ถูกต้อง ดังนั้น ก่อนที่จะออกแบบหรือก่อสร้างบ้านจึงควรคำนึงถึงปัญหาเหล่านี้ให้มากบ้านส่วนใหญ่ที่ได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติมากๆ จะตั้งอยู่ในต่างจังหวัด ในพื้นที่ธรรมชาติอย่างป่าเขา ทุ่งหญ้า ท้องนา หรือริมน้ำเพื่อหลีกเลี่ยงภัยดังกล่า่วก็ควรออกแบบบ้า้นให้เ้หมาะสมกับสภาพแวดล้อมนั้นๆ “บ้านและสวน” มีคำแนะนำดีๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้มาฝากกัน
พื้นดินที่ตั้งนั้นสำคัญไฉน
เมื่อเกิดแผ่นดินไหวหรือน้ำป่าไหลหลาก สภาพชั้นดินที่แข็งแรงจะช่วยยึดบ้านให้ปลอดภัย ควรเลี่ยงปลูกบ้านบนพื้นที่ที่เป็นหินกรวด ทรายหรือดินเหลว ควรเลือกพื้นที่ที่เป็นชั้นหินแข็งแรง หรือชั้นดินที่หนาแน่นลองสำรวจด้วยตาเปล่าก่อนขั้นแรก ถ้าจะให้แน่ใจควรให้วิศวกรเจาะสำรวจอีกครั้ง ควรหลีกเลี่ยงเนินหินและต้นไม้ใหญ่ เนื่องจากการปลูกบ้านบนหรือภายใต้เนินหินมีโอกาสถล่มลงมาได้ รวมถึงต้นไม้ใหญ่ที่สามารถล้มลงมาทับบ้านเมื่อเกิดลมพายุ และอย่าลืมเว้นระยะให้ห่างจากรัศมีการล้มของต้นไม้ด้วย
ส่วนยอดและส่วนต่ำสุดนั้นอันตราย
ตามหลักการทางวิทยาศาสตร์ ลมพายุจะมีกำลังแรงที่สุดเมื่อพัดผ่านยอดเขา ยอดเนิน หรือที่ราบหุบเขาต่ำลงไป จึงไม่ควรปลูกบ้านบริเวณนี้ หลังคาเบาบ้านไม่ถล่ม บ้านที่มีหลังคาหรือส่วนบนของบ้านหนักเกินไป ไม่ว่าจะด้วยวัสดุที่ใช้ทำหรือมีสิ่งของบรรทุกมาก เมื่อเกิดแผ่นดินไหว หลังคามีโครงจะถล่มลงมาง่ายกว่าอาคารที่มีหลังคาน้ำหนักเบา รวมไปถึงการใช้วัสดุที่ยืดหยุ่น เช่น ไม้หรือเหล็ก ก็จะช่วยเพิ่มความแข็งแรงมากขึ้นด้วย
หลายวัสดุหลายรอยต่อ
ผนังของบ้านหรืออาคารไม่ควรประกอบด้วยวัสดุที่หลากหลายมากเกินไป เพราะจะทำให้มีรอยต่อมากมายกลายเป็นจุดที่อ่อนแอที่สุดของบ้าน มีโอกาสเสี่ยงที่จะเสียหายได้ก่อนส่วนอื่นๆ ควรเลือกใช้วัสดุทำผนังเพียงชนิดเดียวและต้องมีความยืดหยุ่นสูงด้วย
เพิ่มความยาวเข็ม
หากทราบว่าหน้าดินของพื้นที่ที่จะสร้างบ้านมีการสไลด์ ควรออกแบบเสาเข็มให้มีความยาวมากกว่าปกติเพื่อป้องกันการเสียหายของหน้าดินที่จะส่งผลต่อความแข็งแรงของโครงสร้าง
สำรวจระดับน้ำที่เคยท่วมถึง
เมื่อทราบระดับน้ำที่เคยท่วมถึงแล้ว ควรออกแบบหรือสร้างบ้านให้ยกสูงจากระดับน้ำนั้นพอควร โดยตัวบ้านต้องตั้งบนเสาเข็มหรือกำแพงกันดินที่แข็งแรง อาจเสริมโครงสร้างทแยงเพื่อรัดโครงสร้างบ้านให้แข็งแรงขึ้น
แยกอาคารลดอัตราเสี่ยง
รูปทรงอาคารที่ปลอดภัยที่สุดเมื่อเกิดลมพายุคือรูปทรงสี่เหลี่ยมขนาดเล็ก อาคารที่มีขนาดใหญ่หรือทอดตัวยาวเป็นรูปตัวแอล (L) โดยไม่ได้แยกอาคารออกจากกัน ก็มีความเสี่ยงที่จะเกิดความเสียหายมากกว่า ทรงหลังคาที่ลู่ลม หลังคาที่มีความลาดเอียงทั้งสี่ด้าน หรือที่เรียกว่า “ปั้นหยา” เป็นทรงหลังคาที่ปลอดภัยจากลมพายุมากกว่าทรงจั่ว ทรงหมาแหงน และหลังคาแบนราบ ระวังช่องเปิดเหนือผนัง ไม่ควรทำช่องเปิดที่ลมสามารถพัดผ่านได้บริเวณระหว่างเหนือผนังกับใต้หลังคา เพราะลมจะสามารถพัดผ่านและพัดเอาหลังคาหลุดลอยไปได้หากต้องการช่องเปิด ควรพิจารณาตำแหน่งที่ต่ำลงมาประมาณ 1 ม.
หลีกเลี่ยงกระจก
ควรหลีกเลี่ยงการใช้กระจกมาทำเป็นประตูและหน้าต่าง ลองเลือกใช้ไม้ อะลูมิเนียม เหล็ก หรือพลาสติกแทน แต่หากต้องการจะใช้จริงๆ ก็ควรเป็นกระจกนิรภัยเพราะเมื่อแตกแล้วจะแตกละเอียดเป็นเม็ดเล็กๆ หรือเลือกกระจกลามิเนตที่มีฟิล์มสอดอยู่ตรงกลาง เวลาแตกก็จะไม่หล่นลงมา เพราะมีฟิล์มป้องกันอยู่
เปิดออกแข็งแรงกว่า
ประตูบานเปิดออกสู่ภายนอกจะมีความแข็งแรงทนทานต่อแรงลมมากกวา่ บานประตูทเี่ ปิดเข้าภายในบ้า้นแยกกันสาดจากหลังคา ไม่ควรให้มีส่วนใดส่วนหนึ่งของกันสาดเชื่อมต่อกับหลังคา เพราะหากเกิดความเสียหายกับกันสาดก็จะไม่ส่งผลไปถึงหลังคา นอกจากนี้ ไม่ควรออกแบบชายคาที่ยื่นยาวเกินไป เพราะจะเพิ่มพื้นที่ในการปะทะของลม และจะเกิดความเสียหายมากขึ้น


