พีน่าทุ่ม 500ล.ผุด ‘ซันโตรินี พาร์ค ชะอำ’
กลุ่มพีน่า ต่อยอดธุรกิจแฟชั่น-ค้าปลีก ทุ่ม500 ล้านบาทผุดโครงการใหม่ ‘ซันโตรินี พาร์ค ชะอำ’ เจาะนักท่องเที่ยวเข้าหัวหิน 4ล้านคนต่อปี หวังคืนทุนใน6ปี
กลุ่มพีน่า ต่อยอดธุรกิจแฟชั่น-ค้าปลีก ทุ่ม500 ล้านบาทผุดโครงการใหม่ ‘ซันโตรินี พาร์ค ชะอำ’ เจาะนักท่องเที่ยวเข้าหัวหิน 4ล้านคนต่อปี หวังคืนทุนใน6ปี
น.ส.นัสวีร์ ตันติจิรสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัทธีม พลาซ่า ดีวีลอปเม้นท์ ในเครือบริษัทพีน่า กรุ๊ป ผู้ดำเนินธุรกิจเครื่องแต่งกายแฟชันและค้าปลีก แบรนด์ พีน่า เฮ้าส์ และ พรีเมี่ยม เอ้าทเล็ต เปิดเผยว่าบริษัทใหม่ดังกล่าว ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี54 เพื่อดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ค้าปลีกรูปแบบใหม่ภายใต้ชื่อ ‘ซันโตรินี พาร์ค ชะอำ’(SANTORINI PARK CHA-AM) โดยใช้งบลงทุนกว่า 500 ล้านบาท บนพื้นที่ 60ไร่
สำหรับโครงการดังกล่าว ตั้งอยู่บนถนนเพชรเกษมขาเข้ากรุงเทพฯ หรือห่างจากกรุงเทพฯราว 190 กม. โดยได้แนวคิดการออกแบบโครงการฯ มาจากงานสถาปัตยกรรมสีฟ้า-ขาวบนเกาะซานโตรินี ประเทศกรีซ เพื่อสร้างร้านค้าปลีกรูปแบบใหม่ด้วยสโลแกน ‘มูส ช้อปปิง เอ็กซพีเรียนซ์’หรือ ประสบการณ์ช้อปปิงสุดสนุกจากกลุ่มเครื่องเล่น 6 ชนิดจากทั่วโลก โดยจะทดลองเปิดให้บริการในวันที่ 24 มี.ค.นี้ ก่อนเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในวันที่ 5 พ.ค.ปีนี้
ทั้งนี้มีร้านค้าปลีกในโครงการฯราว 60% ที่จองพื้นที่ฯไปแล้ว ส่วนที่เหลืออีก40% บริษัทมีความสนใจร้านค้าในกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางย่อม(เอสเอ็มอี) โดยแบ่งเป็น 5โซนหลัก คือ โซนวิลเลจ ที่รวบรวมร้านค้าประเภทต่างๆ, โซนพาร์ค หรือสวนสนุกขนาดย่อม จากเครื่องเล่นชิงช้าสวรรค์ สูง40 เมตร ม้าหมุน 2ชั้น เป็นต้น, โซน อีเวนต์ ลานจัดกิจกรรมตลอดทั้งปี, โซน วีคเอนด์ อาร์ท มาร์เก็ต จัดขึ้นในวันเสาร์-อาทิตย์ และโซน เรสต์ แอเรีย เพื่อรองรับให้บริการด้วยร้านอาหารแบรนด์ต่างๆ
“ในส่วนของร้านค้าปลีกให้เช่าโครงการดังกล่าวของบริษัท จะมีขนาดพื้นที่ตั้งแต่ 12 ตารางเมตร-72 ตารางเมตร โดยวางราคาค่าเช่าพื้นที่เฉลี่ย 1,000 บาทต่อตารางเมตร” น.ส.นัสวีร์ กล่าว
ขณะที่กลุ่มเป้าหมายหลักโครงการเป็นนักท่องเที่ยว ซึ่งจากสำรวจพบว่ามีปริมาณนักท่องเที่ยวเดินทางไปยังอำเภอหัวหิน ราว 4 ล้านคนต่อปี แบ่งสัดส่วนเป็นกลุ่มคนกรุงเทพฯสูงถึง80% และมีอัตราเติบโตต่อเนื่องทุกปี ซึ่งบริษัทยังพบว่ามีปริมาณรถหมุนเวียน(ทราฟฟิก)ราว 2-3 หมื่นคนในวันเสาร์-อาทิตย์ และในวันหยุดสูงถึง 1.2แสนคันต่อวัน ที่เข้ามาจับจ่ายซื้อสินค้าในโครงการค้าปลีกพรีเมี่ยม เอาท์เลท สาขาชะอำโดยมียอดขายเพิ่มขึ้น 15%-20% ในรอบ7-8ปีที่ผ่านมา หรือประมาณกว่า1,000-2,000 บาทต่อคนใบเสร็จ
น.ส.นัสวีร์ กล่าวว่าสำหรับการขยายธุรกิจดังกล่าว เป็นการต่อยอดในธุรกิจเดิมด้านอุตสาหกรรมสิ่งทอเครื่องแต่งกาย(การ์เมนท์)และแฟชันของบริษัทแบรนด์ พีน่า เฮ้าส์ ที่อยู่ในตลาดมานานกว่า 30ปีถึงปัจจุบัน ที่รับสิทธิการบริหารแบรนด์แฟชันต่างๆ อาทิ พีน่า เฮ้าส์ , เท็น แอนด์ โค และล่าสุด ทิมเบอร์แลนด์ รวมถึงธุรกิจโรงแรมไอยรา บีช บนเกาะสมุย
สำหรับแนวทางการดำเนินธุรกิจบริษัทพีน่า เฮ้าส์นับจากนี้ไป จะมุ่งสร้างอัตราการเติบโตทางธุรกิจแบบไม่หวือหวามากนัก แต่จะทำกำไรจากการลดต้นทุน และปรับกระบวนการผลิต รวมถึงการบริหารจัดการทั้งหมด ซึ่งใน1-2ปีจากนี้ บริษัทเตรียมรับสิทธิบริหาร(ไลเซนส์) แฟชันเครื่องแต่งกายแบรนด์ใหม่จากต่างประเทศเข้ามาทำตลาดด้วย จากปัจจุบันบันบริษัทมีสาขาร้านแบรนด์ต่างๆทั้งสิ้น 180 จุดทั่วประเทศ และมี ปลีกพรีเมี่ยม เอาท์เลท 6 แห่ง คือ อยุธยา, นครราชสีมา, อุดรธานี, พัทยา, ภูเก็ต และกระบี่ โดยในปีก่อนบริษัทมีผลประกอบการกว่า 4,000 ล้านบาท คาดโครงการ ‘ซันโตรินี พาร์ค ชะอำ’ จะถึงจุดคุ้มทุนใน 6ปี


