posttoday

ชาญอิสสระร่วมสหพัฒน์ เร่งมิกซ์ยูสหัวหินเฟส2

22 มีนาคม 2561

โครงการมิกซ์ยูสมีการพัฒนาให้เห็นมากขึ้นทั้งในกรุงเทพฯ และในหัวเมืองใหญ่หรือจังหวัดท่องเที่ยว ซึ่งชะอำ-หัวหิน ถือว่าเป็นทำเลที่ได้รับความนิยมมีการเติบโตอย่างมาก

โดย...อรวรรณ จารุวัฒนะถาวร

โครงการมิกซ์ยูสมีการพัฒนาให้เห็นมากขึ้นทั้งในกรุงเทพฯ และในหัวเมืองใหญ่หรือจังหวัดท่องเที่ยว ซึ่งชะอำ-หัวหิน ถือว่าเป็นทำเลที่ได้รับความนิยมมีการเติบโตอย่างมาก เพราะปัจจัยบวกไม่ว่าจะเป็นการลงทุนสาธารณูปโภคภาครัฐ จำนวนนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ ซึ่งมีการเติบโตต่อเนื่องปัจจุบันมีกว่า 5 ล้านคน

สงกรานต์ อิสสระ ประธาน เจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ เปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทร่วมอิสสระ ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนกันระหว่างบริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ บริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล และบริษัท สหพัฒนพิบูล เตรียมพัฒนาอาณาจักรทิวทะเลเอสเตทเฟสที่ 2 โครงการมิกซ์ยูส บนพื้นที่ชะอำ-หัวหิน

ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา มีการพัฒนา 4 โครงการ ทั้งคอนโดมิเนียม วิลล่า และบ้านพักตากอากาศรวมมูลค่ากว่า 7,200 ล้านบาท ซึ่งได้ดำเนินการพัฒนาพื้นที่ไปแล้วประมาณ 50 ไร่ จากพื้นที่ทั้งหมด 110 ไร่ และในปีนี้จะมีการพัฒนาโครงการใหม่ๆ เพิ่มบนพื้นที่อีกราว 20 ไร่ ทั้งนี้ วางเป้าหมายให้เป็นศูนย์รวมความครบวงจรสำหรับผู้ที่เข้ามาใช้บริการและมุ่งสู่ความเป็นชุมชนริมชายหาดที่หรูหราที่สุด (The Ultimate Luxury Beachfront Community)

ด้าน ดิฐวัฒน์ อิสสระ กรรมการ ผู้จัดการ บริษัท ร่วมอิสสระ กล่าวว่า แผนพัฒนาอาณาจักรทิวทะเลเอสเตทในปีนี้จะใช้งบการลงทุนเกือบ 2,000 ล้านบาท เพื่อพัฒนาโครงการต่างๆได้แก่ การพัฒนาโรงแรมซีวิวสูง 11 ชั้น จำนวน 49 ห้อง พร้อมพัฒนาพื้นที่ให้มีห้องบอลรูม ห้องประชุมขนาดใหญ่ คูลสปา คิดส์คลับ ร้านอาหาร มูลค่าลงทุนราว 800 ล้านบาท คาดว่าจะเปิดให้บริการในปี 2563 เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่เพิ่มมากขึ้น

นอกจากนี้ ยังมีแผนพัฒนาวิลล่ามูลค่าการลงทุนราว 100 ล้านบาท เพิ่มจากปัจจุบันที่เปิดขาย 11 หลัง ราคาขายเริ่ม 43 ล้านบาท ขายไปแล้ว 8 หลัง โดยบริษัทบริหารการเช่าโดยมีอัตราผลตอบแทนการเช่าเฉลี่ย 4-5% รวมทั้งพัฒนาคอมมูนิตี้มอลล์และปั๊มน้ำมันที่สวยที่สุด ลงทุนราว 300 ล้านบาท

ขณะที่มีแผนพัฒนาคอนโดมิเนียมเพื่อการลงทุนปล่อยเช่าในรูปแบบของไทม์แชริ่ง ซึ่งจะเป็นบิซิเนสโมเดลใหม่เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่กว้างขึ้น โดยขณะนี้กำลังศึกษารูปแบบแพ็กเกจที่จะให้บริการ คาดว่าจะเห็นความชัดเจนทุกโครงการในไตรมาส 3 ปีนี้

สำหรับความคืบหน้าทั้ง 4 โครงการ ได้แก่ โครงการบ้านทิวทะเลอควา มารีน ปัจจุบันมียอดขายแล้วกว่า 97% โครงการบ้านทิวทะเลบลูแซฟไฟร์มียอดขายกว่า 75% โครงการบลูมียอดขายกว่า 50% และโครงการบาบาบีชคลับโฮเทลแอนด์เรสซิเดนซ์ หัวหิน ซึ่งเปิดตัวเมื่อช่วงปลายปี 2560 ที่ผ่านมา ปัจจุบันมียอดขายในส่วนของเรสซิ เดนซ์ไปแล้วกว่า 70%

อย่างไรก็ดี มองว่าตลาดอสังหาฯ ยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพราะที่ดินติดชายหาดแปลงใหญ่หายากและราคาแพง ส่งผลให้ราคาคอนโดมีการปรับขึ้นเฉลี่ยปีละ 5-10% ทั้งนี้จากการที่มีดีเวลอปเปอร์รายใหญ่จะเข้ามาเปิดโครงการขนาดใหญ่ในพื้นที่อีก 4-5 โครงการ สิ่งนี้จะยิ่งส่งผลให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชะอำ-หัวหิน มีความคึกคักมากขึ้น