โฮมออฟฟิศสุดสวยของ บัณฑิต นิลเจียรสกุล

โดย...อนุสรา ทองอุไร ภาพ วิศิษฐ์ แถมเงิน

เพราะกรุงเทพมหานครของเรามีปัญหาการจราจรที่ติดขัดแบบเรื้อรังมาอย่างยาวนานจนยากที่จะทำใจได้ หลายคนไม่มีทางเลือก บ้านอยู่ทางที่ทำงานข้ามฟากไปอีกทาง แต่ถ้าใครสามารถมีกำลังที่จะจัดการให้บ้านกับที่ทำงานอยู่ใกล้กันหรือให้ดียิ่งกว่าก็คือใช้บ้านเป็นโฮมออฟฟิศเสียเลยถ้าทำได้ถือว่าโชคดี เพราะคุณจะมีเวลาเพิ่มขึ้นอีกอย่างน้อยวันละ 2 ชั่วโมงโดยไม่ต้องอึดอัดอยู่ในรถที่ติดหนัก

เขาคนนี้เลือกที่จะทำแบบนั้น บัณฑิต นิลเจียรสกุล ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท บอนนี่ อินเตอร์เนชั่นแนล ผู้ผลิตและจำหน่ายกระเป๋าเดินทางบอนนี่ โปโลเวิลด์ และยังนำเข้ากระเป๋าเดินทางแบรนด์ดังอย่าง ริโมว่า ทั้งผลิตเองและนำเข้ากว่า 10 แบรนด์ เขาถือเป็นรุ่นที่ 2 ของธุรกิจนี้ที่ดำเนินการมากว่า 30 ปี

วันนี้เขาพามาเปิดบ้านย่านบางลำพู ที่เป็นอาคารขนาดใหญ่ สูง 6 ชั้น บนเนื้อที่ 1 ไร่เศษๆ โดยชั้น 13 เป็นส่วนของสำนักงาน ส่วนชั้นที่ 46 เขาแบ่งพื้นที่ใช้สอยชัดเจน ชั้น 4 เป็นส่วนห้องครัวไทยและห้องรับประทานอาหารขนาด 20 ที่นั่ง และโต๊ะอาหารสำหรับ 6 ที่นั่ง สระว่ายน้ำขนาดกลาง

 

ส่วนชั้น 5 เป็นส่วนห้องรับแขก ห้องนั่งเล่น มุมแพนทรี มุมทำงาน ชั้น 6 เป็นห้องนอนขนาดใหญ่ของเจ้าของบ้าน ห้องแต่งตัว ห้องนอนเล็กของลูกสาว ห้องพระเล็กๆ ส่วนชั้นล่างสุดเป็นที่จอดรถ และสวนหย่อมขนาดเล็กๆ การตกแต่งเน้นโทนสีขาวครีม ใช้ไม้เป็นองค์ประกอบหลักของพื้นและโครงบันได เฟอร์นิเจอร์จะใช้ไม้กับผ้าโทนสีครีมและน้ำตาลอ่อน ทุกชั้นของระเบียงบ้านจะปลูกไม้กระถางไว้ทุกชั้นเพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียว การตกแต่งต่างๆ จะเน้นความเรียบง่ายน้อยชิ้น แบบโคซีสบายๆ กรุกระจกรอบด้านเพื่อให้บ้านสว่างด้วยแสงธรรมชาติ ตอนกลางวันก็เปิดม่านแล้วไม่ต้องเปิดไฟใช้แสงแดดธรรมชาติดีกว่า แล้วเปิดพัดลมเปิดหน้าต่างบ้างก็เย็นสบาย ไม่ต้องบ่มอยู่ในแอร์ตลอดเวลา

“ผมชอบความเรียบง่าย ชอบห้องโล่งๆ เพดานสูงๆ แล้วลูกสาวก็ยังเล็กๆ อยู่ไม่อยากให้มีของวางเยอะๆ กลัวเขาชนกระแทกโน่นนี่ กลัวลูกเจ็บตัวของพังอีก ของตกแต่งก็เป็นของที่ซื้อสะสมไว้แบบที่เราชอบจริงๆ ไม่กี่ชิ้น” เขากล่าวด้วยรอยยิ้ม

บัณฑิต บอกว่าเขาให้ความสำคัญกับบ้านมาก เนื่องจากใช้เวลาทำงานอยู่ที่บ้านเยอะ บางทีไม่ได้ลงมาที่ออฟฟิศก็นั่งทำงานอยู่ที่ชั้นบนของบ้าน เพราะให้ความรู้สึกผ่อนคลายได้สมาธิ สำหรับเขาบ้านคือทุกสิ่งทุกอย่างเป็นที่พักอาศัยยามเหนื่อยล้า เป็นศูนย์รวมความรักความอบอุ่นของทุกคนในครอบครัว

“ผมทำให้บ้านมีทุกอย่างครบวงจร คือมีสระว่ายน้ำ ห้องออกกำลังกาย มีมุมทำงาน มีสวนหย่อม คือบ้านตอบโจทย์ทุกอย่างที่เราควรจะใช้ เพื่อจะได้ไม่ต้องไปหาความสะดวกสบายนอกบ้าน วันหยุดก็พาลูกไปว่ายน้ำที่สระข้างล่างนั่งจิบน้ำชาข้างสระว่ายน้ำไม่ต้องเสียเวลาเดินทางฝ่ารถติดไปที่อื่น” เขากล่าวอย่างมีความสุข