posttoday

มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯจัดสัมมนาแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมเชียงรายอย่างยั่งยืน

05 สิงหาคม 2562

มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯจัดสัมมนา “สิ่งแวดล้อมเชียงราย การแก้ไขปัญหาสู่ความยั่งยืน” ระดมสมองกระตุ้นคนรุ่นใหม่ให้หันมาใส่ใจการใช้ชีวิตประจำวันอย่างจริงจัง

มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯจัดสัมมนา “สิ่งแวดล้อมเชียงราย การแก้ไขปัญหาสู่ความยั่งยืน” ระดมสมองกระตุ้นคนรุ่นใหม่ให้หันมาใส่ใจการใช้ชีวิตประจำวันอย่างจริงจัง

มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ จัดสัมมนาสัมมนาประจำปี 2562 ของ อุทยานศิลปะวัฒนธรรมแม่ฟ้าหลวง (ไร่แม่ฟ้าหลวง) ในหัวข้อ “สิ่งแวดล้อมเชียงราย การแก้ไขปัญหาสู่ความยั่งยืน” เพื่อระดมแนวคิดและสร้างความตระหนักรู้ ถึงการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม และกระตุ้นคนรุ่นใหม่หันมาใส่ใจการใช้ชีวิตประจำวันอย่างจริงจัง ภายในงานมีประชาชน และนักศึกษาร่วมฟัง เป็นจำนวนมาก ณ ศาลาแก้ว อุทยานศิลปวัฒนธรรมแม่ฟ้าหลวง (ไร่แม่ฟ้าหลวง)

มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯจัดสัมมนาแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมเชียงรายอย่างยั่งยืน

อ.นคร พงค์น้อย กรรมการ มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ และผู้อำนวยการอุทยานศิลปะวัฒนธรรมแม่ฟ้าหลวง (ไร่แม่ฟ้าหลวง) กล่าวถึงการจัดงานว่า เพื่อ ต้องการเป็นกระบอกเสียงและระดมความคิดจากวิทยากรในภาคส่วนต่างๆ ของสังคมที่มีความเชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อม ตลอดจนผู้ที่เกี่ยวข้องหรือได้รับผลกระทบปัญหาเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมโดยตรง มาร่วมแชร์ประสบการณ์และความรู้ในมุมมองที่แตกต่าง โดยมีการยกตัวอย่างปัญหาที่เกิดขึ้นในจ.เชียงรายขึ้นมาเป็นกรณีศึกษา เพื่อสร้างความตระหนักรู้และรณรงค์ให้ทุกคนหันมาใส่ใจปัญหาสิ่งแวดล้อมที่กำลังส่งผลกระทบอย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มมากยิ่งขึ้น

 

มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯจัดสัมมนาแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมเชียงรายอย่างยั่งยืน

อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติชาวเชียงราย ได้แสดงทัศนะถึงต้นเหตุของปัญหาสิ่งแวดล้อมเกิดจากคนไทยส่วนใหญ่ขาดสุนทรียภาพ ซึ่งเป็นพื้นฐานในการสร้างวินัยในการใช้ชีวิตอย่างรุนแรง บ้านเมืองจะงดงามมากแค่ไหน ถ้าสิ่งแวดล้อมสกปรกก็จบ วัดร่องขุ่นต่อให้งดงามขนาดไหน ถ้าเต็มไปด้วยขยะที่คนมาทิ้งในวัด ก็จะทำให้เกิดภาพที่ไม่น่ามอง ดังนั้น เราจะทำอย่างไรให้เกิดสุนทรียภาพที่สะอาดตา เวลาเราเข้าไปสถานที่ใดแล้วสะอาดไม่เห็นขยะ ดังนั้น ความสะอาด คือ สวย คือ สุนทรียภาพหรือการสร้างวินัยที่คนไทยไม่มี ดังนั้น ต้องปลูกฝังให้มีการเรียนวิชาสุนทรียภาพ เพื่อทำให้คนเป็นคนดี มีศีลธรรม ประเทศและธรรมชาติก็จะงดงามตามมา

นายวิทิตนันท์ โรจนพานิช นักปีนเขาระดับโลก และคนไทยคนแรกที่สร้างประวัติศาสตร์พิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์ มีข้อมูลที่ค้นพบน่าตกใจมากว่าโลกเราเหลือเวลาอีกแค่ 11 ปีครึ่ง ที่จะกอบกู้วิกฤตขยะในแม่น้ำ ทะเล มลพิษจากการเผาไหม้ ที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จากการกระทำของคนในโลก ถ้าไม่ช่วยกันทำให้ทะเลกลับไปเป็นเหมือนเดิม ปี 2050 โลกจะเต็มไปด้วยโรคร้าย การสูญพันธุ์ของสิ่งมีชีวิตจะเกิดขึ้นแน่นอน เมื่อถึงเวลานั้นก็สายเกินกว่า ที่เราจะสามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้

มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯจัดสัมมนาแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมเชียงรายอย่างยั่งยืน

ด้าน ดร.ธนพงศ์ ดวงมณี วิศวกรสิ่งแวดล้อมอาวุโส มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ กล่าวแนวทางการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมว่า เราทุกคนต้องเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตอย่างเร่งด่วน เพราะพฤติกรรมของมนุษย์เป็นเหตุผลหลักที่ทำให้โลกร้อน ดังนั้น มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ จึงมีเป้าหมายในการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยใช้แนวทาง ใช้น้อย คือ ลดการใช้พลังงานจากฟอสซิล และ ปล่อยน้อย คือลดการปล่อยมลพิษสู่สิ่งแวดล้อม จึงเกิดนโยบายการจัดการขยะจากต้นทาง เริ่มจากการลดปริมาณขยะ เพื่อลดปัญหามลพิษต่างๆ ที่เกิดจากการกำจัดของเสียโดยวิธีการฝังกลบและเผาทิ้ง

อย่างไรก็ตาม โครงการนี้เริ่มมาตั้งแต่ปี 2555 ซึ่งปริมาณขยะที่ไปสู่บ่อฝังกลบลดลงเรื่อยๆ จนในปี 2561 เราสามารถจัดการจนไม่มีขยะสู่บ่อฝังกลบได้ทั้งหมด หรือเรียกว่า Zero Waste to Land Fill (ซีโร่ เวสต์ ทู แลนด์ฟิล) วิธีการจัดการกับขยะ 6 ประเภท ได้แก่ ขยะย่อยสลาย, ขยะขายได้, ขยะเปื้อน, ขยะพลังงาน, ขยะอันตราย และขยะห้องน้ำ โดยยึดหลัก 4R : Reduce(รีดิว), Reuse(รียูส), Repair(รีแพร์), Recycle(รีไซเคิล) ลด งด ใช้ ถุงพลาสติกที่ใช้ครั้งเดียวทิ้งและเน้นเรื่องเศรษฐกิจหมุนเวียน เราแก้ปัญหานี้ด้วยการสร้างศูนย์แยกขยะและพยายามทำอย่างต่อเนื่องทุกปี อบรมพนักงานและคนในพื้นที่ให้มาดูงานของเราเพื่อสร้างแรงบันดาลใจว่าทำไมต้องแยกขยะ และพยายามขยายผลไปยังที่ต่างๆ ให้เข้าใจเข้าถึงได้มากขึ้น

มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯจัดสัมมนาแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมเชียงรายอย่างยั่งยืน

ขณะที่ พญ.วรรัตน อิ่มสงวน อายุรแพทย์โรคระบบทางเดินหายใจ โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ กล่าวถึงผลกระทบของสิ่งแวดล้อมที่ส่งผลกระทบกับมนุษย์เห็นเป็นรูปธรรมมากขึ้นทุกวัน และภัยที่มองไม่เห็นด้วยตาแต่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อเรา “ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ที่กลายเป็นปัญหาระดับประเทศที่ผ่านมาและยังคงน่ากลัว แม้กระแสจะเริ่มหายไป แต่ฝุ่นเหล่านี้ยังคงเป็นภัยร้ายแรง ดังนั้น เราต้องเริ่มช่วยกันอย่างจริงจังตั้งแต่ตอนนี้