posttoday

เมกะโปรเจกต์อีอีซี เริ่มแล้ว ก่อสร้างทางวิ่งที่ 2 และทางขับ สนามบินอู่ตะเภาฯ

11 ธันวาคม 2568

เริ่มแล้ว ก่อสร้างทางวิ่งที่ 2 และทางขับ สนามบินอู่ตะเภาฯ เมกะโปรเจกต์อีอีซี พร้อมเดินหน้าสู่ศูนย์กลางการบินระดับภูมิภาค

เมกะโปรเจกต์อีอีซี เริ่มแล้ว ก่อสร้างทางวิ่งที่ 2 และทางขับ สนามบินอู่ตะเภาฯ

การลงทุนเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ (Mega-projects) โดยเฉพาะในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกหรือ อีอีซี ถือเป็น "หัวใจสำคัญ" ในการวางรากฐานการเติบโตของประเทศในระยะยาว ไม่เพียงแต่เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้นผ่านการลงทุนมูลค่ามหาศาล ขับเคลื่อนให้เกิดการจ้างงานและการบริโภคเท่านั้น แต่ยังเป็นปัจจัยที่เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ลดต้นทุนโลจิสติกส์ และยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยในเวทีโลกได้อย่างยั่งยืน

 

เมกะโปรเจกต์อีอีซี เริ่มแล้ว ก่อสร้างทางวิ่งที่ 2 และทางขับ สนามบินอู่ตะเภาฯ

ล่าสุด พลเรือเอก ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้เป็นประธานในพิธีเริ่มงานก่อสร้าง (Groundbreaking Ceremony) โครงการทางวิ่งที่ 2 และทางขับ สนามบินนานาชาติอู่ตะเภา โดยมี ดร.ธาริศ อิสสระยั่งยืน และนายก่อเกียรติ ด่านชัยวิจิตร รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) และผู้บริหารจากบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) (ITD) เข้าร่วมงาน ณ พื้นที่ Isolated Pad สนามบินนานาชาติอู่ตะเภา จังหวัดระยอง

เมกะโปรเจกต์อีอีซี เริ่มแล้ว ก่อสร้างทางวิ่งที่ 2 และทางขับ สนามบินอู่ตะเภาฯ

พิธีดังกล่าวถือเป็น “หมุดหมายสำคัญ” ของการเริ่มต้นงานก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานหลัก
ในการพัฒนาเมืองการบินภาคตะวันออก เพื่อผลักดันสนามบินนานาชาติอู่ตะเภาสู่การเป็น ศูนย์กลางการบิน (Aviation Hub)
แห่งใหม่ของไทยและภูมิภาคอาเซียน โดยประธานในพิธีได้ประกอบพิธีกดปุ่มปล่อยตุ้ม ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ของปฐมฤกษ์การเริ่มต้นก่อสร้างอย่างเป็นทางการ

เมกะโปรเจกต์อีอีซี เริ่มแล้ว ก่อสร้างทางวิ่งที่ 2 และทางขับ สนามบินอู่ตะเภาฯ

โครงการก่อสร้างทางวิ่งที่ 2 และทางขับ สนามบินนานาชาติอู่ตะเภา เป็นหนึ่งในโครงการที่มีความสำคัญมากในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ โดยเมื่อ 30 ตุลาคม 2561 ครม.อนุมัติในหลักการโครงการพัฒนาสนามบินนานาชาติอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก ในกรอบวงเงินงบประมาณ 17,768 ล้านบาท เพื่อใช้ในการดำเนินการโครงการก่อสร้างทางวิ่ง และทางขับที่ 2 สนามบินนานาชาติอู่ตะเภา ต่อมาเมื่อ 1 พฤศจิกายน 2565 เห็นชอบเปลี่ยนแปลงแหล่งเงินของโครงการฯ จากเดิมใช้เงินงบประมาณ เป็นใช้เงินกู้ตามมาตรา 22 แห่ง พ.ร.บ.การบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ.2548 และที่แก้ไขเพิ่มเติม วงเงิน 16,210 ล้านบาท และอนุมัติเปลี่ยนแปลงหน่วยดำเนินโครงการ (Implementing Agency) จากเดิมสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) เป็นให้กองทัพเรือเป็นหน่วยดำเนินโครงการภายใต้แผนบูรณาการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ดังนั้น โครงการนี้มิใช่เพียงการก่อสร้างทางวิ่งเส้นใหม่แต่คือการวางรากฐานสำคัญให้กับอนาคตของประเทศ เป็นหัวใจในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) และเป็น
การยกระดับประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางการบินแห่งใหม่ ของภูมิภาคอย่างเต็มภาคภูมิ

สำหรับโครงการก่อสร้างทางวิ่งที่ 2 และทางขับ สนามบินนานาชาติอู่ตะเภา ได้มีการลงนามในสัญญาจ้างก่อสร้างฯ เมื่อ 12 กันยายน 2568 กำหนดเริ่มงานใน 28 พฤศจิกายน 2568 มีมูลค่าตามสัญญาจ้างเป็นเงิน 13,142 ล้านบาท ดำเนินการก่อสร้างภายในระยะเวลา 1,095 วัน โดยมีกำหนดแล้วเสร็จภายในวันที่ 29 ตุลาคม 2571 ประกอบด้วยงานสำคัญ ได้แก่:

  1. จ้างก่อสร้างทางวิ่งและทางขับที่ 2 สนามบินนานาชาติอู่ตะเภา ประกอบด้วย
    1. ทางวิ่งที่ 2 (Runway 36R/18L) ทางวิ่งที่ 2 (Second Runway) หมายเลข 36R/18L: ความยาว 3,505 เมตร ความกว้าง 60 เมตร
    2. ทางขับ (Taxiways) และทางขับออกฉับพลัน (Rapid Exit Taxiways) ความยาวรวม 36,820 เมตร ความกว้าง 23 เมตร
    3. ระบบประกอบและโครงสร้างพื้นฐาน ประกอบด้วยงานปรับปรุงคุณภาพชั้นดิน ระบบระบายน้ำ ระบบไฟฟ้าสนามบิน อาคารควบคุม และระบบสาธารณูปโภคที่เกี่ยวข้อง
  2. จ้างที่ปรึกษาควบคุมงาน (Consulting Service) งานก่อสร้างทางวิ่งที่ 2 และทางขับ
    สนามบินนานาชาติอู่ตะเภา

 

ด้าน ดร.ธาริศ อิสสระยั่งยืน รองเลขาธิการ สกพอ. กล่าวว่า โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาเป็นโครงการร่วมลงทุนที่ใช้กฎหมายร่วมลงทุนของ สกพอ. ในส่วนของสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก ก็แบ่งหน้าที่กันว่าเอกชนที่มาร่วมลงทุนทำอะไรบ้าง สำหรับภาครัฐมีสิ่งที่ต้องดำเนินการ ได้แก่ การสร้างรันเวย์ที่ 2 ที่ได้เริ่มดำเนินการ  การก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง หมายเลข 7 ที่ปัจจุบันถึงมาบตาพุด และจะต่อขยายมาเชื่อมสนามบินอู่ตะเภา ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้างโดยกรมทางหลวง รวมถึงการพัฒนาสาธารณูปโภคต่างๆ ระบบไฟฟ้า น้ำประปา ท่อน้ำมัน  เป็นต้น และจะมีโครงการที่ตามมาอีก เช่น งานสร้างหอบังคับการบิน โดยวิทยุการบิน และเมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จ จะเริ่มการทดสอบระบบและออกใบอนุญาตให้เปิดได้ โดยสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย ซึ่งคาดว่าน่าจะเปิดใช้ได้ภายในปี 2571

สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นชัดว่า การพัฒนาทางวิ่งเส้นใหม่ ไม่ใช่เพียงโครงการของหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง แต่เป็นงานขนาดใหญ่ที่เชื่อมโยงกับยุทธศาสตร์ของอีอีซี ที่ต้องการยกระดับเศรษฐกิจไทยให้พร้อมแข่งขันในระดับภูมิภาค

เมื่อโครงการฯ ทั้งหมดแล้วเสร็จ สนามบินนานาชาติอู่ตะเภา จะสามารถรองรับปริมาณเที่ยวบินและผู้โดยสาร ตลอดจนการขนส่งสินค้าทางอากาศที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ สิ่งนี้หมายถึงโอกาสสู่อุตสาหกรรมใหม่ๆ ตลอดจนการเชื่อมโยงกับเขตนิคมอุตสาหกรรมรอบอ่าวไทย สนามบิน จะทำหน้าที่มากกว่าประตูสู่การท่องเที่ยว แต่จะเป็น “เส้นเลือดหลัก” ที่หล่อเลี้ยงเศรษฐกิจในพื้นที่อีอีซี และภูมิภาคตะวันออก จะยกระดับขึ้นเป็น Aviation Hub “เมืองการบินภาคตะวันออก” อย่างเต็มภาคภูมิ

ข่าวล่าสุด

นักวิชาการ มธ. ชี้ยังไม่ใช่เวลาเจรจาสันติภาพ ต้องปกป้องอธิปไตยก่อน