posttoday

ผสาน AI เข้ากับ AR สู่แว่นตาอัจฉริยะที่ช่วยหาคำตอบเรียลไทม์

22 พฤษภาคม 2566

ChatGPT ถือเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยเปิดศักราชแห่ง AI อย่างแท้จริง ปัจจุบันเริ่มมีการนำไปใช้ร่วมกับหลากหลายสาขาวิชาชีพ แต่ทุกอย่างกำลังจะก้าวกระโดดไปอีกขั้น เมื่อล่าสุดมีการนำ ChatGPT ไปใช้ร่วมกับ AR เพื่อพัฒนาแว่นที่สามารถให้คำตอบแบบเรียลไทม์

การมาถึงของ ChatGPT ถือเป็นแรงสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ทางเทคโนโลยี ช่วยให้คนหันกลับมาสนใจ AI อย่างแพร่หลาย จากขีดความสามารถในการคอบคำถามไปจนการทำงานในสาขาต่างๆ สร้างความกังขาแก่ผู้คนและสังคมอย่างกว้างขวาง พร้อมข้อสงสัยถึงผลกระทบที่จะตามมานับจากนี้

 

          อย่างไรก็ตามเราปฏิเสธการมาถึงและใช้ประโยชน์จากปัญญาประดิษฐ์ไม่ได้ เมื่อสาขาวิชาชีพจำนวนมากเริ่มปรับตัวเข้าหา บางส่วนถึงขั้นนำ AI เข้ามาติดตั้งในอุปกรณ์ที่ใช้งานในชีวิตประจำวัน จนคาดว่าจะเป็นหนึ่งในวิทยาการที่ถูกใช้งานทั่วไปในอนาคต

 

          และล่าสุดเริ่มมีการนำ ChatGPT มาใช้ร่วมกับ AR สู่แว่นตาอัจฉริยะที่สามารถตอบคำถามแก่ผู้ใช้งานแบบเรียลไทม์

 

ผสาน AI เข้ากับ AR สู่แว่นตาอัจฉริยะที่ช่วยหาคำตอบเรียลไทม์

 

แว่นตาอัจฉริยะที่ช่วยหาคำตอบแก่ผู้ใช้งานโดยอัตโนมัติ

 

          ผลงานนี้เป็นของทีมวิจัยจาก Stanford University กับการทดลองนำ ChatGPT มาใช้งานควบคู่กับเทคโนโลยี Augmented Reality นำไปสู่การคิดค้นแว่นตาอัจฉริยะ rizzGPT ซึ่งมีคุณสมบัติในการรับฟังบทสนทนาที่เรากำลังพูด และสามารถแสดงคำตอบของคำถามดังกล่าวแบบเรียลไทม์

 

          ระบบพื้นฐานของแว่นตาอัจฉริยะนี้มาจาก Whisper ปัญญาประดิษฐ์อีกตัวจากบริษัท OpenAI ซึ่งได้รับการเทรนไฟล์เสียงหลากหลายภาษามากว่า 680,000 ชั่วโมง ทำให้นี่เป็น AI ที่มีคุณสมบัติในการทำความเข้าใจและถอดข้อความเสียงพูดเป็นอย่างดี โดยเฉพาะกับภาษาอังกฤษซึ่งทำได้ในระดับใกล้เคียงการถอดความของมนุษย์เลยทีเดียว

 

          รูปแบบการทำงานของ rizzGPT จะเริ่มจากการจับคำศัพท์ของผู้สวมใส่ด้วยปัญญาประดิษฐ์ Whisper จากนั้นจะส่งผ่านข้อมูลสู่อุปกรณ์อื่นโดยอาจเป็นสมาร์ทโฟนของผู้ใช้งาน เพื่อให้สามารถแปลงเสียงพูดของผู้ใช้งานเป็นข้อมูลตัวอักษรป้อนเข้าสู่ ChatGPT แล้วนำข้อมูลที่ได้มาแสดงบนหน้าจอผ่านเทคโนโลยี AR เพื่อการตอบสนองข้อมูลสนทนาแบบเรียลไทม์

 

          กระบวนการข้างต้นจะกินระยะเวลาประมวลผลในระดับเสี้ยววินาที ไม่นับปัจจัยภายนอกอื่นๆ ความเร็วการประมวลผลและตอบสนองของ rizzGPT ขึ้นอยู่กับความเร็วและเสถียรของอินเทอร์เน็ต, ศักยภาพของอุปกรณ์ประมวลผล รวมถึงขีดความสามารถในการรองรับข้อมูลของทาง ChatGPT เอง

 

          แว่นตาอัจฉริยะนี้ได้รับการออกแบบให้ใช้งานเพื่อขจัดความกังวลลดความประหม่าเมื่อเกิดความตื่นเต้น เพราะหน้าจอจะช่วยบอกคำตอบและบทสนทนาต่อไปโดยละเอียด สามารถนำไปใช้งานได้ทั้งในการพรีเซ้นท์ สัมภาษณ์ ไปจนการเดท ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถพูดคุยและสานต่อบทสนทนาได้อย่างราบรื่น

 

ผสาน AI เข้ากับ AR สู่แว่นตาอัจฉริยะที่ช่วยหาคำตอบเรียลไทม์

 

ข้อจำกัดและความน่ากลัวที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต

 

          ในเชิงการใช้งานนี่อาจเป็นแว่นตาที่ช่วยให้เราเป็นผู้รอบรู้ได้ไม่ยาก ลดความประหม่าต่อหน้าคนหมู่มาก ช่วยให้การพูดคุยสนทนาเป็นไปอย่างลื่นไหล แต่น่าเสียดายที่แว่นตา rizzGPT เป็นเพียงต้นแบบ ยังต้องได้รับการปรับปรุงแก้ไขอีกหลายด้านหากต้องการนำไปใช้จริง

 

          ปัจจุบันแว่นตาอัจฉริยะรุ่นต้นแบบยังมีข้อจำกัดค่อนข้างมาก ทั้งขนาดของหน้าจอเมื่อติดตั้งลงบนเลนส์มีขนาดใหญ่, น้ำหนักชองแว่นเมื่อทำการติดตั้งอุปกรณ์ทั้งหมดมากเกิน, การปรับปรุงแบตเตอรี่และระบบพลังงานเพื่อให้สามารถใช้งานอย่างต่อเนื่อง ไปจนการแปลงข้อมูลและตอบสนองที่ยังมีข้อจำกัดในบางด้าน

 

          นอกจากนี้หากแว่นตาอัจฉริยะนี้ได้รับการพัฒนาออกมาให้ใช้จริง อาจยิ่งซ้ำเติมปัญหาสังคมให้ทวีความรุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแวดวงการศึกษา เราน่าจะเคยได้ยินกันมาบ้างว่า การมาถึงของ ChatGPT สร้างความปั่นป่วนแก่ระบบการศึกษาเป็นวงกว้าง ส่งผลให้ต้องมีการปรับหลักสูตรและวิธีการทดสอบความรู้กันยกใหญ่

 

          เรื่องจะทวีความร้ายแรงยิ่งขึ้นเมื่อจากนี้ทุกคนอาจมี ChatGPT ใช้แบบเรียลไทม์ นั่นจะทำให้การสอบสัมภาษณ์ พรีเซ้นท์หน้าชั้น หรือการอภิปรายในห้องเรียนไม่สามารถใช้วัดระดับความรู้อีกต่อไป ร้ายแรงกว่านั้นคือแว่นตาอัจฉริยะนี้อาจกลายเป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ที่ใช้ทุจริตในการสอบข้อเขียนอีกด้วย

 

          ซ้ำร้ายแว่นตายังถือเป็นอุปกรณ์สำคัญในการใช้ชีวิตทำให้การตรวจสอบทำได้ยากจนอาจเป็นไปไม่ได้เลยทีเดียว

 

          อีกหนึ่งปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นได้เช่นกันคือการรั่วไหลของข้อมูลส่วนตัว ที่ผ่านมาระบบ ChatGPT มีบั๊กที่ทำให้ระบบทำการเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งาน ทั้งชื่อ-นามสกุล อีเมล ไปจนข้อมูลการชำระเงิน เป็นเหตุให้บริษัทขนาดใหญ่และองค์กรทางการเงินสั่งห้ามพนักงานใช้ AI ตัวนี้กันทั่วหน้า

 

          หากเราใช้งานแว่นตาอัจฉริยะและป้อนข้อมูลเข้าไปอย่างต่อเนื่อง เป็นไปได้สูงว่าเมื่อเกิดเหตุข้อมูลรั่วไหลขึ้นอีก โดยครั้งนี้ที่หลุดออกอาจไม่ใช่เพียงข้อมูลส่วนตัว แม้แต่บทสนทนาทั่วไปในชีวิตประจำวันยังอาจถูกนำมาเผยแพร่ ซึ่งจะทำให้ปัญหาการรั่วไหลข้อมูลทวีมิติความซับซ้อนและร้ายแรงขึ้นไปอีก

 

          นี่จึงเป็นเทคโนโลยีที่ต้องได้รับการจับตาและใช้งานอย่างระมัดวังเป็นอย่างยิ่งเพราะอาจส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง

 

 

          อย่างไรก็ตามแว่นตาอัจฉริยะไม่ได้มีแต่ข้อเสียเสมอไป ทางบริษัท Google เองก็มีการพัฒนาแว่นตาอัจฉริยะ ซึ่งสามารถแปลภาษาและขึ้นคำแปลได้แบบเรียลไทม์ สิ่งนี้อาจช่วยลดข้อจำกัดด้านการสื่อสารและทลายกำแพงภาษาที่เคยมีในอดีต ช่วยให้ทั่วโลกสามารถพูดคุยสนทนากันได้อย่างกลมกลืนในอนาคตได้เช่นกัน

 

          ดังนั้นเราคงต้องรอดูต่อไปว่า ในอนาคตการนำเทคโนโลยี AI มาใช้คู่กับ AR จะนำเราไปสู่ทิศทางใด

 

 

 

          ที่มา

 

          https://openai.com/blog/march-20-chatgpt-outage

 

          https://interestingengineering.com/innovation/no-more-nervous-dates-or-interviews-ai-powered-glasses-prompt-answers-to-everything

 

          https://www.posttoday.com/innovation/1282