หัวเว่ย ย้ำดิจิทัลอินเทลิเจนซ์เปลี่ยนโลก ต้องเร่งสร้างแต้มต่อทางธุรกิจ
ดร.ชวพล จริยาวิโรจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด แนะภาครัฐและธุรกิจ ไม่ควรมองข้ามเรื่อง "ดิจิทัลอินเทลิเจนซ์" ที่จะนำไปปรับใช้กับธุรกิจและลูกค้า ระบุเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว คาด 7-8 ปีข้างหน้า ทุกอย่างจะมีโลกคู่ขนานดิจิทัล
วันที่ 7 มีนาคม 2566 เครือเนชั่น นำโดย สปริงนิวส์ กรุงเทพธุรกิจ ฐานเศรษฐกิจและโพสต์ทูเดย์ ได้จัดงานสัมมนา อนาคตประเทศไทย หัวข้อ นวัตกรรมขับเคลื่อนประเทศ ณ ห้องแกรนด์ บอลรูม โรงแรม แกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ
ดร.ชวพล จริยาวิโรจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่าวันนี้เราอยู่ในโลกของดิจิทัลอินเทลิเจนซ์ (Digital Intelligence) ทั้งในแง่ของธุรกิจและการใช้ชีวิต นั่นแสดงว่าโลกของเรามีการดิสรัปชันขึ้นอย่างรวดเร็ว แบบไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และดิจิทัลอินเทลิเจนซ์ทำให้เรื่องของเทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา รวมทั้งลูกค้า (Customer) ก็เปลี่ยนอย่างรวดเร็วเช่นกัน เพราะการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วแสดงให้เห็นว่าเรากำลังมีโอกาสในการนำเทคโนโลยีไปใช้ในการสร้างความมั่นคงของประเทศ
ทั้งนี้ เรื่องของเทคโนโลยีจะมีซ้อนกัน ไม่ว่าจะเป็น อุปกรณ์สื่อสารไว้คุยกับอุปกรณ์ด้วยกัน เครือข่ายอย่าง 5G การจัดเก็บข้อมูลไว้บนคลาวด์ และการใช้ AI มาช่วยให้การทำงานเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น ซึ่งไม่ว่าเทคโนโลยีจะพัฒนาไปอย่างไร เราไม่สามารถมองข้ามเรื่อง Sustainsibility ได้เลย
อีกประมาณ 7-8 ปีข้างหน้า จะมีโลกคู่ขนานดิจิทัล (Digital Twins) หรือเมืองที่จะมีฝาแฝดด้านเทคโนโลยี ผ่าน 3 เลเยอร์ คือ
อุปกรณ์ที่ใช้ในการสื่อสารระหว่างกัน
เครือข่ายที่ใช้ในกการรับส่งสัญญาณ
ข้อมูลที่นำไปใช้ต่อยอด
ยกตัวอย่างเช่น กล้องวงจรปิด ที่สมัยก่อนใช้ถ่ายได้อย่างเดียว แต่ถ้าจะดูข้อมูลย้อนหลังต้องใช้เวลาในการดึงข้อมูล เมื่อเอาความฉลาดใส่เข้าไปกล้องวงจรปิดสามารถช่วยในการจับผิดพฤติกรรมที่ไม่ดี แจ้งเตือนเมื่อเกิดภัยร้าย และช่วยให้เข้าถึงข้อมูลเรื่องความปลอดภัยได้แบบทันที รวมทั้งช่วยในเรื่องของการควบคุมระเบียบในการบริหารจัดการข้อมูลต่างๆ ให้ไปก่อให้เกิดประโยชน์ ไม่ใช่แค่ในเรื่องของเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว แต่การสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับลูกค้า เพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของผู้บริโภค ขณะที่ภาคธุรกิจต้องการสร้างประสบการณ์ใหม่ เพื่อตอบโจทย์ลูกค้า
โดยเทคโนโลยีที่มีบทบาทสำคัญ เริ่มต้นจากอุปกรณ์ หรือดีไวซ์ ซึ่งต่อไปอุปกรณ์สามารถสื่อสารข้อมูลกันได้ ซึ่งจะทำให้เกิดข้อมูลจำนวนมาก ระบบเชื่อมต่อ หรือ Connectivity ซึ่งเทคโนโลยี 5G จึงมีความสำคัญ ทั้งความเร็วสูงกว่า 4G ประมาณ 100 เท่า สามารถส่งข้อมูลได้สูงสุด 1 กิ๊กะบิต และมีความหน่วงต่ำ สามารถปลดล็อกการใช้แอปพลิเคชันที่ในอดีตไม่สามารถทำได้ นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีคลาวด์ที่ใช้จัดเก็บข้อมูล และ AI มาช่วยให้การทำงานเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น รวมไปถึงบล็อกเชน
หากผู้ประกอบการไม่สามารถปรับตัวตามเทคโนโลยีให้ทัน ก็ยากที่จะพัฒนาหรือสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ
นอกจากนี้ โอกาสของเทคโนโลยีต้องไม่ใช่แค่การใช้งานทั่วไป แต่ต้องเป็นอีโคซิสเต็มส์ เพื่อสร้างอิมแพคให้แก่ประเทศ