Sunswift 7 รถยนต์ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์วิ่งไกล 1,000 กิโลเมตร
รถยนต์ไฟฟ้าได้รับความสนใจจากทุกฝ่ายจนได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดมีการคิดค้นรถยนต์ไฟฟ้าซึ่งสามารถวิ่งเป็นระยะทาง 1,000 กิโลเมตรได้จากการชาร์จเพียงครั้งเดียว แต่นี่อาจเป็นเพียงจุดเริ่มต้น เมื่อยานยนต์ไฟฟ้ากำลังพัฒนาไปสู่ทิศทางอันน่าทึ่งขึ้นทุกวัน
รถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกทยอยได้รับการพัฒนาศักยภาพอย่างต่อเนื่อง จากความสนใจของทั่วโลกที่เริ่มผลักดันยานยนต์เข้าสู่โลกแห่ง EV กลายเป็นการแข่งขันพัฒนาเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้าครั้งใหญ่แห่งประวัติศาสตร์ เพื่อพายานยนต์ที่เราใช้งานในปัจจุบันให้เข้าสู่ยุคสมัยแห่งพลังงานสะอาด
ล่าสุดความก้าวหน้าของรถยนต์ไฟฟ้าถูกยกระดับไปอีกขั้นจากรถยนต์พลังงานแสงอาทิตย์รุ่นใหม่ที่วิ่งได้ไกลถึง 1,000 กิโลเมตร
Sunswift 7 รถยนต์ไฟฟ้าที่วิ่งได้ไกลที่สุดในปัจจุบัน
ผลงานนี้เป็นของทีมวิจัยจาก University of New South Wales(UNSW) ในออสเตรเลีย กับการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์รุ่นใหม่ ทำลายสถิติระยะทางในการขับเคลื่อนของรถยนต์ไฟฟ้าให้มีระยะทางสูงสุด 620 ไมล์(ราว 1,000 กิโลเมตร) ได้สำเร็จ จากการชาร์จพลังงานเพียงครั้งเดียว
ท่ามกลางความพยายามอันยาวนานของทีมวิจัยนับแต่ปี 1996 เป็นต้นมา นำไปสู่รถยนต์ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ซึ่งสามารถทำลายสถิติสูงสุดอย่าง Sunswift 7 สามารถวิ่งได้ในระยะทางไกลกว่า 1,000 กิโลเมตร ซึ่งถือเป็นระยะทางสูงสุดของรถยนต์ไฟฟ้าปัจจุบัน แซงสถิติเก่าของ Lucid Air Dream Edition ที่ 520 ไมล์(837 กิโลเมตร) ไม่เห็นฝุ่น
เพื่อให้ได้ระยะทางที่ไกลขึ้นตัวรถได้รับการออกแบบเป็นพิเศษโดยมีน้ำหนักเพียง 500 กิโลกรัม เบากว่าน้ำหนักของรถยนต์ Tesla ถึง 4 เท่า ตัวรถถูกตัดระบบหลายอย่าง ตั้งแต่เบรก ABS, ถุงลมนิรภัย, ที่ปัดน้ำฝน และฟังก์ชั่นอีกหลายชนิด เพื่อขับเน้นประสิทธิภาพในการขับขี่และเคลื่อนไหวให้ได้ระยะทางสูงสุด
จุดเด่นสำคัญของ Sunswift 7 คือ ศักยภาพในด้านแอโรไดนามิกอันยอดเยี่ยม การขับเคลื่อนรถมีแรงต้านการหมุนของเครื่องยนต์ต่ำอย่างไม่น่าเชื่อ จากการออกแบบและใช้งานวัสดุที่เหมาะสม จนสามารถวิ่งในระยะทางถึง 1,000 กิโลเมตรโดยจากการชาร์จเพียงครั้งเดียว ใช้ระยะเวลาในการทดสอบเกือบ 12 ชั่วโมง ความเร็วเฉลี่ยอยู่ที่ 85 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ด้วยคุณสมบัติข้างต้นทำให้การใช้พลังงานขับเคลื่อนของตัวรถน้อยลงอย่างมาก จากรถยนต์ไฟฟ้าทั่วไปต้องใช้พลังงานราว 15 - 20 กิโลวัตถ์ต่อระยะทาง 100 กิโลเมตร ในขณะที่ Sunswift 7 ใช้พลังงานเพียง 3.8 กิโลวัตถ์ต่อระยะทาง 100 กิโลเมตร ถือเป็นการพิสูจน์ว่าระยะทางไกลไม่ใช่ข้อจำกัดของยานยนต์ไฟฟ้าอีกต่อไป
อนาคตของยานยนต์ไฟฟ้ากับความเป็นไปได้ไร้ขีดจำกัด
ข้อจำกัดของยานยนต์ไฟฟ้าทยอยได้รับการแก้ไขไปทีละส่วน นอกจากในด้านระยะทางที่ Sunswift 7 ได้แสดงให้เห็นถึงขีดจำกัดใหม่ของรถยนต์ไฟฟ้าแล้ว ความพยายามพัฒนาในด้านอื่นเองก็เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อชดเชยจุดด้อยแก่ยานยนต์ไฟฟ้าให้เทียบเคียงรถยนต์สันดาปในเวลาอันสั้น
ความพยายามชดเชยจุดอ่อนเกิดขึ้นต่อเนื่อง อย่างในส่วนแบตเตอรี่อย่าง BMW ที่มีการเปิดตัวว่าสามารถวิ่งเป็นระยะทางถึง 1,000 กิโลเมตรได้เช่นกัน นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาด้านอายุการใช้งาน, ระยะเวลาในการชาร์จ, ความจุกำลังไฟฟ้าสูงสุด, ความปลอดภัย ไปจนความยั่งยืนในการผลิตเพื่อสอดรับกับการเป็นพลังงานสีเขียว
ที่น่าสนใจไม่แพ้กันคือศักยภาพของรถยนต์ไฟฟ้าสามารถพาเราไปได้ไกลกว่ารถยนต์รุ่นเก่า การพัฒนาอย่างต่อเนื่องทำให้เริ่มมองเห็นแนวทางแตกต่างไปจากรถยนต์แบบเดิม หลายส่วนเป็นสิ่งที่ไม่มีทางเกิดขึ้นได้ในรถยนต์สันดาป ขยายความเป็นไปได้ทางเทคโนโลยีเกินกว่าใครจะจินตนาการ
ตัวอย่างเช่นคุณสมบัติในการนำโซล่าเซลล์ที่ติดตั้งบนตัวรถมาใช้สร้างพลังงาน รถยนต์ไฟฟ้าบางส่วนได้รับการส่งเสริมคุณสมบัติด้านนี้โดยเฉพาะอย่าง Sunswift eVe ที่สามารถทำความเร็วจากไฟฟ้าที่ผลิตจากโซล่าเซลล์ได้ถึง 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง หรือ Lightyear ที่สามารถวิ่งเป็นระยะทางถึง 70 กิโลเมตร/วัน โดยไม่ต้องทำการชาร์จใดๆ
อีกหนึ่งส่วนที่ได้รับความนิยมคือการสร้างรถบินได้หรือ eVTOL ยานพาหนะที่มีศักยภาพบินจากเครื่องยนต์พลังงานไฟฟ้า จนเริ่มมีแนวคิดการสร้างรถบินขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ทั้ง LEO Coupe รถบินได้ที่สามารถทำความเร็วบนท้องฟ้าได้สูงถึง 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง, AirCar ซึ่งสามารถบินในอากาศได้ยาวนาน 40 ชั่วโมง ไปจน PAL-V Liberty ที่สามารถลงจอดแนวดิ่งได้อย่างอิสระ
ทั้งหมดล้วนแสดงให้เห็นว่าขีดความสามารถของยานยนต์ไฟฟ้าสูงขึ้นทุกวัน นอกจากเข้ามาแทนที่รถยนต์สันดาปอย่างสมบูรณ์ในอนาคตอันใกล้ รถยนต์ไฟฟ้ายังอาจพาเราไปสู่ขีดจำกัดใหม่ที่รถยนต์รุ่นก่อนไม่สามารถไปถึง นี่จึงถือเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญที่ไม่ได้ส่งผลกระทบเพียงแค่สิ่งแวดล้อม แต่ยังช่วยยกระดับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีไปพร้อมกัน
ไม่แน่ว่าในอนาคตรถยนต์ทุกคันบนท้องถนนอาจสามารถบินหมดท้องฟ้ากันหมดก็เป็นได้
ที่มา
https://www.posttoday.com/post-next/1652
https://www.posttoday.com/innovation/1353
https://www.posttoday.com/post-next/688057
https://www.posttoday.com/innovation/1424