“พลเอกณัฐพล”วาง 5 เงื่อนไขถกGBCกัมพูชา ยันไทยป้องกันตัวเอง
พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ ชี้ชัดกัมพูชาผิดกฎหมายระหว่างประเทศหลายประเด็น ย้ำหากเจรจาไม่เป็นผลจะไม่ลงนาม ยืนยันไทยป้องกันตนเองตามกฎบัตรยูเอ็น ขอประชาชนเชื่อมั่น GBC ปกป้องอธิปไตยชาติ
KEY
POINTS
- พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหม กำหนด 5 เงื่อนไขที่เป็นประเด็นสำคัญจากพฤติการณ์ของกัมพูชา เช่น การละเมิดอนุสัญญาออตตาวาเรื่องทุ่นระเบิด และการใช้โบราณสถาน-พื้นที่พลเรือนเป็นที่มั่นทางทหาร
- การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ที่จะจัดขึ้นที่จันทบุรี เป็นการหารือระดับฝ่ายเลขานุการ ซึ่ง รมว.กลาโหม จะไม่ลงนามหากผลการประชุมไม่เป็นไปตามแนวทางที่เหมาะสม
- ฝ่ายไทยยืนยันว่าการดำเนินการทางทหารเป็นการป้องกันตนเองตามกฎบัตรสหประชาชาติ มาตรา 51 ด้วยความจำเป็นและได้สัดส่วน เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ
เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ซึ่งกำหนดจัดขึ้นที่จังหวัดจันทบุรี ในวันที่ 24 ธันวาคม ว่า การประชุมครั้งนี้เป็นการหารือในระดับฝ่ายเลขานุการ หากผลการประชุมไม่เป็นไปตามแนวทางที่เห็นสมควร ตนจะไม่ลงนามใด ๆ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ระบุว่า จากพฤติการณ์ของกัมพูชาในช่วงที่ผ่านมา พบประเด็นสำคัญอย่างน้อย 5 ข้อ ได้แก่
- กองทัพกัมพูชาละเมิดอนุสัญญาออตตาวา โดยตรวจพบการครอบครอง การผลิต และการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล รวมถึงการนำทุ่นระเบิดรถถังมาดัดแปลงเป็นทุ่นสังหารบุคคล อีกทั้งมีหลักฐานทุ่นระเบิดใหม่ในพื้นที่บ้านสามหลัง พร้อมเอกสารกำหนดพิกัดระบุวันที่ 30 ตุลาคม 2568 ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากการลงนามปฏิญญาร่วมที่กรุงกัวลาลัมเปอร์เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม สะท้อนถึงการไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงอย่างชัดเจน
- การใช้โบราณสถานเป็นที่มั่นทางทหาร ได้แก่ ปราสาทตาควาย ปราสาทพระวิหาร และปราสาทคนา
- การใช้ชุมชนเป็นที่ตั้งยิงอาวุธหนัก โดยเฉพาะ BM-21 และเคลื่อนกำลังกลับเข้าพื้นที่พลเรือนหลังการยิง ส่งผลให้ฝ่ายไทยไม่สามารถตอบโต้ได้ เนื่องจากยึดหลักไม่โจมตีเป้าหมายพลเรือน
- การใช้อาคารพลเรือนเป็นที่ตั้งทางทหารและคลังอาวุธ ซึ่งรวมถึงพื้นที่ที่เป็นแหล่งสแกมเมอร์และบ่อนกาสิโน โดยไทยมุ่งทำลายที่ตั้งทางทหาร ไม่ใช่การปราบสแกมเมอร์เป็นหลัก
- การใช้พลเรือนเป็นโล่และนำพลเรือนเข้ามาเกี่ยวข้องกับการสู้รบ จนเกิดการกล่าวหาฝ่ายไทยทำร้ายพลเรือนจากคลิปที่เผยแพร่
พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ทั้งหมดเป็น “ฐานคิด” ในการประเมินสถานการณ์ ก่อนอธิบายแนวทางแก้ปัญหาที่ใช้มาโดยตลอด แบ่งเป็น 3 ระยะ คือ ระยะแรก การพยายามเจรจาโดยสันติวิธี เพื่อให้ถอนกำลังและหลีกเลี่ยงการรบ ระยะที่สอง การหยุดยิงหลังเกิดการปะทะ ซึ่งแม้จะมีการลงนามปฏิญญาร่วม แต่การตรวจพบการวางทุ่นระเบิดภายหลัง แสดงถึงการขาดความจริงใจ และทำให้สถานการณ์เข้าสู่ระยะที่สาม ซึ่งเป็นขั้นตอนการเจรจาที่เข้มข้นมากขึ้น
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวด้วยว่า สถานการณ์ล่าสุดยังมีการยิง BM-21 ในบางพื้นที่ ขณะเดียวกัน สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา แสดงท่าทีพร้อมทำสงครามยืดเยื้อ สวนทางกับคำกล่าวของรัฐบาลกัมพูชาที่ระบุว่าพร้อมหยุดยิง จึงทำให้ฝ่ายไทยไม่อาจไว้วางใจได้ง่าย
สำหรับการประชุม GBC ครั้งนี้ ไทยยังยึดหลักปฏิญญาร่วม แต่จะต้องลงรายละเอียดมากขึ้น พร้อมยืนยันให้ประชาชนเชื่อมั่นว่าคณะ GBC จะปกป้องอธิปไตยและผลประโยชน์ของชาติ ภายใต้กรอบกฎหมายระหว่างประเทศ โดยไทยยึดหลักการป้องกันตนเองตามกฎบัตรสหประชาชาติ มาตรา 51 ด้วยความจำเป็นและได้สัดส่วน
พล.อ.ณัฐพล ยอมรับว่า ในเวทีระหว่างประเทศ ยังไม่มีประเทศใดแสดงท่าทีสนับสนุนไทยอย่างชัดเจน หลายฝ่ายรับฟังข้อมูลจากกัมพูชาและมองว่าไทยเป็นฝ่ายรุกราน ทั้งที่ไทยปกป้องตนเองตามกฎหมาย พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า ไม่มีประเทศใดออกมาประณามการวางทุ่นระเบิดในเขตไทย แต่กลับเรียกร้องให้ไทยลดการใช้อาวุธและความรุนแรง
เมื่อถูกถามถึงเหตุผลที่ต่างชาติเชื่อกัมพูชามากกว่าไทย พล.อ.ณัฐพล ระบุว่า กัมพูชาใช้กลไกล็อบบี้ยิสต์ ขณะที่ฝ่ายไทยใช้ “ความจริง” เป็นเครื่องมือ และเชื่อว่าเมื่อเวลาผ่านไป ความจริงจะพิสูจน์ได้ พร้อมขอให้สื่อมวลชนไทยร่วมต่อสู้ในสนามข้อมูลข่าวสาร ซึ่งเป็นหนึ่งในสามสนามรบของสถานการณ์ครั้งนี้ ควบคู่กับสนามรบชายแดนและสนามการต่างประเทศ
ในประเด็นพื้นที่สู้รบ พล.อ.ณัฐพล ระบุว่า เป็นไปตามรายงานของกองทัพ รวมถึงพื้นที่เนิน 350 ส่วนสถานการณ์การปะทะจะยังดำเนินต่อไป ตราบใดที่กัมพูชายังยิงโจมตีเข้ามา โดยฝ่ายไทยจำเป็นต้องตอบโต้ตามความจำเป็นและได้สัดส่วน ทั้งในพื้นที่กองทัพภาคที่ 1 กองทัพภาคที่ 2 รวมถึงบริเวณปราสาทตาควายและตาเมือนธม ขณะที่พื้นที่จันทบุรี–ตราดยังคงสงบ จึงกำหนดใช้จังหวัดจันทบุรีเป็นสถานที่ประชุม GBC เนื่องจากเป็นพื้นที่ปลอดภัย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ฝากถึงประชาชนในจังหวัดจันทบุรีให้ช่วยดูแลความปลอดภัยของคณะผู้แทนกัมพูชา เพื่อสร้างความมั่นใจว่าการเจรจาในประเทศไทยปลอดภัย พร้อมย้ำว่า คนไทยแยกแยะระหว่างการรบกับการเจรจาได้อย่างชัดเจน
ส่วนกรณีที่กัมพูชายังไม่ยืนยันการเดินทางมาประชุมในไทย พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ยังไม่ทราบการตัดสินใจขั้นสุดท้าย โดยยอมรับว่าทั้งสองฝ่ายต่างมีความกังวลด้านความปลอดภัย แต่ยืนยันว่าการประชุมจะจัดในพื้นที่ชายแดน ไม่ใช่พื้นที่ชั้นใน และไทยพร้อมรับรองความปลอดภัยอย่างเต็มที่.


