posttoday

10 เทรนด์เทคโนโลยีสะอาดวิ้งค์จับตาน่าลงทุนในปี 2023

29 ธันวาคม 2565

ปีที่ผ่านมามีพัฒนาการของเทคโนโลยีสะอาดในโครงการระดับโลกเช่น REPowerEU ของยุโรป และร่างกฎหมาย Inflation Reduction Act มูลค่า 4.3 แสนล้านเหรียญของสหรัฐ ซึ่งเป็นการลงทุนด้านพลังงานสะอาดครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ มีเป้าหมายเพื่อต่อสู้กับภาวะโลกรวน

ปี 2023 จึงดูจะน่าตื่นเต้นพอๆ กับที่อุตสาหกรรมต่างๆ กำลังเร่งเพิ่ม เสริม สร้างความมุ่งมั่นในภารกิจลดการปล่อยมลพิษ แม้ว่าจะยังบอกไม่ได้แน่ชัดอีก 12 เดือนข้างหน้าจะเป็นอย่างไร จะมีอะไรน่าตื่นเต้นเกิดขึ้นอีกในโลกของเรา แต่นี่คือ 10 เทรนด์ที่สื่อจำนวนหนึ่งเชื่อมั่นว่าจะยังคงอยู่ในกระแสของโลกสีเขียวไปตลอดทั้งปี

 

พื้นที่เก็บข้อมูล (Storage) จะยังคงเติบโต

ทั้งพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ต่างก็ได้รับการยอมรับว่า เป็นรูปแบบการผลิตใหม่ที่คุ้มค่าที่สุดในเชิงพาณิชย์และสามารถนำมาใช้งานได้ง่าย จึงจำเป็นต้องมีระบบหรือเทคโนโลยีจัดเก็บพลังงานในปริมาณที่มากขึ้น เหตุผลข้อนี้ไม่เพียงแค่ดีสำหรับกริดเท่านั้นแต่ยังดีสำหรับนักลงทุนด้วย เนื่องจากเรื่องของระบบและเทคโนโลยีสำหรับแบตเตอรี่เป็นข้อเสนอและโอกาสทางธุรกิจที่ดีและน่าสนใจเสมอในตลาดต่างๆ ทั่วโลกตั้งแต่ออสเตรเลียไปจนถึงสหราชอาณาจักร แม้ว่าเทคโนโลยีการจัดเก็บพลังงานที่หลากหลายกำลังขยายผลออกไปมากมาย แต่ระบบแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนที่ผ่านการทดลองและทดสอบแล้วดูเหมือนจะยังครองตลาดในอนาคตอันใกล้

 

การดักจับและกักเก็บคาร์บอน (CCS) จะได้รับความสนใจ

เทคโนโลยี การดักจับและกักเก็บคาร์บอนหรือ CCS ถูกมองว่าจะเข้ามามีบทบาทในการเปลี่ยนผ่านพลังงานเพราะจะช่วยให้มีการผลิตเชื้อเพลิงฟอสซิลต่อไปโดยไม่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แม้ CCS จะมีมานานหลายทศวรรษแล้ว แต่ผลงานที่ผ่านมากลับไม่ค่อยดีนัก มีคำกล่าวอ้างว่า เทคโนโลยีนี้มีผลกระทบเพียงเล็กน้อยต่อการปล่อยมลพิษในโลกแห่งความเป็นจริง และเป็นข้ออ้างให้บริษัทน้ำมันยังคงขุดเจาะน้ำมันต่อไป แต่มาตรการจูงใจของ CCS ในสหรัฐอเมริกาทำให้เกิดความเป็นไปได้ว่า เทคโนโลยีนี้อาจถูกนำไปทดสอบในปี 2023 ซึ่งอาจมีส่วนช่วยในการลดคาร์บอนของภาคพลังงาน อุตสาหกรรมหนัก หรือแม้แต่การขนส่ง

 

อุตสาหกรรมคาร์บอนต่ำจะติดสปีด

เป็นเวลาหลายปีแล้วที่อุตสาหกรรมที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ยาก (hard-to-abate industries) ตั้งแต่การผลิตเหล็กไปจนถึงการขนส่งทางทะเลได้พยายามหาวิธีการที่ดีที่สุดในการลดการปล่อยมลพิษ หลายภาคส่วนเหล่านี้มีเทคโนโลยี เช่น ไฮโดรเจนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมๆ กับความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากลูกค้าและนักลงทุนในการเดินหน้าต่อไปกับภารกิจลดคาร์บอน แม้ว่าเส้นทางสู่ภาคส่วนต่างๆ เช่น การขนส่งจะยังไม่ชัดเจน แต่ปี 2023 น่าจะเป็นปีแห่งการเติบโตของนวัตกรรมเทคโนโลยีสะอาดและโมเมนตัมสำหรับอุตสาหกรรมเหล่านี้

 

และพลังงานทางเลือกอย่างไฮโดรเจนสีเขียว (Green Hydrogen) จะมาก่อนใครๆ ในการใช้งานจริง เพราะไฮโดรเจนสีเขียวถูกมองว่า เป็นเครื่องมือในการลดคาร์บอนสำหรับทุกสิ่งตั้งแต่การบินไปจนถึงการทำความร้อนในบ้าน ในทางปฏิบัติ ก๊าซอาจไม่เหมาะกับการใช้งานเหล่านี้ทั้งหมด และอาจไม่ง่ายที่จะผลิตและขายอย่างที่คิดกัน

 

เมื่อโครงการไฮโดรเจนสีเขียวขนาดใหญ่โครงการแรกเริ่มต้นขึ้นในปี 2023 นักพัฒนาโครงการที่มีประสบการณ์จะต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่า “ผลิตภัณฑ์” มีอายุการใช้งานตามที่สัญญาไว้ และจะเกิดการเรียนรู้มากมายเกี่ยวกับผลลัพธ์ที่ได้ทั้งบวกและลบ

 

อนาคตของแอมโมเนียสะอาด (clean ammonia) จะเติบโต

เมื่อความท้าทายในการใช้งานไฮโดรเจนสีเขียวอย่างจริงจังปรากฏชัดขึ้น จึงมีแนวโน้มว่าจะมีการฟุ้งเป้าโฟกัสไปที่แอมโมเนียคาร์บอนต่ำ (low-carbon ammonia) มากขึ้นในฐานะสื่อกลางในการจัดเก็บและขนส่งเชื้อเพลิง แอมโมเนียเป็นสารประกอบสำคัญทางอุตสาหกรรมอยู่แล้ว และการผลิตในปริมาณมาก เช่น ในการใช้พลังงานแสงอาทิตย์แบบเข้มข้น แสดงถึงโอกาสทางการค้าที่สำคัญ ยิ่งไปกว่านั้น แอมโมเนียยังเป็นหนึ่งในคู่แข่งอันดับต้น ๆ ในการเป็นพลังงานให้กับการขนส่งทางทะเล แม้ว่าในระยะสั้น อุตสาหกรรมอาจต้องมุ่งไปที่การลดการปล่อยก๊าซผ่านการใช้เทคโนโลยี เช่น ระบบบำบัดอากาศเสีย (scrubbers) เป็นต้น

 

พลังงานแสงอาทิตย์เข้มข้น Concentrated solar power จะเติบโตอยู่เบื้องหลัง

เมื่อเปรียบเทียบกับเซลล์แสงอาทิตย์แล้ว พลังงานจากแสงอาทิตย์แบบเข้มข้นหรือ CSP เป็นเทคโนโลยีซินเดอเรลล่าที่น่าสนใจและมักถูกมองข้ามในแวดวงเทคโนโลยีสะอาดทั่วไป แต่ภาพกำลังเริ่มเปลี่ยนไปในบางตลาด

สเปนได้จัดประมูล CSP ในปีนี้ แม้ว่าจะมีเพดานราคาที่ไม่สามารถทำได้จริงในสภาวะเงินเฟ้อในปัจจุบัน และมีสัญญาณบ่งชี้ว่าเทคโนโลยีนี้สามารถหาที่ลงในออสเตรเลียได้

 

แต่ตลาดที่มีการเติบโตสูงอยู่ในจีน ซึ่งมีกำลังการผลิตมากกว่า 4 กิกะวัตต์มีแผนจะออนไลน์ระหว่างปี 2023-2024 ตามรายงานของ CSP Focus ผู้ให้บริการข้อมูลอุตสาหกรรม

 

รถยนต์ไฟฟ้าจะกลายเป็นยานยนต์กระแสหลัก

ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าแซงหน้ารถยนต์เครื่องยนต์สันดาปรุ่นใหม่แล้วบางพื้นที่ในโลก และแนวโน้มนี้คาดว่าจะดำเนินต่อไปในปี 2023 เนื่องจากรัฐบาลในหลายประเทศทั่วโลกได้พยายามที่จะลดการปล่อยคาร์บอนในภาคการขนส่ง ในขณะที่โครงสร้างพื้นฐานสำหรับการชาร์จพลังงานไฟฟ้ากำลังแพร่หลายมากขึ้น

 

ระดับการใช้พลังงานไฟฟ้าของรถยนต์ที่เพิ่มขึ้นจะส่งผลกระทบต่อรูปแบบสถาปัตยกรรมกริด หรือระบบไฟฟ้าทำให้ต้องมีการปรับใช้แหล่งกักเก็บพลังงานจำนวนมหาศาลเพื่อรักษาความเสถียรของเครือข่ายไฟฟ้าเนื่องจากอุตสาหกรรมยานยนต์ต้องพึ่งพาอิเล็กตรอนแทนการใช้น้ำมันเป็นพลังงาน

 

แผงโซลาร์เซลล์ (Solar photovoltaic) จะยังส่องสว่างต่อไป

ปัจจุบันเทคโนโลยีแผงโซลาร์เซลล์ (Solar photovoltaic) หรือ PV เป็นรูปแบบการผลิตที่ถูกที่สุดและง่ายที่สุดในโลก พร้อมที่จะพัฒนาจากจุดแข็งที่มีอยู่เดิมไปสู่จุดแข็งที่มากกว่าในปี 2023 เทคโนโลยีนี้คาดว่า จะมีกำลังการผลิตถึง 1 เทราวัตต์ก่อนที่ปีนี้จะสิ้นสุดลง โดยขยายตัวอย่างรวดเร็ว แม้ว่าต้นทุนจะเพิ่มสูงขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งเป็นผลจากการขาดแคลนโพลีซิลิคอน ส่วนหนึ่งของการเติบโตนี้คาดว่า โลกจะเห็นการใช้ PV ในทุกที่ที่ต้องการกำลังการผลิต ตั้งแต่หลังคาบ้านใกล้เรือนเคียงไปจนถึงเหมืองและศูนย์พลังงานกลางทะเลทราย

 

นักลงทุนจะแห่กันไปที่คลีนเทค

ความผันผวนเป็นปัญหาใหญ่สำหรับตลาดการเงินในช่วงปีที่ผ่านมา แต่เทคโนโลยีสะอาดยังคงเป็นทางออกที่ค่อนข้างปลอดภัยท่ามกลางความสับสนวุ่นวาย โครงการพลังงานหมุนเวียนและแบตเตอรี่กักเก็บพลังงานยังมีรายได้อย่างสม่ำเสมอแรงไม่ตกในระยะยาว ซึ่งสามารถป้องกันความผันผวนของราคาและความไม่แน่นอนด้านกฎระเบียบผ่านข้อตกลงการซื้อ-ขายไฟฟ้าขององค์กรและตราสารที่คล้ายคลึงกัน

 

โบนัสเพิ่มเติมสำหรับนักลงทุนคือ ความต้องการพลังงานสะอาดมีแต่จะเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น ไม่ใช่แค่ในปี 2023 แต่ยาวไปถึงในหลายทศวรรษข้างหน้า

 

 

เชื่อไม่เชื่อต้องติดตามตอนต่อไป