posttoday

เลือกตั้ง69 ชี้ชะตาไทย สื่อ–ทุน–อำนาจ เดิมพันอนาคตประเทศ

16 ธันวาคม 2568

คณะผู้บริหารเนชั่นกรุ๊ป ประเมินเลือกตั้งครั้งหน้าไม่ใช่เกมปกติ แต่คือจุดเปลี่ยนประเทศ ท่ามกลางความเสี่ยงทุจริต ทุนสีเทา และบทบาทสื่อในการปกป้องการเมืองสีขาว

KEY

POINTS

  • การเลือกตั้งปี 69 ถูกมองว่าเป็นการตัดสินอนาคตของประเทศ ที่มีเดิมพันสูงกว่าแค่การเปลี่ยนรัฐบาล แต่รวมถึงเสถียรภาพและความเชื่อมั่นของชาติ
  • มีความกังวลว่าการเลือกตั้งจะไม่โปร่งใสจากการใช้เงิน กลไกรัฐ และองค์กรอิสระในการทุจริต รวมถึงภัยคุกคามจากกลุ่มทุนสีเทาที่อาจเข้ามาครอบงำการเมือง
  • สื่อมวลชนมีบทบาทสำคัญในการตรวจสอบการทุจริตและรณรงค์ให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งจำนวนมาก เพื่อต่อต้านอิทธิพลของเงินและสร้างการเมืองสีขาว

เลือกตั้งครั้งนี้ ไม่ใช่แค่เปลี่ยนรัฐบาล แต่เปลี่ยนอนาคตประเทศ บรรยากาศการเมืองก่อนเข้าสู่การเลือกตั้งทั่วไปครั้งใหม่ หลังกกต.กำหนดวันลงคะแนนเลือกตั้ง 8ก.พ.69 ถูกประเมินจากคณะผู้บริหาร “เนชั่น กรุ๊ป” ว่าแตกต่างจากทุกครั้งที่ผ่านมา เพราะนี่ไม่ใช่เพียงการแข่งขันระหว่างพรรคการเมือง แต่เป็นจุดตัดสินทิศทางประเทศในระยะยาว ว่าจะเดินหน้าไปสู่ระบบที่โปร่งใส หรือถอยหลังเข้าสู่วงจรอำนาจมืดและความไม่แน่นอน

นายฉาย บุนนาค ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เนชั่น กรุ๊ป พร้อมด้วย นายสมชาย มีเสน รองประธานกรรมการบริหาร เนชั่น กรุ๊ป นายบากบั่น บุญเลิศ รองประธานกรรมการบริหาร เนชั่น กรุ๊ป  และนายวีระศักดิ์ พงศ์อักษร บรรณาธิการอำนวยการ เนชั่น กรุ๊ป เห็นพ้องกันว่า การเลือกตั้งครั้งนี้มีเดิมพันสูงกว่าผลแพ้ชนะทางการเมือง เพราะเกี่ยวพันโดยตรงกับเสถียรภาพประเทศ ความเชื่อมั่นของสังคม และอนาคตเศรษฐกิจไทยในเวทีโลก 

ในมุมมองของผู้บริหารสื่ออาวุโส การเมืองที่ไร้เสถียรภาพซ้ำซากตลอดหลายทศวรรษ คือปัญหาเชิงโครงสร้างที่ฉุดรั้งประเทศ และการเลือกตั้งครั้งนี้อาจเป็นโอกาสสุดท้ายในการรีเซ็ตระบบ หากสังคมไทยยังปล่อยให้กลไกเดิมครอบงำ ผลลัพธ์อาจรุนแรงกว่าที่เคยเผชิญมา
 

  เลือกตั้ง69 ชี้ชะตาไทย สื่อ–ทุน–อำนาจ เดิมพันอนาคตประเทศ

ทุจริต กลไกรัฐ และองค์กรอิสระ ความเสี่ยงที่หลีกไม่พ้น

หนึ่งในความกังวลหลัก คือการประเมินว่าการเลือกตั้งจะไม่เป็นไปอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม นายสมชาย มีเสน ชี้ตรงไปตรงมาว่า โอกาสของการเลือกตั้งที่สะอาดแทบไม่มี เมื่อโครงสร้างอำนาจนอกระบบยังฝังรากลึก และกลไกตรวจสอบจำนวนมากถูกตั้งคำถามถึงความเป็นอิสระ

รูปแบบการทุจริตถูกมองว่าจะเกิดขึ้นอย่างเป็นระบบ ผ่านสามกลไกสำคัญ ได้แก่ การใช้เงิน การใช้กลไกรัฐ และการใช้องค์กรอิสระ ซึ่งทำงานประสานกันอย่างแนบเนียน ผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนสะท้อนภาพเดียวกัน เมื่อกว่า 70% เชื่อว่าการซื้อเสียงจะเกิดขึ้นทั่วประเทศ และต้นทุนการซื้อเสียงมีแนวโน้มพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

นอกจากการโกงเลือกตั้ง ยังมีภัยเงียบจาก “ทุนสีเทาและสแกมเมอร์” ที่ถูกมองว่าอาจเข้าครอบงำการเมือง หากกลุ่มทุนเหล่านี้สามารถแปลงอิทธิพลทางเศรษฐกิจเป็นอำนาจรัฐ กลไกประเทศทั้งหมดอาจตกอยู่ภายใต้การควบคุมของกลุ่มคนที่ไร้ความรับผิดชอบต่อสาธารณะ และนำไปสู่ความเสื่อมถอยในทุกมิติ
 

เลือกตั้ง69 ชี้ชะตาไทย สื่อ–ทุน–อำนาจ เดิมพันอนาคตประเทศ

สื่อกับภารกิจการเมืองสีขาว ฝ่าความไม่แน่นอน

ท่ามกลางความเสี่ยงดังกล่าว บทบาทของสื่อถูกยกให้เป็นหนึ่งในกลไกสุดท้ายที่สังคมยังพอพึ่งพาได้ เนชั่น กรุ๊ป วางภารกิจสื่อในช่วงเลือกตั้งออกเป็นสามมิติ คือ รายงานข้อเท็จจริงอย่างรอบด้าน ตรวจสอบการทุจริตแม้ในพื้นที่ที่องค์กรอิสระไม่ทำหน้าที่ และวิเคราะห์การเมืองหลังเลือกตั้งอย่างตรงไปตรงมา

อย่างไรก็ตาม ภารกิจที่ถูกย้ำว่า “สำคัญที่สุด” คือการรณรงค์ให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งให้มากที่สุด เพราะยิ่งคนออกมาใช้สิทธิมาก กลไกเงินและอิทธิพลยิ่งทำงานได้ยาก เป้าหมายคือการเพิ่มจำนวนผู้ใช้สิทธิจากระดับเดิมสู่หลัก 45 ล้านเสียง เพื่อทำให้การซื้อเสียงจำนวนมหาศาลสูญเปล่า

การทำงานของเนชั่น กรุ๊ป จึงไม่ได้เดินลำพัง แต่เชื่อมเครือข่ายกับองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน ภาควิชาการ และภาคประชาชน เพื่อสร้างฉันทามติร่วมว่า การเมืองไทยต้องเป็น “การเมืองสีขาว” หากปล่อยให้สีเทาและความมืดครอบงำ เรือลำใหญ่ของประเทศอาจถูกคลื่นความขัดแย้งพัดจนหลงทิศ และยากจะกอบกู้กลับมา

ที่มา: เนชั่นอินไซต์ (คลิ๊กชม) 
เรียบเรียง : อมรเดช ชูสุวรรณ บรรณาธิการข่าวการเมือง 


 

ข่าวล่าสุด

ผู้ว่า ธปท. ห่วงบาทแข็งเร็ว สั่งตรวจเข้มทำธุรกรรมซื้อขายดอลลาร์