posttoday

พลิกปูม"พิบูลย์อัฑฒ์"ไขปมปืนลั่นเขต8-เจ็ตสกี ใต้เงาคดีฮั้วสว.

03 ธันวาคม 2568

เสียงปืนในเขต 8 เปิดประเด็นใหม่ให้พิบูลย์อัฑฒ์ ต้องตอบคำถาม อยู่ในรายชื่อ 6 สว.ชุดแรกที่ถูกกล่าวหาว่าคดีฮั้วสว.67

KEY

POINTS

  • พิบูลย์อัฑฒ์ชี้เจ็ตสกีเป็นชนวน แต่บุ๋มยืนยันไม่มีใครเล่นช่วงวิกฤต อาสากำลังเร่งช่วยชีวิต
  • กู้ภัยไม่รู้เส้นทาง–บ้านไร้เลขที่ เหตุปืนอาจเป็นสัญญาณขอความช่วยเหลือผู้ป่วยวิกฤต
  • พิบูลย์อัฑฒ์ติดรายชื่อ 6 สว.ถูกกล่าวหาฮั้วสว. ปี 2567 ถูกจับตาทั้งสังคมและการเมือง

ความเข้าใจคลาดเคลื่อน หรือช่องว่างระหว่างคนพื้นที่–คนนอกพื้นที่?

เสียงปืนลั่นกลางพื้นที่ประสบอุทกภัยเขต 8 อำเภอหาดใหญ่ กลายเป็นเงื่อนไขของความตึงเครียดที่กระจายไปทั่วโลกออนไลน์ แต่สิ่งที่ทำให้ประเด็นยิ่งร้อนแรง คือคำอธิบายของ นายพิบูลย์อัฑฒ์ หฤหรรษ์ปราการ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ที่ระบุว่าเหตุการณ์ดังกล่าว “อาจเกิดจากกลุ่มเจ็ตสกีที่ไปเล่น–แข่งจนบางคนไม่พอใจ” พร้อมยืนยันว่า “คนหาดใหญ่ไม่น่ากลัว” หลังลงพื้นที่ตรวจสอบด้วยตัวเอง

ทว่าความจริงอีกด้านกลับสวนทางเมื่อ ดร.ปนัดดา วงศ์ผู้ดี หรือ บุ๋ม ปนัดดา ในฐานะผู้นำทีมกู้ภัยออกมาโต้ว่า ช่วงเวลานั้น “ไม่มีอาสาคนไหนขี่เจ็ตสกีเล่นแน่นอน” เพราะทุกทีมกำลังล้า หิว และกดดันจากการเร่งช่วยชีวิตคนในพื้นที่ที่เส้นทางทุกสายถูกทำให้ไร้หมุดหมายจากน้ำที่ซัดท่วมเลขที่บ้านจนมิด

สะท้อนวิกฤตด้านโลจิสติกส์–ภาระของอาสากู้ภัย

พิบูลย์อัฑฒ์เล่าว่า ลงพื้นที่เขต 8 หาดใหญ่ในสัปดาห์ก่อนหน้าแล้ว “ไม่พบความโหดร้ายใด ๆ” ทุกคนยกมือไหว้และให้ความร่วมมือดี แต่ยอมรับว่ากระแสข่าวเจ็ตสกีเพ่นพ่านอาจสร้างความไม่พอใจให้ชาวบ้านบางกลุ่ม จนนำไปสู่การยิงปืนขึ้นฟ้า หรือทำให้เกิดเสียงดังคล้ายอาวุธปืนในพื้นที่ลุ่มน้ำ

ในอีกฟากหนึ่ง บุ๋ม ปนัดดาอธิบายว่าบริบทของกลุ่มกู้ภัยต่างจังหวัดคือ “ไม่รู้เส้นทาง–ไม่มีคนนำทาง–ทุกบ้านไร้เลขที่” ทำให้ต้องขับเจ็ตสกีวนเพื่อหาตำแหน่งบ้านที่รอความช่วยเหลือเอง ซึ่งอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่าเป็นการขี่เล่น ทั้งที่เป้าหมายคือการเร่งแจ้งพิกัดผู้ประสบภัย

บุ๋มยังชี้ว่า เหตุปืนลั่นอาจเกิดจาก “ความหวาดกลัวและความต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน” เช่นมีผู้ป่วยวิกฤตติดอยู่ในบ้าน ทำให้บางครอบครัวพยายามยิงขึ้นฟ้าเพื่อให้ทีมกู้ภัยหันมามองพื้นที่ของตน แนวคิดนี้สอดคล้องกับประสบการณ์ของอาสาที่เคยเจอสถานการณ์คล้ายกันในเหตุภัยพิบัติใหญ่หลายครั้ง

สะท้อนวิกฤตด้านโลจิสติกส์–ภาระของอาสากู้ภัย

การช่วยเหลือในเขต 8 ไม่ได้มีแค่เสียงปืนที่ทำให้อาสาหวั่นไหว แต่ยังมีคำเตือนจากบุ๋มที่สะท้อนความจริงอันหนักหน่วงว่า อาสาหลายทีมต้อง “หาข้าว–หาน้ำ–หาที่พักเอง” แม้จะมีการจัดสรรงบประมาณบางส่วนจากหน่วยงานรัฐ แต่กลับไม่เพียงพอกับภารกิจที่ต้องทำต่อเนื่องหลายวัน

ขาดแคลนอุปกรณ์ขั้นพื้นฐาน เช่น ถุงมือ เสื้อกันน้ำ หรือแม้แต่อาหารมื้อเย็น ทำให้อาสาจำนวนมากตกอยู่ในสภาพอ่อนล้าอย่างที่สุด พร้อมตั้งคำถามถึงระบบการบริหารอาสาภัยพิบัติในภาวะวิกฤตของรัฐว่ามีความพร้อมเพียงพอหรือไม่

ในวันนี้ บุ๋ม ปนัดดา และทีมมูลนิธิองค์กรทำดีเตรียมลงพื้นที่หาดใหญ่อีกครั้งเพื่อเร่งฟื้นโรงเรียน และตั้งครัวกลางในพื้นที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการเร่งด่วนที่ยังคงล้นทะลักอยู่ในเขตน้ำท่วม

จากเสียงปืนสู่เงาคดีการเมือง: ประวัติ พิบูลย์อัฑฒ์ ที่ถูกจับตา

นอกเหนือจากปมปืนลั่นในเขต 8 ชื่อของ พิบูลย์อัฑฒ์ หฤหรรษ์ปราการ ยังเชื่อมโยงกับข้อกล่าวหาระดับชาติในฐานะ “หนึ่งใน 6 ส.ว. ล็อตแรก” ที่ถูกคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แจ้งข้อกล่าวหาว่ามี “เหตุอันควรสงสัย” หรือ “มีความปรากฏ” ว่าอาจฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2561 หรือกระทำการที่ทำให้การเลือก ส.ว. ปี 2567 “มิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม”

ประเด็นสำคัญที่ถูกตั้งคำถามคือ “ฮั้วเลือกไขว้” ระหว่างผู้สมัครในกลุ่มอาชีพต่าง ๆ ซึ่งเป็นข้อถกเถียงใหญ่ในสังคมไทยว่าระบบเลือก ส.ว. ชุดปี 2567 เปิดช่องให้ผู้สมัครตกลงกันล่วงหน้าหรือไม่

เส้นทางชีวิต: จากนักมวยคู่เอก สู่นักกีฬาเหรียญทอง สู่ ส.ว. 2567

พิบูลย์อัฑฒ์ เป็น ส.ว. ในนาม “กลุ่มศิลปวัฒนธรรม ดนตรีการแสดง บันเทิง นักกีฬา” ได้คะแนนในรอบเลือกไขว้ 62 คะแนน ติดหนึ่งในผู้ได้คะแนนสูงสุดของกลุ่ม

เขามีประสบการณ์ทางการกีฬายาวนานกว่า 45 ปี เป็นนักมวยไทยคู่เอก และเป็นนักวิ่งเจ้าของ 4 เหรียญทอง ก่อนขยับตัวสู่สายการเมือง โดยเคยเป็น “ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา” ระหว่างปี 2562–2566

ประวัติด้านการศึกษาระบุว่าจบปริญญาตรีนิติศาสตร์จากมหาวิทยาลัยศรีปทุม และมีอาชีพค้าขาย แม้เอกสาร ส.ว. 3 จะให้พื้นที่ประวัติการทำงานเพียง 5 บรรทัด แต่บทบาทของเขาในช่วงเลือกตั้ง ส.ว. 2567 กลับมีน้ำหนักมาก และกำลังถูกจับตาในระดับประเทศ

คนพื้นที่–อาสา–ส.ว.: บทเรียนที่ต้องคลี่คลายหลังน้ำลด

กรณี “ปืนลั่นเขต 8” เปิดคำถามสำคัญว่าการสื่อสารของภาคสนามต่อสาธารณะควรละเอียดรอบคอบเพียงใด เพราะทุกคำพูดจากผู้มีสถานะทางการเมืองอาจส่งผลต่อความเข้าใจของทั้งประเทศ ต่อภาพลักษณ์ของผู้ประสบภัย และต่อความปลอดภัยของอาสากู้ภัยที่ทำงานแข่งกับเวลา

ขณะเดียวกัน เหตุการณ์นี้ยังชี้ให้เห็นถึงช่องว่างระหว่างมุมมองคนนอกพื้นที่กับความจริงในพื้นที่น้ำท่วม ที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว ความรีบเร่ง และความไม่แน่นอนของชีวิตผู้ตกอยู่ในกระแสน้ำ

ท่ามกลางคำอธิบายที่สวนกันไปมา ระหว่าง ส.ว. ผู้ลงพื้นที่ด้วยตัวเอง กับผู้นำอาสาที่ปฏิบัติภารกิจบนผืนน้ำจริง สิ่งที่สังคมกำลังจับตาคือ “ข้อเท็จจริง” และ “ความรับผิดชอบ” ทั้งในสนามอุทกภัย และในสนามการเมืองที่พิบูลย์อัฑฒ์กำลังเผชิญ

ข่าวล่าสุด

วันพ่อหยุดยาว คนไทยแห่เที่ยว เงินสะพัดกว่า 10,000 ล้านบาท