posttoday

รู้หรือไม่ “MOU” ไม่ใช่สัญญา! ถอดบทเรียนกรณีแรร์เอิร์ธของอนุทิน

28 ตุลาคม 2568

นายกฯ อนุทิน ชาญวีรกูล ยืนยัน “MOU แรร์เอิร์ธ” เป็นเพียงกรอบความร่วมมือทั่วไป ไม่ใช่สัญญาผูกพันทางกฎหมาย เปิดความเข้าใจใหม่เรื่อง “MOU” ที่คนไทยควรรู้

KEY

POINTS

  • นายกฯ อนุทินชี้แจงว่า MOU แรร์เอิร์ธที่ลงนามกับสหรัฐฯ เป็นเพียงกรอบความร่วมมือเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และเทคโนโลยี ไม่ใช่สัญญาที่มีผลผูกพันทางกฎหมาย
  • MOU (Memorandum of Understanding) หรือบันทึกความเข้าใจ คือเอกสารแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันเพื่อวางกรอบการทำงาน แต่ยังไม่มีสถานะเป็นสัญญาที่บังคับใช้ได้ตามกฎหมาย
  • MOU มีความยืดหยุ่นสูง สามารถยกเลิกได้หากคู่เจรจาไม่เข้าใจกัน ต่างจากสัญญา (Contract) หรือสนธิสัญญา (Treaty) ที่มีผลผูกพันทางกฎหมายอย่างเต็มรูปแบบ

อนุทินย้ำ “MOU แรร์เอิร์ธ” เป็นกรอบความร่วมมือ ไม่ใช่พันธะทางกฎหมาย

นายกรัฐมนตรี อนุทิน ชาญวีรกูล ชี้แจงถึงกรณีการลงนาม บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านแร่หายาก (MOU แรร์เอิร์ธ) ระหว่างไทยกับสหรัฐอเมริกา ว่าเอกสารดังกล่าวเป็นเพียง “กรอบความร่วมมือทั่วไป” เพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และเทคโนโลยีในอุตสาหกรรมยุคใหม่ เช่น อิเล็กทรอนิกส์ พลังงานสะอาด และวัสดุขั้นสูง

“แรร์เอิร์ธ หมายถึงแร่ธาตุหายากที่มีมูลค่าสูง เรามีของดีอยู่แล้ว แต่ยังไม่พัฒนา เพราะองค์ความรู้ยังไม่เพียงพอ การที่สหรัฐอยากเข้ามามีส่วนร่วม ถือเป็นโอกาส ไม่ใช่การเสียเปรียบ” — นายอนุทินกล่าว

นายกฯอนุทิน ระบุเพิ่มเติมว่า ใน MOU ได้กำหนดไว้ชัดเจนว่า ทุกความร่วมมือจะต้องอยู่ภายใต้หลักธรรมาภิบาล ความเป็นธรรม และไม่ขัดต่อกฎหมายหรือรัฐธรรมนูญไทย ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ไทยยึดถือในทุกข้อตกลงระหว่างประเทศ

เมื่อถูกถามถึงกระแสกังวล นายอนุทินกล่าวติดตลกว่า

“อ่านหรือยัง? MOU แปลตรงตัวคือบันทึกความเข้าใจ เข้าใจกันได้ก็ทำต่อ ถ้าไม่เข้าใจก็เลิกกันได้ ไม่มีข้อผูกพันทางกฎหมาย ถ้าอยากให้เข้มข้นกว่านี้ ต้องทำเป็น Agreement หรือ Treaty ซึ่งเป็นสนธิสัญญาทางกฎหมาย ไม่ใช่ MOU”

นายกรัฐมนตรีทิ้งท้ายว่า รัฐบาลพร้อมให้ข้อมูลอย่างโปร่งใส เปิดรับทุกความร่วมมือที่เกิดประโยชน์ต่อประเทศ โดยยึดหลัก อธิปไตยและกฎหมายไทยเป็นสำคัญ

รู้หรือไม่ “MOU” ไม่ใช่สัญญา! ถอดบทเรียนกรณีแรร์เอิร์ธของอนุทิน

MOU คืออะไร : ข้อตกลงเจตนารมณ์ ไม่ใช่พันธะทางกฎหมาย

“MOU” (Memorandum of Understanding) หรือ “บันทึกความเข้าใจ” เป็นเอกสารที่ใช้แสดงเจตนารมณ์ร่วมกันระหว่างสองฝ่ายขึ้นไป โดยยังไม่ถึงขั้นเป็น “สัญญา (Contract)” ที่มีผลบังคับตามกฎหมาย

วัตถุประสงค์ของ MOU คือการกำหนด กรอบความร่วมมือ เพื่อให้ทุกฝ่ายเข้าใจตรงกันในแนวทางการทำงาน เช่น การวิจัย การลงทุน การพัฒนาเทคโนโลยี หรือการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ก่อนจะเข้าสู่ข้อตกลงที่ละเอียดและผูกพันมากขึ้นในภายหลัง

 MOU มีผลเมื่อใด และในทางใด

MOU จะ “มีผลในทางบริหารหรือการเมือง” ทันทีเมื่อทุกฝ่ายลงนาม
แต่จะไม่มีผลบังคับตามกฎหมาย เว้นแต่มีการระบุไว้ชัดในเอกสารว่า “มีผลผูกพันทางกฎหมาย”

ระหว่างประเทศ
หาก MOU มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับอธิปไตย ดินแดน หรือผลประโยชน์ของชาติ ต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญ เช่น MOU ไทย–กัมพูชา ปี 2543
แต่หากเป็นเพียงกรอบความร่วมมือทั่วไป เช่น การค้า การศึกษา หรือพลังงานสะอาด — จะมีผลทางบริหารทันทีหลังลงนาม

ระหว่างหน่วยงานรัฐในประเทศ
มีผลทางบริหารทันทีเมื่อหัวหน้าหน่วยงานลงนาม เช่น MOU กระทรวงศึกษาธิการกับมหาวิทยาลัย

ระหว่างเอกชน
เป็นเพียงข้อตกลงเบื้องต้น ไม่มีผลผูกพัน เว้นแต่ระบุไว้ชัดเจน

รู้หรือไม่ “MOU” ไม่ใช่สัญญา! ถอดบทเรียนกรณีแรร์เอิร์ธของอนุทิน


ตารางเปรียบเทียบ MOU (บันทึกความเข้าใจ) vs Contract (สัญญา)
ประเด็น MOU (บันทึกความเข้าใจ) Contract (สัญญา)
ความหมาย ข้อตกลงร่วมมือ แสดงเจตนารมณ์ร่วม ข้อตกลงที่มีผลผูกพันทางกฎหมาย
ผลผูกพัน ไม่มีผลทางกฎหมาย (เว้นแต่ระบุไว้) มีผลทางกฎหมายเต็มรูปแบบ
จุดประสงค์ วางกรอบความร่วมมือ กำหนดสิทธิ หน้าที่ เงื่อนไข
การบังคับใช้ ทางบริหาร / การเมือง ทางกฎหมาย
ความยืดหยุ่น ยืดหยุ่นสูง จำกัดตามเงื่อนไข
ความเสี่ยง ต่ำ สูง หากละเมิดอาจถูกฟ้อง
ตัวอย่าง MOU ไทย–กัมพูชา / MOU แรร์เอิร์ธ สัญญาซื้อขาย / สัญญาจ้างงาน
ระยะเวลา ตามที่กำหนด (เช่น 3–5 ปี) จนกว่าจะครบตามสัญญา

บทวิเคราะห์: MOU ในมิติการเมือง–เศรษฐกิจไทย

MOU เป็นเครื่องมือทางการทูตและเศรษฐกิจที่สำคัญในยุคโลกาภิวัตน์ โดยเฉพาะในโครงการที่ต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างประเทศ แต่ก็เป็นเอกสารที่มักกลายเป็น “ประเด็นการเมือง” ได้ง่ายเมื่อเกี่ยวข้องกับ ทรัพยากรและอธิปไตยของชาติ

ในกรณี “MOU แรร์เอิร์ธ” แม้รัฐบาลไทยยืนยันว่าเป็นเพียงกรอบความร่วมมือทางเทคโนโลยี แต่กระแสสังคมสะท้อนความกังวลถึงความโปร่งใสและผลประโยชน์ระยะยาว

อย่างไรก็ตาม การที่นายอนุทินออกมาชี้แจงอย่างชัดเจนว่า MOU นี้ “ไม่ผูกพันทางกฎหมาย” ถือเป็นการส่งสัญญาณให้เห็นว่า รัฐบาลยังคงยึดหลักความระมัดระวังและการตรวจสอบถ่วงดุลในทุกขั้นตอน

รู้หรือไม่ “MOU” ไม่ใช่สัญญา! ถอดบทเรียนกรณีแรร์เอิร์ธของอนุทิน

บทสรุป

MOU คือ “บันทึกความเข้าใจ” ไม่ใช่พันธะทางกฎหมาย
จุดแข็งของมันอยู่ที่ “ความยืดหยุ่น” แต่จุดอ่อนคือ “ขาดผลบังคับ”

ในบริบทโลกยุคใหม่ MOU จึงเป็นเครื่องมือเปิดทางความร่วมมือ แต่ต้องอยู่ภายใต้การสื่อสารที่โปร่งใสและเข้าใจตรงกันเพราะแม้จะไม่ผูกพันทางกฎหมาย แต่ “MOU”ย่อมผูกพันในความไว้วางใจทางการเมืองและศักดิ์ศรีของรัฐ

ข่าวล่าสุด

Wingstop ไก่ทอดจากอเมริกา แลนดิ้งไทยแลนด์ ‘เนม ปราการ’ ขึ้นแท่นผู้บริหาร