ก.ร.ตร.ชี้มูล “บิ๊กต่อ”กับพวก200นายผิดวินัย ปมรับส่วยเว็บพนัน
มติก.ร.ตร.ชี้มูลความผิดวินัย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล อดีต ผบ.ตร. และพวกกว่า 200 นาย ปมเรียกรับผลประโยชน์จากเว็บพนันออนไลน์ เตรียมเปิดให้ชี้แจงก่อนพิจารณาโทษร้ายแรง
KEY
POINTS
- ก.ร.ตร. มีมติชี้มูลความผิดทางวินัย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล (บิ๊กต่อ) และตำรวจอีกกว่า 200 นาย กรณีพัวพันการรับส่วยจากเว็บพนันออนไลน์
- การชี้มูลดังกล่าวเป็นผลมาจากการตรวจสอบคำร้องของทนายตั้ม โดยจะเปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหาเข้าชี้แจงข้อเท็จจริงก่อนพิจารณาบทลงโทษ
- นอกจากโทษทางวินัยซึ่งอาจร้ายแรงถึงขั้นปลดออกหรือไล่ออก คดีนี้ยังอยู่ระหว่างการไต่สวนของ ป.ป.ช. ที่อาจนำไปสู่การดำเนินคดีอาญาต่อไป
คณะกรรมการพิจารณาเรื่องร้องเรียนตำรวจ (ก.ร.ตร.) มีมติเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2568 ชี้มูลความผิดทางวินัยของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล หรือ “บิ๊กต่อ” อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และผู้เกี่ยวข้องกว่า 200 นาย จากกรณีถูกร้องเรียนว่ามีพฤติการณ์เรียกรับเงินจากขบวนการเว็บพนันออนไลน์ ตามคำร้องของนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ “ทนายตั้ม” ที่ยื่นตั้งแต่เดือนมีนาคม 2567
ก.ร.ตร.ใช้เวลาตรวจสอบกว่า 7 เดือน โดยรวบรวมหลักฐานและเอกสารจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายแห่ง ก่อนลงมติว่ามีมูลความผิดทางวินัยจริง ขณะนี้เตรียมเปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหาชี้แจงข้อเท็จจริงก่อนพิจารณาโทษ หากเข้าข่ายความผิดร้ายแรง จะเสนอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
แหล่งข่าวระบุว่า ข้อกล่าวหานี้ไม่จำกัดเฉพาะการสอบวินัยภายในตำรวจเท่านั้น แต่ยังอยู่ระหว่างการไต่สวนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ซึ่งมีมติรับเรื่องไว้ตั้งแต่ปลายปี 2567 เพื่อสอบสวนข้อเท็จจริงในคดีเรียกรับเงินหรือทรัพย์สินจากธุรกิจเว็บพนันออนไลน์และธุรกิจผิดกฎหมายอื่น รวม 8 รายชื่อ โดย ป.ป.ช.เตรียมขยายผลเพิ่มเติมหากพบผู้เกี่ยวข้องเพิ่ม
ทั้งนี้ หากกระบวนการชี้แจงของผู้ถูกกล่าวหาแล้วพบพยานหลักฐานชัดเจน การลงโทษทางวินัยอาจอยู่ในระดับร้ายแรงถึงขั้นปลดออกหรือไล่ออก และผลการสอบสวนของ ป.ป.ช.จะเป็นอีกเส้นทางหนึ่งที่อาจนำไปสู่การดำเนินคดีอาญาในชั้นศาลต่อไป


