มติเอกฉันท์ศาลรธน.ไม่รับ2คำร้องปมกกต.จัดเลือกสว.ไม่สุจริต
ศาลรธน.ไม่รับ 2 คำร้องปมเลือก ส.ว. ชี้ กกต.ใช้อำนาจตามกฎหมาย ส่วนกรณีร้องประธาน-เลขาฯ-ผอ.กกต.ราชบุรี ศาลเคยตีตกแล้ว
KEY
POINTS
- ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์ไม่รับพิจารณา 2 คำร้องที่กล่าวหาว่า กกต. จัดการเลือกตั้ง สว. โดยไม่สุจริตและไม่เที่ยงธรรม
- คำร้องแรกถูกปัดตกเนื่องจากศาลเห็นว่า กกต. ใช้อำนาจตามกฎหมาย และผู้ร้องยื่นคำร้องไม่ถูกต้องตามช่องทางที่รัฐธรรมนูญกำหนด
- คำร้องที่สองถูกปฏิเสธเนื่องจากเป็นการยื่นคำร้องซ้ำซ้อนในลักษณะเดียวกับคดีที่ศาลเคยมีคำสั่งไม่รับไว้พิจารณาแล้ว
เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2568 ศาลรัฐธรรมนูญได้พิจารณาคำร้อง 2 คดี ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) โดยมีมติเอกฉันท์ไม่รับคำร้องทั้งสองไว้พิจารณาวินิจฉัย
คดีแรก นายภิญโญ บุญเรือง ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า การจัดการเลือก สว. ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และเลขาธิการ กกต. ในการกำหนดวิธีการลงคะแนนเลือก สว. นั้น ไม่ใช่วิธีการลงคะแนนลับ ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่สุจริตและเที่ยงธรรม ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 3, มาตรา 4, มาตรา 5 และมาตรา 25
นอกจากนี้ นายภิญโญยังขอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้การเลือก สว. ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ และขอให้วินิจฉัยว่า พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 47 (2) ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญบางมาตราด้วย
ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาแล้วเห็นว่า การกระทำของผู้ถูกร้อง (กกต. และเลขาธิการ กกต.) เป็นการใช้อำนาจตามกฎหมาย หากผู้ร้องเห็นว่าเป็นการละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพ ก็อาจใช้สิทธิทางศาลอื่นได้ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 25 วรรคสาม
ส่วนกรณีที่ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้การเลือก สว. ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญนั้น รัฐธรรมนูญหรือกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญได้กำหนดกระบวนการร้องหรือผู้มีสิทธิขอให้ศาลพิจารณาวินิจฉัยไว้เป็นการเฉพาะแล้วตาม พ.ร.ป. ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญฯ มาตรา 47 (2) ซึ่งมาตรา 46 วรรคสาม บัญญัติให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณา
ดังนั้น ผู้ร้องจึงไม่อาจยื่นคำร้องดังกล่าวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 213 ได้ เช่นเดียวกับการอ้างว่า พ.ร.ป. ดังกล่าวขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นการขอให้ตรวจสอบความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของกฎหมาย ที่รัฐธรรมนูญบัญญัติให้สิทธิไว้เป็นการเฉพาะแล้วตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 212 และมาตรา 231 (1) ศาลรัฐธรรมนูญจึงมีมติเป็นเอกฉันท์ไม่รับคำร้องของนายภิญโญ บุญเรือง ไว้พิจารณาวินิจฉัย
คดีที่สอง นายวัฒนา ชมเชย ได้ยื่นคำร้องกล่าวหานายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต., นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. และนายณัฏฐกร คงเดชา ผอ.สำนักงาน กกต. ประจำจังหวัดราชบุรี ว่า ไม่ได้ทำหน้าที่จัดการเลือก สว. อย่างเที่ยงธรรม โดยกล่าวหาว่ามีการเอื้อประโยชน์ให้ใช้แบบ สว. 3 ที่มีลักษณะไม่เป็นไปตามที่ กกต. กำหนด และผู้ถูกร้องทั้งสามมีมติยกคำร้องแจ้งเบาะแสการทุจริตที่ผู้ร้องยื่นไป ซึ่งแสดงให้เห็นเจตนาเอื้อประโยชน์ต่อผู้สมัครรับเลือกเป็น สว. และลิดรอนสิทธิการได้รับเงินรางวัลในการแจ้งเบาะแส
ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาแล้วเห็นว่า นายวัฒนา ชมเชย ได้เคยยื่นคำร้องในลักษณะเดียวกันนี้ต่อศาลรัฐธรรมนูญมาแล้ว และศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญที่ 77/2567 ไม่รับคำร้องไว้พิจารณา การยื่นคำร้องดังกล่าวจึงไม่เป็นสาระอันควรได้รับการวินิจฉัยตาม พ.ร.ป. ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญฯ มาตรา 46 วรรคสาม และไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 213
ด้วยเหตุนี้ ศาลรัฐธรรมนูญจึงมีมติเป็นเอกฉันท์มีคำสั่งไม่รับคำร้องของนายวัฒนา ชมเชย ไว้พิจารณาวินิจฉัยเช่นกัน และเมื่อมีคำสั่งไม่รับคำร้องแล้ว คำขออื่นย่อมเป็นอันตกไป


