posttoday

วิโรจน์จี้ยกเลิกรพ.งดรับผู้ป่วยกัมพูชา ไทยเสียเปรียบเวทีโลก

31 กรกฎาคม 2568

"วิโรจน์ ลักขณาอดิศร" ห่วงไทยเสียเปรียบในการปกป้องอธิปไตยกรณีรพ.สรรพสิทธิประสงค์งดรับผู้ป่วยกัมพูชา สุ่มเสี่ยงตกหลุมพรางฝ่ายตรงข้าม นำเรื่องฟ้องประชาคมโลก

KEY

POINTS

  • นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร แสดงความกังวลต่อกรณีโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ประกาศงดรับผู้ป่วยชาวกัมพูชาชั่วคราว
  • ชี้ว่าการกระทำดังกล่าวอาจละเมิดหลักสิทธิมนุษยชนและอนุสัญญาเจนีวา ซึ่งจะส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์และความชอบธรรมของไทยในเวทีโลก
  • เตือนว่าการกระทำนี้สุ่มเสี่ยงต่อการตกหลุมพรางของกัมพูชา ซึ่งอาจนำประเด็นนี้ไปขยายผล ทำให้ไทยเสียเปรียบในการเจรจาระหว่างประเทศ
  • ย้ำว่าข้อพิพาทเป็นเรื่องระหว่างรัฐต่อรัฐ ไม่ควรถูกขยายผลเป็นความขัดแย้งหรือความเกลียดชังระหว่างประชาชนของทั้งสองชาติ

นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(สส.) บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก  Wiroj Lakkhanaadisorn - วิโรจน์ ลักขณาอดิศร โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี มีประกาศยกเลิกการปฏิบัติงานของผู้สื่อสารชาวกัมพูชา รวมถึงยุติการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชาเป็นการชั่วคราว ระหว่างวันที่ 31 กรกฎาคม ถึง 10 สิงหาคม 2568 เนื้อหาดังนี้
 
[ เพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติ ประเทศไทยจำเป็นต้องยึดมั่นในกฎหมายระหว่างประเทศ เราหลงกลอุบาย และตกหลุมพรางของกัมพูชาไม่ได้ครับ ]
 

ผมเข้าใจความรู้สึกของพี่น้องประชาชนชาวไทยจำนวนไม่น้อยเป็นอย่างดี แต่อย่างไรก็ตาม ผมจำเป็นต้องยืนยันข้อเท็จจริงที่สำคัญยิ่งในการปกป้องผลประโยชน์ของชาติ ต่อกรณีข้อพิพาทระหว่างไทยกับกัมพูชาในเวทีโลก

ประเทศไทยจำเป็นต้องยึดมั่นในหลักสิทธิมนุษยชน และให้ความเคารพต่ออนุสัญญาเจนีวาทั้ง 4 ฉบับ ซึ่งประเทศไทยได้ให้สัตยาบันไว้เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2492 เพื่อธำรงไว้ซึ่งความชอบธรรมของประเทศในการเจรจา ชี้แจง และปกป้องผลประโยชน์ของชาติในทุกเวทีระหว่างประเทศ

การที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี มีประกาศยกเลิกการปฏิบัติงานของผู้สื่อสารชาวกัมพูชา รวมถึงยุติการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชาเป็นการชั่วคราว ระหว่างวันที่ 31 กรกฎาคม ถึง 10 สิงหาคม 2568 อาจนำไปสู่การถูกกล่าวหาจากนานาอารยประเทศว่า ประเทศไทยได้ละเมิดอนุสัญญาเจนีวา ฉบับที่ 2 มาตรา 12 ซึ่งบัญญัติให้มีการปฏิบัติต่อผู้ป่วยและผู้ได้รับบาดเจ็บด้วยหลักมนุษยธรรม โดยไม่เลือกปฏิบัติด้วยเหตุแห่งสัญชาติ เชื้อชาติ ศาสนา เพศ หรือสถานะความเป็นคู่พิพาท
 

สถานการณ์เช่นนี้สุ่มเสี่ยงอย่างยิ่งต่อการตกหลุมพรางของกัมพูชา ซึ่งอาจนำเอาหลักฐานเอกสารดังกล่าวไปขยายผลในเวทีระหว่างประเทศ และเป็นเหตุให้ประเทศไทยเสียเปรียบในการชี้แจงเพื่อปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดน

แม้ผมจะต้องถูกตำหนิอย่างไร ผมก็จำเป็นต้องสะท้อนข้อเท็จจริงเหล่านี้ต่อพี่น้องประชาชนคนไทย เพื่อให้เราไม่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบในเวทีโลก และขอย้ำอย่างหนักแน่นว่า ข้อพิพาทระหว่างไทยกับกัมพูชา เป็นความขัดแย้งระหว่าง “รัฐต่อรัฐ” และไม่ควรถูกนำไปขยายเป็นความขัดแย้งหรือความเกลียดชังระหว่างประชาชน

หากปล่อยให้สถานการณ์ลุกลาม ประเทศไทยจะสูญเสียความสง่างามในเวทีโลก และอาจตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบในการปกป้องผลประโยชน์ของชาติในที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) การประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (UNGA) ตลอดจนเวทีระหว่างประเทศในระดับภูมิภาคและระดับโลก

ที่มา Wiroj Lakkhanaadisorn - วิโรจน์ ลักขณาอดิศร   

ข่าวล่าสุด

"พลังงาน" สั่งเข้ม! ตรวจสอบปริมาณส่งออกน้ำมัน ทางบก-เรือ พร้อมร่วมมือกองทัพสกัดลักลอบส่งน้ำมันเข้ากัมพูชา