posttoday

นายกฯย้ำรัฐบาล-กองทัพเป็นหนึ่งเดียวแก้ไขปมชายแดนกัมพูชา

06 มิถุนายน 2568

นายกฯ แพทองธารย้ำความเป็นเอกภาพรัฐบาล-กองทัพ แก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ไม่ต้องการให้เกิดความขัดแย้งหรือกระแสปลุกปั่นในสังคม

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา ว่า สิ่งสำคัญที่สุดในเวลานี้คือ “ความเป็นเอกภาพ” ของทุกฝ่าย พร้อมย้ำว่า รัฐบาลไม่ต้องการให้เกิดกระแสปลุกปั่น หรือสร้างความแตกแยกในสังคม

นายกรัฐมนตรีระบุว่า ความร่วมมือระหว่างรัฐบาลและกองทัพยังคงแน่นแฟ้น ไม่มีความขัดแย้ง และต่างฝ่ายต่างปฏิบัติหน้าที่ตามอำนาจความรับผิดชอบอย่างเต็มที่ พร้อมมีการหารือและเคลียร์งานร่วมกันอย่างใกล้ชิด เพื่อให้เข้าใจตรงกันทุกระดับ

“สิ่งที่เราต้องหลีกเลี่ยงคือการขยายความรุนแรงออกไปโดยไม่จำเป็น ซึ่งกองทัพเองก็ยืนยันว่ามี ‘ลิมิต’ ในการปฏิบัติ ไม่ให้สถานการณ์ลุกลาม และรัฐบาลก็สนับสนุนแนวทางดังกล่าวอย่างเต็มที่” น.ส.แพทองธารกล่าว

นอกจากนี้ ได้หารือรายละเอียดกับฝ่ายกัมพูชาแล้ว แม้ยังไม่เปิดเผยต่อสาธารณะเพราะอยู่ในช่วงการเจรจา แต่ยืนยันว่าทั้งสองฝ่ายมีความเข้าใจตรงกัน รัฐบาลไทยเตรียมการทุกด้านไว้ล่วงหน้า ทั้งแถลงการณ์ทั้งสองฉบับก็สะท้อนจุดยืนชัดเจนว่าไทยพร้อมเดินหน้าบนแนวทางสันติ

 

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวภายหลังการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ว่า การดำเนินการทั้งหมดยึดหลักการสำคัญคือการรักษาอธิปไตยของชาติ โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของประชาชน พร้อมเน้นความร่วมมือระหว่าง 3 ส่วนหลัก ได้แก่ การต่างประเทศ กองทัพ และการสื่อสารสาธารณะ ซึ่งขณะนี้มีการปรับแนวทางให้ชัดเจนและสอดประสานกันมากขึ้น

ในด้านความมั่นคง กองทัพยืนยันพร้อมปฏิบัติหน้าที่อย่างรอบคอบ มีขอบเขตที่ชัดเจนเพื่อหลีกเลี่ยงความรุนแรง รัฐบาลสนับสนุนแนวทางนี้อย่างเต็มที่ ส่วนการสื่อสารต่อสาธารณะ กระทรวงการต่างประเทศจะเป็นเจ้าภาพหลัก ร่วมประสานกับโฆษกกระทรวงกลาโหม กองทัพบก และกระทรวงดิจิทัลฯ เพื่อสร้างความเข้าใจในทิศทางเดียวกัน ป้องกันการบิดเบือนและความเข้าใจผิด

สมช. ย้ำว่า “อธิปไตย” คือหลักสำคัญที่สุด ขณะที่ประเด็นความสัมพันธ์ระหว่างประเทศต้องบริหารจัดการไม่ให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเสียประโยชน์ พร้อมจำกัดวงความขัดแย้งให้น้อยที่สุด

ขณะนี้รัฐบาลได้พิจารณาทุกมาตรการ โดยจะดำเนินการตามความเหมาะสมของสถานการณ์ ยืนยันว่าการเคลื่อนไหวของกองทัพไม่ใช่การ “ถอย” แต่คือการ “ปรับกำลัง” เพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งโดยไม่ละทิ้งอธิปไตย พร้อมย้ำว่า ไม่มีฝ่ายใดต้องการให้เกิดสงคราม

ด้านนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ระบุว่า ได้มีการประชุมร่วมบูรณาการระหว่างหน่วยงานด้านความมั่นคงและการต่างประเทศ เพื่อให้เดินหน้าไปในทิศทางเดียวกัน โดยไทยยืนยันใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ ได้แก่ คณะกรรมการ JBC, GBC และ RBC ซึ่งเป็นกลไกที่ผู้นำทั้งสองประเทศเห็นพ้องไว้ตั้งแต่ต้น

สำหรับการประชุมคณะกรรมการร่วม JBC ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 14 มิถุนายนนี้ จะเน้นหารือการลดจุดปะทะ ลดแรงกดดันระหว่างทหาร และใช้เวทีนี้ในการเจรจาเรื่องเขตแดนในกรอบที่ตกลงกันไว้ โดยจะประสานงานระหว่างกระทรวงการต่างประเทศ กองทัพบก และกระทรวงกลาโหม เพื่อให้เกิดความเข้าใจร่วมกันในสังคมไทย

พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด กล่าวย้ำว่า กองทัพสนับสนุนแนวทางรัฐบาลในการใช้สันติวิธี และในการประชุม ผบ.เหล่าทัพตามวาระ จะมีการหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ไทย-กัมพูชาอย่างต่อเนื่อง พร้อมเตรียมออกเอกสารข่าวชี้แจงแนวทางร่วมกัน.

เอกสารแถลงข่าว สมช.

 

 

ข่าวล่าสุด

ดูบอลสด ถ่ายทอดสด ฟูแล่ม พบ คริสตัล พาเลซ พรีเมียร์ลีก วันนี้ 7 ธ.ค.68