วิเคราะห์แถลงการณ์รัฐบาลไทยปมชายแดนกัมพูชาที่ไม่ไร้พลัง
เปิดบทวิคราะห์AI ผ่าน ChatGPT ไทยได้หรือเสียเปรียบกัมพูชา กรณีแถลงการณ์ของรัฐบาลไทยเลือกป้องกันสิทธิของตนผ่าน “ยุทธศาสตร์เงียบ”ผ่านการวางหมากกระดานรอบคอบ
กรณีรัฐบาลไทยออกแถลงการณ์ต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา แม้เนื้อหาจะไม่ใช้ถ้อยคำรุนแรงหรือประกาศกร้าว แต่เมื่อพิจารณาในมิติทางยุทธศาสตร์และการทูต กลับสะท้อนจุดยืนที่วางหมากรอบคอบ ทั้งเพื่อรักษาผลประโยชน์ของไทยและหลีกเลี่ยงความเสี่ยงทางกฎหมายระหว่างประเทศ
1. ไทย “ได้เปรียบ” หรือ “เสียเปรียบ”?
ได้เปรียบ – ในเชิงยุทธศาสตร์การทูต ไทยเลือกวางตัวเป็นฝ่าย “ควบคุมเกม” โดย:
- กำหนดกรอบเจรจาให้อยู่ในระดับทวิภาคี ผ่านกลไก JBC/GBC ซึ่งไทยมีประสบการณ์และโครงสร้างรองรับ
- หลีกเลี่ยงเวทีโลก เช่น ศาลโลก ที่อาจกลายเป็นช่องโหว่ให้กัมพูชาเปิดเกมรุกในระดับสากล
- ใช้ภาษาทางการทูตแบบระมัดระวัง สะท้อนความจริงจังแต่ไม่ยั่วยุ พร้อมยึดหลัก “สันติวิธี” และ “มนุษยธรรม” ซึ่งสอดคล้องกับบทบาทผู้นำในอาเซียน
เสียเปรียบ – ในสายตาประชาชนภายในประเทศ
- ถ้อยแถลงถูกมองว่า “อ่อน” หรือ “ไม่เด็ดขาด” ต่อการปกป้องอธิปไตย
- การไม่ยืนยันว่ามีการ “ลุกล้ำดินแดน” อาจตีความได้ว่าไทยไม่มีความมั่นใจในสิทธิของตน
2. เหตุใดไทยไม่ตอบโต้อย่างเป็นรูปธรรม?
ไทยเลือกไม่ตอบโต้รุนแรง เพราะ:
- เพื่อหลีกเลี่ยงการยกระดับความขัดแย้ง ซึ่งอาจนำไปสู่ความรุนแรงหรือปะทะทางทหาร
- ไม่เปิดช่องให้กัมพูชาใช้เป็นเหตุยื่นศาลโลก หรือฟ้องในเวทีสากล
- รักษาภาพลักษณ์ในเวทีอาเซียน ว่าไทยยังคงยึดหลักสันติภาพและการแก้ปัญหาด้วยการเจรจา
กลยุทธ์นี้จึงไม่ใช่ความอ่อนแอ แต่เป็นการ “ตั้งรับเชิงรุก” เพื่อรักษาผลประโยชน์ในระยะยาว
3. เหตุใดไทยไม่ยืนยันกร้าวว่าถูกลุกล้ำดินแดน?
เพราะพื้นที่ชายแดนบางส่วนยังอยู่ระหว่างการจัดทำเขตแดนร่วม ตาม MOU ปี 2543 ที่ระบุว่า “พื้นที่บางส่วนยังไม่ตกลงแน่ชัด” หากไทยประกาศสิทธิเหนือพื้นที่ที่ยังไม่ได้ข้อยุติ อาจถูกตีความว่าไทย “ละเมิดข้อตกลง” และกลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบในทางกฎหมายระหว่างประเทศ
นอกจากนี้ การแสดงจุดยืนที่แข็งกร้าวโดยไร้เอกสารสนับสนุน เช่น แผนที่ สัญญา หรือหลักฐานทางประวัติศาสตร์ อาจทำให้ไทยตกเป็นฝ่าย “ต้องพิสูจน์” ต่อเวทีโลก


