ย้อนอดีตแพทย์ใหญ่เปิดชั้น14ให้ข้อมูลรักษาอาการป่วยทักษิณ
เปิดเส้นทางชีวิตรับราชการ ผู้ช่วยผบ.ตร. พล.ต.ท.โสภณรัชต์ สิงหจารุ อดีตแพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ เปิดพื้นที่ชั้น14 รักษาอาการป่วยทักษิณ รู้สึกไม่เป็นธรรมกรณีมติแพทยสภา
พล.ต.ท.โสภณรัชต์ สิงหจารุ ผู้ช่วย ผบ.ตร. มอบหมายทนายความ ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่อนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ผ่านนายกองตรี ดร.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข กรณีแพทยสภามีมติลงโทษหมอรักษานายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ระหว่างถูกคุมขังตามคำพิพากษาในรพ.ตำรวจ
พล.ต.ท.โสภณรัชต์ เป็นนายตำรวจผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ เริ่มต้นจากการเป็นนายแพทย์ ก่อนก้าวสู่ตำแหน่งบริหารสูงสุดของโรงพยาบาลตำรวจในฐานะนายแพทย์ใหญ่ ช่วงปี 2563 มีบทบาทสำคัญในการบริหารจัดการโรงพยาบาลและประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ ได้เติบโตในสายงานตำรวจจนดำรงตำแหน่งผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
ชื่อพล.ต.ท.โสภณรัชต์ เป็นที่จับตาในกระแสสังคมช่วงเวลานั้น กรณีการเข้ารักษาตัวของนายทักษิณ ชินวัตร ที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ในฐานะนายแพทย์ใหญ่ แม้จะไม่ใช่ผู้รักษาโดยตรง แต่การจัดเตรียมห้องพัก การอนุมัติให้ใช้พื้นที่มีการให้สัมภาษณ์ชี้แจงอาการเจ็บป่วยเหตุผลอ้างอิงข้อมูลทางการแพทย์และมาตรฐานการรักษา
"นายทักษิณ มีความดันโลหิตสูง 170 มิลลิเมตรปรอทถูกนำไปที่ชั้น14ทันที เดิมเป็นพื้นที่กักตัวผู้ป่วยโควิด-19 ปัจจุบันเครื่องปรับอากาศใช้งานไม่ได้ ต้องใช้พัดลม2ตัว ระบายอากาศแทน ห้องพักไม่ได้เห็นทัศนียภาพภายนอก เนื่องจากฝั่งดังกล่าวติดกระจกอากาศร้อน"
"แพทย์ได้ทำการรักษาด้วยการให้น้ำเกลือ พร้อมระดมทีมแพทย์ตั้งเป็นคณะรักษารวม 6 ท่าน มีหมอเชี่ยวชาญด้านหัวใจ ปอด และ โควิด19 อยู่ในทีมดังกล่าว ซึ่งนายทักษิณไม่ได้ใส่เครื่องพันธนาการ เนื่องจากตามกฎหมายผู้ป่วยต้องโทษที่มีอายุน้อยกว่า 16 ปี หรือมากกว่า 70 ปีขึ้นไป" เป็นการให้สัมภาษณ์ของพล.ต.ท.โสภณรัตน์ ในช่วงเวลานั้น
ต่อมา แพทยสภามีมติลงโทษทางจริยธรรมแพทย์ 3 รายที่เกี่ยวข้องกับการรักษาซึ่งหนึ่งในนั้นคือ พล.ต.ท.โสภณรัชต์ ทำให้รู้สึกว่าการถูกลงโทษไม่ยุติธรรม ส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงในวงการแพทย์และตำรวจจึงได้ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ และพร้อมจะดำเนินการทางกฎหมายต่อไปหากไม่ได้รับความเป็นธรรม


