posttoday

ย้อนสัปปายะสภาสถานก่อนขอตั้งงบฯรีโนเวทเพิ่งตรวจรับงาน4ก.ค.67

06 พฤษภาคม 2568

ย้อนประวัติ อาคารรัฐสภาแห่งใหม่ สัปปายะสภาสถาน หลังพรรคประชาชนจับตา 15 โครงการรีโนเวทเพิ่มเติม 2,773 ล้านบาท ทั้งทีเพิ่งจะตรวจรับงาน 4ก.ค.67

กรณี นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊กถึงแผนขอใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ของรัฐสภา “สัปปายะสภาสถาน” ซึ่งพบว่ามี 15 โครงการรีโนเวทเพิ่มเติม ภายหลังอาคารเพิ่งเปิดใช้งานเพียง 5 ปี ด้วยวงเงินรวมกว่า 2,773 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น 10 โครงการที่ ครม.อนุมัติแล้ว 956 ล้านบาท และอีก 5 โครงการที่ยังอยู่ระหว่างขอความเห็นชอบ 1,817 ล้านบาท มีรายการที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์รุนแรง 

โครงการปรับปรุงห้องประชุมงบประมาณ 118 ล้านบาท

การออกแบบฉากหลังบัลลังก์ประธานห้องประชุมสุริยัน 132 ล้านบาท

การพัฒนาระบบภาพยนตร์ 4D ห้องบรรยายใหญ่ 180 ล้านบาท

นายพริษฐ์ชี้ว่า “งบประมาณเหล่านี้ส่วนใหญ่เน้น ‘ตกแต่ง-ติดตั้งระบบ’ ให้กับอาคารที่เพิ่งสร้างเสร็จไม่นาน ซึ่งสะท้อนถึงความไม่คุ้มค่าและอาจบ่อนทำลายศรัทธาของประชาชนต่อบทบาทตรวจสอบงบประมาณของรัฐสภาเอง”

นอกจากนี้ ยังมีข้อสงสัยในกระบวนการตรวจรับงานของอาคารหลัก ซึ่งนายวัชระ เพชรทอง อดีตสส.ประชาธิปัตย์ เคยยื่นเรื่องคัดค้านระบุว่ามีการใช้วัสดุไม่ตรงตามสัญญา เช่น ไม้ตะเคียนทองที่ไม่ได้มาตรฐาน รวมถึงมีการร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. ให้สอบสวนคณะกรรมการตรวจการจ้าง

แม้เลขาธิการสภาฯ จะวินิจฉัยให้ตรวจรับตามเสียงข้างมากในคณะกรรมการตรวจรับ โดยอ้างการปรึกษาสำนักงานอัยการสูงสุด แต่กระบวนการนี้ก็ยังทิ้งคำถามต่อความชอบธรรมของการใช้งบประมาณและการบริหารโครงการที่ใช้งบประมาณรวมกว่า 22,987 ล้านบาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กระบวนการตรวจรับงานก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ “สัปปายะสภาสถาน” ที่ประกาศเสร็จสมบูรณ์ 100% เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2567 โดย ว่าที่ ร.ต.ต.อาพัทธ์ สุขะนันท์ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร

การตรวจรับงานกลับถูกตั้งคำถามจากสังคมในวงกว้าง ทั้งในประเด็นความไม่โปร่งใสของขั้นตอนตรวจรับ และความชอบธรรมในการใช้งบประมาณแผ่นดินในโครงการก่อสร้างที่ยืดเยื้อมานานกว่า 10 ปี

ต่อมาปี2564 มีการเปิดใช้งานบางส่วนแต่การตรวจรับงานอย่างเป็นทางการยังไม่เสร็จสมบูรณ์ท่ามกลางข้อโต้แย้งและการร้องเรียนเกี่ยวกับความสมบูรณ์ของงานก่อสร้างและความโปร่งใสในการดำเนินการ ระหว่างการก่อสร้างมีการขยายสัญญาก่อสร้าง 4ครั้ง

แม้จะมีการรับมอบงานอย่างเป็นทางการ แต่ยังคงมีข้อกังวลเกี่ยวกับความสมบูรณ์ของงานก่อสร้างเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรยอมรับว่าการส่งมอบงานแต่ละส่วนอาจมีข้อบกพร่อง ซึ่งต้องพิจารณาว่าเกิดจากการใช้งานหรือการก่อสร้าง ตามสัญญา ผู้รับจ้างมีข้อผูกพันระยะเวลา 2 ปีในการดำเนินการแก้ไขชำรุดในส่วนที่เป็นข้อบกพร่อง

โครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่เริ่มต้นเมื่อปี2556 โดยมีบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) เป็นผู้รับเหมาหลัก ได้ยื่นฟ้องศาลปกครองตั้งแต่ปี พ.ศ. 2563 เนื่องจากสำนักเลขาธิการสภารับมอบล่าช้า ทำให้เกิดความสูญเสีย

ศาลปกครองได้เรียกพยานที่เกี่ยวข้องทั้งสองฝ่าย และกำหนดพิจารณาคดีนัดแรกในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2567เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรระบุว่าได้ปรึกษากับพนักงานอัยการ และมีข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงที่จะใช้ต่อสู้ในเรื่องที่ผู้รับจ้างฟ้องมา

สำหรับบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือที่รู้จักในชื่อย่อว่า STECON เป็นหนึ่งในบริษัทรับเหมาก่อสร้างชั้นนำของไทย ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี2505 โดยนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล อดีตรมว.สาธารณสุขและเป็นบิดาของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยในรัฐบาลนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี.


 
 

ข่าวล่าสุด

คดีพลิก สหรัฐฯปลดล็อกขายชิปให้จีน แต่รัฐบาลจีนอาจไม่อยากซื้อ