รัฐบาลเริ่มจ่ายเงินสงเคราะห์บุตร อัตราใหม่ 1,000 บาทแล้ว
ข่าวดีรับวันแรงงาน รัฐบาลจ่ายเงินสงเคราะห์บุตร 1,000 บ. งวดแรก (ของ ม.ค.68) เข้าบัญชีผู้ประกันตน ม.33/39 เมื่อ 30 เม.ย. หวังยกระดับคุณภาพชีวิต-ช่วยค่าครองชีพ
นับเป็นข่าวดีรับวันแรงงานและเป็นความคืบหน้าสำคัญตามนโยบายรัฐบาล เมื่อสำนักงานประกันสังคมได้เริ่มดำเนินการจ่ายเงินสงเคราะห์บุตรในอัตราใหม่ 1,000 บาทต่อเดือน ให้แก่ผู้ประกันตนตามมาตรา 33 และมาตรา 39 แล้ว โดยงวดแรกตามอัตราใหม่นี้ได้โอนเข้าบัญชีผู้มีสิทธิเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการจ่ายสำหรับสิทธิของเดือนมกราคม 2568
นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การปรับเพิ่มเงินสงเคราะห์บุตรจากเดิม 800 บาท เป็น 1,000 บาทต่อเดือนต่อคน ซึ่งมีผลบังคับใช้ย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 ถือเป็นหนึ่งในความสำเร็จที่เป็นรูปธรรมของรัฐบาลชุดปัจจุบัน ที่มุ่งมั่นยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มผู้ใช้แรงงานที่เป็นกำลังสำคัญของประเทศ
ใครได้สิทธิ? เงื่อนไขเป็นอย่างไร?
ผู้มีสิทธิ: ผู้ประกันตนในระบบประกันสังคม มาตรา 33 (ลูกจ้าง) และ มาตรา 39 (ผู้ประกันตนโดยสมัครใจ)
เงื่อนไขบุตร: ต้องมีบุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย อายุตั้งแต่แรกเกิด จนถึง 6 ปีบริบูรณ์
จำนวน: สามารถรับสิทธิได้คราวละไม่เกิน 3 คน
อัตราใหม่: 1,000 บาท ต่อเดือน ต่อบุตร 1 คน
กลไกและกำหนดการจ่ายเงิน
เงินสงเคราะห์บุตรจะถูกโอนเข้าบัญชีธนาคารของผู้ประกันตนที่แจ้งไว้กับสำนักงานประกันสังคม ทุกสิ้นเดือน อย่างไรก็ตาม ระบบการจ่ายเงินจะเป็นลักษณะการจ่ายย้อนหลังประมาณ 3 เดือน ตัวอย่างเช่น:
สิทธิประโยชน์ของเดือน มกราคม จะได้รับเงินในสิ้นเดือน เมษายน
สิทธิประโยชน์ของเดือน กุมภาพันธ์ จะได้รับเงินในสิ้นเดือน พฤษภาคม
สิทธิประโยชน์ของเดือน มีนาคม จะได้รับเงินในสิ้นเดือน มิถุนายน (และต่อเนื่องตามปฏิทินนี้)
ความสำคัญเบื้องหลังนโยบาย
การปรับเพิ่มเงินสงเคราะห์บุตรครั้งนี้ ไม่เพียงแต่ช่วยลดภาระค่าครองชีพที่สูงขึ้นให้กับครอบครัวผู้ประกันตนในการดูแลบุตรหลานเท่านั้น แต่ยังเป็นมาตรการเชิงรุกที่รัฐบาลนำมาใช้เพื่อรับมือกับ ปัญหาโครงสร้างประชากร ของประเทศไทย ซึ่งกำลังเผชิญกับภาวะอัตราการเกิดใหม่ที่ลดลงอย่างน่ากังวล สวนทางกับสัดส่วนประชากรผู้สูงอายุที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นโยบายนี้จึงสอดคล้องกับเป้าหมายในการส่งเสริมให้ประชากรมีบุตรมากขึ้น และที่สำคัญคือการสนับสนุนให้เด็กทุกคนได้รับการดูแลและเติบโตอย่างมีคุณภาพ อันเป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาประเทศในระยะยาว
ความสำเร็จนี้เป็นผลจากการบูรณาการความร่วมมือและการเห็นชอบร่วมกันของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งตัวแทนฝ่ายนายจ้าง ผู้ประกันตน และหน่วยงานภาครัฐ
ช่องทางติดต่อสอบถาม
สำหรับผู้ประกันตนที่มีข้อสงสัย หรือต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์เงินสงเคราะห์บุตร สามารถติดต่อได้ที่ สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่/จังหวัด/สาขา ที่ท่านสะดวก หรือผ่านช่องทางออนไลน์:
โทรศัพท์: สายด่วน 1506 (ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง)
เว็บไซต์: www.sso.go.th
Facebook: สำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน


